กลิ่นของไม้และหนังสือ ผสมกับกลิ่นเครื่องหอมที่แสนผ่อนคลาย นำพาให้เราเคลิ้มไหวไปกับโลกของ ณัฐ และ ก้อย – สิวิกา ประกอบสันติสุข ที่ World at the corner ร้านหนังสือ ในบ้านไม้โบราณที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมประมาณสมัยรัชกาลที่ 6 สถานที่ตั้งของบ้านหลังนี้รายล้อมไปด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณ วิถีชีวิตของผู้คนในย่านเมืองเก่า นับเป็นพื้นที่ที่เข้มข้นไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก

คุณณัฐและคุณก้อย คือสองพี่น้องในอุดมคติที่หลายคนชื่นชอบ ทั้งคู่ทำงานสร้างสรรค์ คุณณัฐเป็นช่างภาพแฟชั่นชื่อดัง เป็นตำนานของวงการแฟชั่นไทยฝากฝีไม้ลายมือไว้มากมายกับผลงานต่าง ๆ ขณะที่คุณก้อยเป็นนักเขียนแนวท่องเที่ยวที่มีแง่มุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจผ่านตัวอักษรทั้งคู่มักจะทำงานด้วยกัน และเดินทางด้วยกันตลอด ประสบการณ์ และความทรงจำเกี่ยวกับการเดินทางของทั้งสองจึงมีมากมาย พร้อมอัดแน่นอยู่ในบ้านสวยหลังนี้

เมื่อเราเดินเข้ามาในซอยมหรรณพ 1 ไม่ไกลนัก ทางซ้ายมือจะพบกับบ้านหลังหัวมุมหน้าตาเป็นมิตร นั่นคือ World at the corner นี่เอง ชื่อน่ารักนี้ เจ้าของร้านตั้งใจตั้งอย่างดี ทำให้สอดคล้องกับสถานที่ตั้งและสิ่งที่อยู่ภายในเป็นอย่างมาก ภายในร้านประกอบด้วยหนังสือภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับการเดินทางและวัฒนธรรมต่าง ๆ และมีมุมจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมที่ทั้งสองคัดสรรมาจากสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกอีกด้วย
หากมองผังภายนอกอาคารจะพบว่าทางเข้าอยู่ตรงกลางอาคาร แบ่งเป็นปีกทางซ้ายและขวา เมื่อเข้ามาในอาคารจะพบกับเคาน์เตอร์ต้อนรับตรงกลาง หลังเคาน์เตอร์จะเป็นประตูอีกบานทะลุไปด้านหลัง ห้องทางปีกขวาจะเป็นร้านจำหน่ายงานคราฟต์ ส่วนทางปีกซ้ายจะเป็นมุมหนังสือ ที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือที่มีการแยกหมวดอย่างชัดเจน ทั้งยังมีมุมนั่งอ่านหนังสือน่านั่งพร้อมเก้าอี้ขนาดน่ารักที่เป็นมุมโปรดของคุณก้อย

ถัดมาที่มุขด้านหน้าคืออีกห้องที่มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้หลายตัวรายล้อม มุมห้องด้านหนึ่งมีชั้นวางของมุมหนังสือเด็กซึ่งคุณก้อยชอบหนังสือเด็กและวรรณกรรมของเยาวชนมาก ๆ มุมอีกด้านมีเก้าอี้ตัวหนึ่งอยู่มุมห้องริมหน้าต่างรับแสงธรรมชาติและมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟมุมนี้เป็นมุมโปรดของคุณณัฐ บนโต๊ะไม้มีหนังสือหมวดโฟโตกราฟี่ (Photography) ซึ่งเป็นหมวดใหม่วางอยู่อย่างสวยงาม
ร้านหนังสือ World at the corner นี้ก่อตั้งมาแล้ว 3 ปีสิ่งใหม่ล่าสุดของตอนนี้คือมีการเปิดมุมใหม่ของหนังสือประเภทโฟโตกราฟี่ เป็นหนังสือภาพถ่ายจากช่างภาพชื่อดังที่คุณณัฐคัดสรรมาด้วยตัวเองมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ช่างภาพรุ่นหลั่งหรือคนที่ชอบถ่ายภาพมาซื้อไปเพื่อศึกษาและสร้างแรงบันดาลใจ โดยสั่งมาอย่างละ 1 เล่มเท่านั้นซึ่งพิเศษมาก ๆ ควรค่าแก่การอ่านและสะสม ซึ่งคุณณัฐตั้งชื่อของมุมหนังสือใหม่นี้ไว้แล้วว่า ‘What do you see at the corner?’

