Home > Art & Design > ย้อนรอยผลงานหนังในดวงใจของ ‘ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา’ ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ
Cr. เก๋า…เก๋า

ต้องขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา นักแสดงอาวุโสและศิลปินแห่งชาติมากความสามารถที่จากไปในวัย 77 ปี จากโรคมะเร็งปอดที่ทำการรักษามาเป็นระยะเวลานาน นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิงไทยอย่างแท้จริง และในวันนี้ HELLO! ก็ขอพาทุกท่านไปย้อนรอยอดีตผลงานภาพยนตร์ของอาต้อยที่ไม่ว่าดูเมื่อไหร่ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนอาต้อยยังอยู่กับพวกเราเสมอ

ต้อย-เศรษฐา เริ่มเข้าวงการจากการเป็นคนขนเครื่องดนตรีจากการชักชวนของน้าชาย ‘สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์’ อดีตพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และมาเป็นนักร้องนักดนตรีจากการรวมตัวของเพื่อน ๆ ในชื่อวง ‘The Impossibles’ และสามารถคว้ารางวัลต่าง ๆ จากการประกวดแข่งขันวงสตริงคอมโบได้อีกด้วย และเป็นใบเบิกทางให้หลายคนในวงการเริ่มรู้จักต้อย-เศรษฐา และผลักดันเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ก่อนที่จะมีผลงานให้คนรุ่นหลังชมอีกมากมาย

ผลงานด้านภาพยนตร์ของ ต้อย มีกว่า 151 เรื่อง ตั้งแต่ปี 2513 จนถึง ปี 2558 และนี่คือผลงานที่เราอยากให้ทุกคนที่รักอาต้อยได้รับชมหากยังคิดถึงการแสดงของอาต้อยอยู่

โทน

ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา

โทน (ไชยา สุริยัน) หนุ่มกำพร้า อาศัยอยู่กับหลวงตาในชนบท โทนเป็นคนหน้าตาดี ฉลาด เรียนจบช่างยนต์ มีน้ำใจและชอบช่วยเหลือผู้อื่น สังข์ทอง (สังข์ทอง สีใส) เพื่อนรักของโทนเป็นลูกศิษย์วัดด้วยกัน ชอบร้องเพลง ทั้งสองสาบานว่าจะเป็นเพื่อนตายจนกว่าชีวิตจะหาไม่ โทนไม่สมหวังในเรื่องรักเช่นเดียวกับกุหลาบ (จารุวรรณ ปัญโญภาส) สาวผู้ที่มีอันจะกิน มีแต่สังข์ที่ใช้เพลงเป็นเพื่อนปลอบใจ แต่ไม่นานสงข์ก็ถูกยิงตกเขาตายในขณะที่โทนได้เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพที่มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยการช่วยเหลือของอ๊อด (สายัณห์ จันทรวิบูลย์) จึงได้พบกับแดง (อรัญญา นามวงศ์) สาวสังคมที่มีนิสัยเย่อยิ่งและเกลียดขี้หน้าโทนอย่างไม่มีเหตุผล แต่เมื่อแดงถูกอิทธิพล (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) ฉุดไปแต่โทนช่วยแตงออกมาได้ ทำให้แตงเริ่มมองเห็นความดีของโทนที่คอยช่วยเหลือแต่เกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อแดงกับกุหลาบ ถูกคนร้ายจับตัวไป โทนและอ๊อดจึงตามไปช่วย

และในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้วง The Impossibles มาร้องเพลงประกอบให้กับหนัง นับว่าเป็นครั้งแรกที่อาต้อย-เศรษฐาได้มีส่วนร่วมในวงการหนังไทยอย่างเป็นทางการ

แดร็กคูล่าต๊อก

ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา

แดร๊กคูล่าต๊อกเป็นภาพยนตร์ตลก ที่สร้างขึ้นมาล้อเลียนผีฝรั่งอย่าง ‘แวมไพร์’ หรือ ‘แดร็กคูล่า’ และเป็นหนังเรื่องแรก ๆ ที่อาต้อยเป็นนักแสดงนำอีกด้วย หากใครคิดถึงอาต้อย ก็สามารถลองหามาดูได้

