ส่วนผสมอันตรายในผลิตภัณฑ์ความงาม ที่ว่านี้มักจะแอบแฝงอยู่ในสบู่ ยาสีฟัน แชมพูสระผม ครีมบำรุงผิว หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขน ซึ่งมีงานวิจัยสรุปผลออกมาแล้วว่า ถ้าเราใช้ไปนานๆ ก็จะกลายสภาพเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง สารที่ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ และสารก่อมะเร็งขึ้นมาได้ ฉะนั้นก็จงระวังส่วนผสมพวกนี้เอาไว้ให้ดี
1. พาราเบน (Parabens)
พาราเบนคือวัตถุกันเสียชนิดหนึ่ง ซึ่งมักพบในมอยส์เจอไรเซอร์ ผลิตภัณฑ์แต่งผม รวมทั้งเครื่องสำอางต่างๆ เพื่อช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ และเชื้อรา เท่านั้นยังไม่พอ การศึกษาวิจัยของ Cosmetics Safty Group ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไร ยังพบด้วยว่าพาราเบนมีส่วนในการขัดขวางการทำงานของฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม และมีความเป็นพิษต่อระบบสืบพันธ์ุ ซึ่งเมื่อนำชิ้นเนื้อร้ายไปตรวจก็พบสารพาราเบนในนั้นด้วย ซึ่งประเทศในแถบยุโรปได้ประกาศห้ามใช้สารพาราเบนนี้มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว แต่ในบ้านเราเพิ่งจะตื่นตัวกันเมื่อไม่นานมานี่เอง ฉะนั้นก่อนหยิบจับอะไรขึ้นมาใช้ ก็อ่านฉลากส่วนผสมให้ดีซะก่อน ว่ามีส่วนผสมชนิดนี้แอบแฝงอยู่หรือเปล่า
2. พาทาเลต (Phthalates)
พาทาเลตคือส่วนประกอบสำคัญในพลาสติกต่างๆ ซึ่งพบมากในโลชั่น ยาทาเล็บ น้ำหอม และสเปรย์ฉีดผม งานวิจัยโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาฮาร์วาร์ด พบว่าสารพาทาเลตนี้สร้างความเสียหายในสเปิร์มของมนุษย์ถึงระดับดีเอ็นเอเลยทีเดียว แถมยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสียหายของเซลล์อื่นๆ ด้วย
เราควรต้องระวังสารชนิดนี้ไว้ให้ดี เนื่องจากยังไม่มีการกล่าวถึงกันมากนัก แต่มักแอบแฝงอยู่ในถ้อยคำอย่าง “Fragance” ซึ่งแปลว่า “กลิ่นหอม” หรือบางครั้งก็ไม่ได้ระบุเอาไว้บนฉลากเลย ซึ่งนี่คือช่องโหว่ขององค์การอาหารและยาในอเมริกา ที่ทำให้บริษัทเครื่องสำอางต่างๆ สามารถเก็บงำความลับในเรื่องส่วนผสมเอาไว้ได้

3. ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde)
นี่คือวัตถุกันเสียที่มีชื่อเสียงอีกตัวนึง ซึ่งพบมากในมาสคาร่า ยาทาเล็บ เคลนเซอร์ และผลิตภัณฑ์ความงามอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่ยับยั้งการเติมโตของเชื้อแบคทีเรียแล้ว ฟอร์มัลดีไฮด์ยังถือเป็นสารก่อมะเร็งตัวสำคัญ ที่องค์กรระหว่างประเทศด้านการศึกษาวิจัยเรื่องสารก่อมะเร็งของอเมริกาบอกเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นสารเคมีตัวนี้ยังเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแพ้บนผิวหนัง และอาจส่งผลร้ายแรงต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย ฉะนั้นเวลาจะใช้อะไรก็ต้องระวังเอาไว้ให้ดี เพราะอาจจะไม่มีคำนี้ระบุไว้บนฉลากส่วนผสม ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดก็คือการเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเท่านั้น
4. สีสังเคราะห์ (Synthetic Colors)
สีสังเคราะห์…เป็นส่วนผสมเพียงอย่างเดียว ที่ต้องผ่านการรับรองขององค์การอาหารและยาในอเมริกาซะก่อน ถึงจะนำออกมาวางจำหน่ายได้ สารเติมแต่งพวกนี้มักได้มากจากน้ำมันดิบและน้ำมันดิน หรือสารประกอบทางเคมีต่างๆ ที่ผสมผสนจนกลายเป็นสีสันขึ้นมา ซึ่งมีอยู่หลายตัวเลยนะที่ถูกระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง และบางตัวก็มีส่วนเชื่อมโยงกับโรคสมาธิสั้นในเด็กด้วย
ประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปได้ประกาศห้ามใช้สีสังเคราะห์ในอาการและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายต่างๆ ฉะนั้นก็ต้องมองหาตัวอักษรผสมกับตัวเลข อย่างเช่น FD&C Blue No. 1 หรือ Blue 1. เพื่อจะได้รู้ว่ามีส่วนผสมชนิดนี้อยู่ด้วย นอกจากนี้เลิกใช้เจลอาบน้ำสีสวยๆ ซะ เปลี่ยนไปใช้อะไรที่ทำจากธรรมชาติแทนดีกว่า เพราะผลิตภัณฑ์พวกนี้จะไม่มีส่วนผสมที่เป็นสีย้อมหรือสีสังเคราะห์แน่นอน
5. สารกันแดด (Chemical Sunscreens)
สารออกซิเบนโซน (Oxybenzone) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ดูดซับรังสียูวีในแสงแดดนั้น ผลการศึกษาวิจัยของ Environment Working Group ระบุว่า สารออกซิเบนโซนเป็นส่วนผสมมีส่วนคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย และส่งผลทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ฉะนั้นจึงควรต้องระวังเอาไว้ให้ดี ส่วนสารกันแดดที่เป็นสารสังเคราะห์ตัวอื่นๆ ก็ได้แก่ Benzophenone, PABA, Avobenzone, Homosalate, และ Ethoxycinnmate ก็อาจทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย และก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่างๆในร่างกายได้ แถมสารเคมีพวกนี้ยังไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย และก่อให้เกิดพิษต่อระบบนิเวศน์ต่างๆ รวมทั้งมวลหมู่ประการังใต้ท้องทะเลด้วย
ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะแนะนำให้เราทาครีมกันแดดทุกวันโดยไม่มีวันหยุด แต่คุณก็ควรมองหาครีมกันแดดที่มีส่วนผสมอื่นๆ แทน อย่างเช่น Zinc หรือ Titanium Dioxide ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดแบบ Physical คือจะไม่ซึมเข้าไปในผิว จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับโครงสร้างของผิว และจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ด้วย นอกจากนี้ก็มองหาคำว่า “Reef-Safe” บนฉลากครีมกันแดดด้วย เพื่อที่จะได้มั่นใจได้ว่า ครีมกันแดดหลอดนั้นไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อประการังและโลกของเรา