“ร้านนี้ผมตั้งใจที่จะให้เป็นแซงชัวรี (Sanctuary) ของตัวเอง ตอนที่เรารีไทร์แล้วเรามีความสุขอยู่กับอะไร เรารู้สึกว่า เราจะมีความสุขอยู่กับหนังสือ ผมจัดร้านให้นั่งสบาย อยู่สบาย อยากนั่งยังไงก็จัดแบบนั้น”
คุณณัฐ เล่ากับ HELLO! ก่อนเผยเกี่ยวกับการตกแต่งร้านนี้ว่า “หนึ่งเลยต้องประหยัดเงิน เรารู้ว่าร้านหนังสือเนี่ยขายยาก กำไรก็น้อย ไม่สามารถเลี้ยงเราได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำให้เป็นหนี้ก็หมายความว่าเราพาตัวลงเหว ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรใช้ของที่เรามีอยู่ประกอบกัน ถ้าดูจะรู้สึกว่าเฟอร์นิเจอร์เป็นสไตล์เก่าโบราณ แต่ดูเข้าจริง ๆ ก็จะมีผสม มิกซ์กันไปมา”
“มันเริ่มมาจากพอรื้อตัวโฟมออก เจอสีเหล่านี้ ผมก็บอกพี่ก้อยว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรมาก เราไม่ได้ดีไซน์กับสีที่มีอยู่เราก็มิกซ์ไปเลย ก็ไหน ๆ ชื่อร้านเราก็ตั้งเป็น World at the corner แล้ว ด้วยความที่ตั้งใจให้ทุกคนที่เข้ามาเหมือนเปิดประตูเข้าสู่โลก ก็คือเจอกับหนั่งสือที่มาจากนักเขียนทั่วโลก เพราะฉะนั้นก็ควรจะมิกซ์กันไปเพราะหนังสือเองก็แบ่งเป็นทวีป ถ้าสีบ้านมันหลากหลายแบบนี้ เราก็ไปในทิศนี้ เพราะฉะนั้นของที่วางอยู่ทั้งหมดนี่ก็จะมีทั้งของเก่า-ของใหม่ โมเดิร์นไม่โมเดิร็น ก็ใส่ลงมาหมด ตรงไหนมันวางสวยก็วาง” คุณณัฐกล่าว

สิ่งที่เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนคือบรรยากาศอันรื่นรมย์ในสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยความสงบ ความสบายน่าอยู่ เป็นเรื่องการสร้างสรรค์ความรู้สึกของพื้นที่ คุณก้อยเล่าให้ฟังว่า “ณัฐเขาให้ความสำคัญกับกลิ่น เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาก็จะรู้สึกว่าร้านนี้กลิ่นหอมจังเลย” ซึ่งคุณณัฐและคุณก้อยเล่าให้ฟังว่ากลิ่นหอม ๆ นี้เป็นเครื่องหอมที่ Panpuri สปอนเซอร์มาให้ เป็นกลิ่นชื่อว่า Leather Hours
นอกจากการคัดเลือกกลิ่นแล้วก็ยังมีการคัดเลือกเสียงเพลง โดยคุณณัฐบอกว่า คุณป้ แฟนคุณณัฐ เป็นคนสร้างเพลย์ลิสต์ ขึ้นมา เลือกเป็นเพลง World Music เพื่อให้เข้ากับร้าน โดยเน้นเพลงที่ฟังสบาย ไม่เครียด ในส่วนของการออกแบบแสงคุณณัฐเล่าให้ฟังว่า “มี 2 แบบ อันนึงเป็นแบบโคซี่ ไฟก็จะมาเป็นจุด ๆ ถ้าปิดไปห้องทั้งหมดก็จะเพิ่มความโคซี่ เป็นแสงแบบมีเงาอะไรแบบนี้ แต่พี่ก้อยบอกไม่ค่อยเหมาะกับการอ่านหนังสือ เป้แฟนณัฐเป็นสถาปนิกก็แนะนำให้ติดไฟแบบนี้ ซึ่งดีมากเลยเพราะมันไม่มีเงาทำให้อ่านหนังสือได้ทุกมุม”

คุณณัฐเป็นคนชอบไฟกิ่ง (Wall Lamp) มาก “ตั้งแต่ให้มาทำไฟก็กำหนดไว้เลยว่าจุดไหนของผนังต้องมีไฟกิ่งบ้างโคมไฟเยอะมาก เวลาเดินทางก็ซื้อของแต่งบ้านด้วยโดยเฉพาะโคมไฟจากทั่วโลก ทั้งอิตาลี อินเดีย และอื่น ๆ โคมที่เราซื้อมาเป็นโคมโบราณ เซ้นส์ของแสงไม่ได้ให้แสงสว่างไสวเจิดจ้าอะไร ก็จะทึม ๆ แบบนี้ ก็ไม่เคยได้ใชเ้ลยนะ เก็บมา 20 ปี เพราะเอามาแขวนอยู่ในบ้าน มันมืดตะรึ้ดตึ้ดตื๋อก็โดนด่า ก็ต้องเอาออก จนมาทำร้านก็ได้ใช้มาแต่งร้าน”
แม้จะเกิดจากการนำของที่มีอยู่มาใช้ ทว่าอัดแน่นไปด้วยคอนเซ็ปต์ และความตั้งใจของทั้งคุณณัฐและคุณก้อย จึงไม่แปลกที่ร้านหนังสือในบ้านไม้โบราณแห่งนี้จะกลายเป็นจุดหมายที่หลายคนชื่นชอบ หากใครที่ยังไม่เคยไปเยือน ลองหลบหลีกความวุ่นวาย มาเปิดประตูสู่โลกกว้างที่ World at the corner ณ ซอยมหรรณพ 1 สักครั้ง

นอกจากแรงบันดาลใจในการตกแต่งร้าน World at the corner คุณณัฐและคุณก้อยยังย้อนเล่าถึงความรัก ความผูกพันระหว่างพี่น้อง รวมถึงความหลงใหลหนังสือ และเรื่องเล่าสนุก ๆ จากการเดินทาง สามารถติดตามอ่านบทสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ในนิตยสาร HELLO! Vol.17 No.11
ซื้อนิตยสาร HELLO! ได้ที่เว็บไซต์ ?shop.burdathailand.com