ปี พ.ศ. 2522 เมื่อบ้านเมืองเจริญก้าวหน้า พื้นที่ป่าช้าจึงถูกรุกล้ำเพื่อไปสร้างศูนย์การค้า ประกอบกับชาวบ้านก็ทำบุญน้อยลง ทำให้ผีไทยประสบความแร้นแค้นจึงพากันมาประชุมหาทางแก้ปัญหา โดยเทียบเชิญด็อกเตอร์แดร๊กคูล่าต๊อกมาช่วยแก้ไขปัญหา แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลทำให้แดร๊กคูล่าต๊อกกลับได้สาวไทยมาเป็นภรรยาถึงสองคน จนทำให้เหล่าผีไทยเขม่นและต้องหาทางปราบแดร๊กคูล่าต๊อกแทน

แส เป็นลูกสาวของพ่อพวน มีคนรักชื่อ คล้อย แต่พ่อบังคับให้แสแต่งงานกับลูกชายกำนันเชิงกาน แสจึงแกล้งทำเป็นโดนผีเข้า เชิงกานจึงตามหมอผีมาปราบ หมอผีถีบแสจมน้ำทำให้แสเป็นปอดบวมตาย คล้อยแอบนำศพแสมาให้ สมพงษ์ และ ชูศรี กระสือและกระหังช่วย ชูศรีพาคล้อยไปนรกเพื่อหาพญายม พญายมพาคล้อยไปดูนรกขุมต่างๆ แต่ไม่เจอแส จึงพาไปสวรรค์ จนได้พบกับแส เทวดาพาแสเดินทางไปกับดอกบัวพร้อมกับคล้อยโดยต้องไปให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ ขึ้นไม่งั้นวิญญาณจะกลายเป็นอากาศ พอมาถึงแสตื่นขึ้นมาคนเดียว ชูศรี และพงษ์จึงต้องไปตามหาคล้อยปล่อยให้แสอยู่คนเดียวที่กระท่อม พอกลับมาไม่เห็นแส เลยคิดว่าแดร็กคูล่าเอาตัวไปแล้ว จึงช่วยกันตามหา พอเจอกับแดร็กคูล่าต๊อก คล้อยจึงนำตะปูไม้ไปตอกอกแต่แดร็กคูล่าต๊อกตื่นขึ้นมาก่อน จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น คล้อยนำผ้ายันต์มาขู่แต่หยิบผิดหยิบตั๋วจำนำออกมา ผู้กำกับจึงสั่งคัตหาว่าแดร็กคูล่าที่ไหนกลัวตั๋วจำนำ ล้อต็อกถูกฝรั่งด่าเลยเดินเข้าไปหาผีอีกตัวหนึ่งซึ่งคิดว่าเป็นตัวประกอบเช่นกันแต่ที่จริงแล้วเป็นผี ทุกคนจึงต้องวิ่งหนี แล้วทิ้งล้อต๊อกไว้

ครูสมศรี

เศรษฐา ศิระฉายา

เรื่องราวของครูสมศรี ถ่ายทอดจากปากของ บุญเพ็ง (รณ ฤทธิชัย) ผู้อำนวยการกองบริการประชาชนของเทศบาลที่เคยสูญเสียคนรักสมัยเป็นนักศึกษาในเหตุการณ์มหาวิปโยค จนบุญเพ็งเก็บอุดมการณ์ใส่ลิ้นชัก ยอมเป็นเบี้ยในระบบราชการ กระทั่งมาพบครูสมศรี (ชาลิตา ปัทมพันธ์) ที่มีเลือดนักสู้ ทำให้บุญเพ็งรู้จักชีวิตและกล้าที่จะเปิดโปงทุจริตต่อ ป.ป.ป.

ครูสมศรี เกิดในสลัมตรอกศาลเจ้าพ่อเสือ มุมานะเรียนจนจบชั้น ม.ศ.5 แล้วมาเป็นครูสอนในโรงเรียนของครูทองย้อย (ส.อาสนจินดา) ครูแก่ขี้เหล้าที่ไม่มีไฟความเป็นครูเหลืออยู่ สลัมแห่งนี้เป็นที่หมายตาของบริษัทสหพัฒนาที่ดินจำกัด มีนายดุสิต (ภูมิ พัฒนยุทธ) เป็นประธานและทนายสด (ชลิต เฟื่องอารมณ์) เป็นมือกฎหมาย ใช้ทั้งกฎหมายและกฎหมู่ในการผลักดันให้ชาวสลัมออกไป จะเอาไปทำศูนย์การค้า ครูสมศรีกับชาวบ้านต่อต้านไม่ยอมออก จึงถูกพวกบริษัทวางเพลิงเผาไล่ที่ ครูสมศรีนำชาวบ้านไปร้องเรียนต่อเทศบาล ได้รับความช่วยเหลือจากนายบุญเพ็งและทนายทองดี (เศรษฐา ศิระฉายา) เพราะเห็นว่า มีการทุจริตในการให้บริษัทเช่าที่ดินสลัม เหตุการณ์รุนแรงตามลำดับ บุญเพ็งถูกห้ามติดตามเรื่องสลัม ชาวบ้านถูกตำรวจกลั่นแกล้งจับกุม กรรมการหมู่บ้านถูกฆ่าตาย ถูกข่มขู่ ต่อมาทนายทองดีก็ถูกยิงตายอีกคน ทำให้ชาวบ้านเริ่มท้อแท้ หวาดกลัว ส่วนครูทองย้อยซึ่งมีสัญญาเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนแผ่นดินเหลืออยู่ ก็ถูกพวกบริษัทมาให้ข้อเสนอจะสร้างโรงเรียนให้ใหม่และยุยงให้เผาโรงเรียนทิ้ง แต่ครูทองย้อยไม่ยอมทำ สมุนของบริษัทจึงลงมือทำเอง พอดีกับบุญเพ็งและครูสมศรีมาพบก่อน จึงช่วยกันดับไฟทัน แต่ครูสมศรีก็ถูกยิงตาย ทำให้ครูทองย้อยเห็นความตั้งใจอันแรงกล้า จึงอึดสู้คดีกับบริษัทจนศาลมีคำพิพากษาให้เป็นฝ่ายชนะคดี มีสิทธิอยู่ในสลัมได้ สมความตั้งใจของครูสมศรี

เก๋า…เก๋า

เศรษฐา ศิระฉายา

พ.ศ. 2512 กรุงเทพฯ ในยุคที่หนุ่มสาววัยทีนเมามายกับแสงไฟดิสโก้ยามค่ำคืน การปรากฏตัวของวงสตริงเครื่องเป่า ผู้ประกาศตัวเป็นคณะปฎิวัติแห่งเสียงเพลงได้พลิกโฉมหน้าวงการไปชนิดที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ Possible คือวงสตริงคอมโบที่จุดระเบิดความฮิตไปทุกหัวระแหง คอนเสิร์ตของพวกเขามีอานุภาพรุนแรงขนาดปลุกวัยรุ่นให้ลุกจากเตียงเพื่อไปฟังเพลงได้ตั้งแต่ตีสี่ ต๋อย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) นักร้องนำ มีฝีไม้ลายมือในการแปลงเพลงระดับเทพ เพลงฝรั่งไม่ว่าเจ๋งแค่ไหน ต๋อยบิดเป็นเนื้อไทยได้แจ๋วกว่า ฝรั่งร้อง Linda Linda I Love You ต๋อยชงเป็น รินมา รินมา ฉันขอรักเธอเมามาย ฝรั่งแดนซ์ You can ring my bell..ell..ll ต๋อยถอดกางเกงเต้น กาง เกง ลิง ลอย ฟ้า อ้า อ้าา

สมาชิกในวงไม่ว่า โบ้ (ปิยะ ศาสตรวาหา) มือกีต้าร์ สอง (จักรพงศ์ สิริริน) มือเบส น๊อต (ยุทธนา ธุวะประดิษฐ์) มือคีย์บอร์ด และ เบ๊ (ธนากร ชินกูล) มือกลอง ต่างสนุกสนานกับชีวิตคนดังนิสัยเสียไปวันๆ Possible ถือมติ ไม่ซ้อม มาสาย เมาเหล้า มั่วคิว และหม้อหญิง โอ้ ชีวิตอะไรมันจะน่าอิจฉาขนาดนี้ พวกเขากำลังจะได้เข้าอัดแผ่นเสียงเพื่อบัญญัติความดังไว้เป็นอมตะ Possible จึงหยิ่งผยองในความเป็นหนึ่งและอารมณ์เสียสุดๆ ที่มีวงน้องใหม่ชื่อ The Impossible ผุดขึ้นมาแย่งความสนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง Possible ได้รับไมค์เด็กเล่นเป็นของขวัญจากแฟนเพลงลึกลับ ต๋อยและเพื่อนๆ สมาชิกหัวเราะให้กับความคิดบรรเจิดนี้อย่างสนุกสนานและถือมันติดมือขึ้นเวทีไปด้วย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ในคอนเสิร์ตเปิดโรงภาพยนตร์พระโขนง ซีเนม่า ไมค์สีชมพูหวานจ๋อยอันนั้นส่งพวกเขาข้ามเวลามาปี 2549 พ.ศ.ที่ดนตรีสตริงคอมโบกลายเป็นไดโนเสาร์ และวง Possible มีค่าเท่ากับวงบ่อจี๊ที่ไม่มีใครรู้จัก กรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่ทางของพวกเขาอีกต่อไป Possible ต้องรีบหาทางกลับอดีตด่วนจี๋ และวิธีนั้นมีทางเดียวพวกเขาจะต้องระดมแฟนเพลงมารวมตัวกันเล่นดนตรีเพื่อจุดพลังให้ไมค์ทำงานอีกครั้ง แต่ในเมื่อปัจจุบันเทคนิคการแปลงเพลงอันเอกอุ กลับกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ซ้ำร้าย Possible ยังถูกตราหน้าว่าเป็น The Impossible เวอร์ชั่นแผ่นผีเข้าไปอีก

และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงวง The Impossible แล้ว ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา ก็ต้องมาโผล่ในหนังให้เราได้ชมกัน แต่ว่าจะมาในฉากไหนก็ต้องไปดูกันเองนะ

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 และ 4

เศรษฐา ศิระฉายา

ในปีพุทธศักราช 2127 การประกาศเอกราชที่เมืองแครง ทำให้พระเจ้านันทบุเรงแห่งพม่าเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงว่า อยุธยาในฐานะประเทศราชในขณะนั้นทำการเยี่ยงนี้อาจเป็นชนวนให้ประเทศราชอื่นๆ ตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่ด้วยติดศึกอังวะ จึงส่งเพียงพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา

กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราสร้างชื่อไกลถึงแผ่นดินละแวก เจ้ากรุงละแวก (เศรษฐา ศิระฉายา) มิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่า “จีนจันตุ” มาลอบสืบความ ที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหันมาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วยอยุธยา การได้พระศรีสุพรรณมาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่ และเกิดการศึกระหว่างพม่าและกรุงศรีอีกหลายครั้ง ก่อนที่จะนำไปสู่ศึกยุทธหัตถีในภาคที่ 4

แม้ ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา จะจากพวกเราทุกคนไปแล้ว แต่ทุกการแสดงของอาต้อยก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงการแสดงคุณภาพของผู้มากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 30 ปี ที่ฝากผลงานเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้นำมาเป็นแบบอย่างดี และภาพของผู้ใหญ่ใจดี ยิ้มแย้มเก่ง จะอยู่ในใจเราตลอดไป

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.