ถึงแม้ในยุคนี้จะเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมาย ที่อวดอ้างสรรพคุณในการขจัดริ้วรอยได้ราวกับปาฎิหาริย์ แต่มักจะมีราคาแพงลิบลิ่ว! แถมเราก็ยังไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดด้วยว่า ครีมราคาแพงเหล่านั้นใช้ได้ผลจริงๆ หรือเปล่า? ฉะนั้นแทนที่จะพึ่งผลิตภัณฑ์พวกนี้อย่างเดียว ก็น่าจะลองหันมาให้ความสนใจกับวิธีเบสิคๆ ที่จะช่วยต่อรู้กับริ้วรอย ความหม่นหมอง และจุดด่างดำต่างๆ โดยไม่ต้องทุ่มเงินไปกับอะไรเหล่านั้นมากมาย เคล็ดลับในการป้องกันริ้วรอยเหล่านี้ จะช่วยให้เรา คงความหน้าเด็กเอาไว้ได้ ตราบนานเท่านาน!
1. ทาครีมกันแดดทุกวัน
คุณคงได้ยินได้ฟังมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า ไม่ว่าเราจะมีสภาพผิวและสีผิวอย่างไร ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่เราต้องทาครีมกันแดดทุกวัน เนื่องจากภัยร้ายจากรังสียูวีในแสงแดดนั้น คือตัวการอันดับหนึ่งที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย โดยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตเหล่านี้ จะเข้าไปทำร้ายคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน ซึ่งจะทำให้ผิวก่อเกิดริ้วและความหย่อนยานขึ้นมา ฉะนั้นก็ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 (ถ้าใครผิวขาวมากก็ควรใช้ค่า SPF 30) ทุกวัน ส่วนใครที่ต้องออกไปเริงร่าอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ ก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 40 ขึ้นไป แล้วอย่าลืมทาซ้ำทุกๆ สองชั่วโมงด้วยล่ะ!

2. ใช้แว่นกันแดดชนิดป้องกันแสงยูวี
การสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์สีเข้มๆ นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดดได้อย่างจริงๆ จังๆ หรอกนะ ฉะนั้นเวลาที่เลือกซื้อแว่นกันแดด ก็ควรอ่านรายละเอียดบนฉลากให้ดี โดยสมาคมส่งเสริมวิชาการแว่นตาในอเมริกา แนะนำให้เลือกแว่นกันแดดที่สามารถสกัดกั้นรังสียูวีเอและยูวีบีได้ 99 หรือ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวบอบบางรอบดวงตา ป้องกันโรคต้อกระจก และช่วยให้เราไม่ต้องหรี่ตายามเจอแสงจ้าๆ ด้วย
3. หลีกเลี่ยงของหวาน
ขอบอกว่าเวลาที่น้ำตาลเกิดการแตกตัวแล้วเข้าสู่กระแสเลือดนั้น น้ำตาลจะไปจับตัวกับโมเลกุลของโปรตีน ซึ่งก็รวมถึงเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยพยุงผิวด้วย โดยกระบวนการนี้มีชื่อว่า ‘Glycation’ ซึ่งจะทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินขาดความยืดหยุ่น จนสร้างปัญหาให้กับสุขภาพผิวได้ แต่การคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้านั้น ไม่ต้องถึงกับงดน้ำตาลหรือของหวานไปอย่างเด็ดขาดหรอกนะ เพียงแต่เลือกรับประทานอย่างชาญฉลาดมากขึ้น คือแทนที่กินไฮศครีมถ้วยโตๆ ทุกสัปดาห์ ก็ให้กินดาร์คช็อคโกแล็ตที่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซักหนึ่งหรือสองชิ้นเล็กๆ หลังดินเนอร์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการหิวโหยน้ำตาล
4. อย่าให้น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ บ่อยนัก
การปล่อยให้น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อความยืดหยุ่นของผิวด้วยนะ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้เกิดอาการโยโย่จากการควบคุมอาหารเด็ดขาด! พยายามควบคุมน้ำหนักให้คงที่ และมีความพอเหมาะพอดีกับขนาดรูปร่างจะดีกว่า นอกจากนี้ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำชี้แนะในการควบคุมดัชนีมวลกายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย

5. นอนหลับให้ได้เจ็ดถึงแปดชั่วโมงต่อวัน
นี่อาจจะไม่ใช่ข่าวใหม่สำหรับใครบางคน แต่โปรดจงรู้เอาไว้ด้วยนะว่า การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นส่งผลกระทบต่อผิวอย่างแน่นอน การนอนหลับยาวเจ็ดถึงแปดชั่วโมงทุกๆ คืนนั้น จะช่วยให้ผิวมีเวลาอย่างพอเพียงในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
6. อย่าสูบบุหรี่และอย่าอยู่ในที่ที่มีการสูบบุหรี่
มาถึงตอนนี้แล้ว…คงไม่มีใครไม่รู้พิษภัยของบุหรี่อีกแล้วล่ะ แต่ขอย้ำเตือนกันอีกครั้งว่าบุหรี่นั้นคือสิ่งเลวร้ายต่อชีวิตเราจริงๆ และถึงแม้คุณจะไม่ได้สูบบุหรี่ ก็จงทำความเข้าใจเอาไว้ด้วยว่า การสูดควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบอย่างต่อเนื่องนั้น จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จนนำไปสู่ปัญหาผิวหม่นหมองและการสูญสลาย ของคอลลาเจน แถมยังทำให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้ช้าขึ้นด้วย
7. ดูแลตัวเองยามเดินทาง
ต้องขอบคุณ ‘โควิด-19’ นะ ที่ทำให้ผู้คนในยุคนี้ระมัดระวังตัวเองมากขึ้นในขณะเดินทาง แต่เรื่องของเชื้อโรคนั้นไม่ใช่เรื่องที่เราควรกลุ้มใจเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน เนื่องจากเครื่องบินจะทำให้เราอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น จึงมีแนวโน้มจะถูกรังสียูวีโจมตีผ่านทางหน้าต่างเครื่องบินได้ง่ายขึ้น แถมสภาพอากาศบนเครื่องบินก็แห้งมากกว่าปกติด้วย ฉะนั้นก็ควรงดของขบเคี้ยวที่มีรสเค็ม และเติมความชุ่มชื้นให้ร่างกายบ่อยกว่าปกติ นอกจากนี้ก็ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 30 นาที และถ้าใครได้ที่นั่งติดหน้าต่าง ก็ควรดึงม่านหน้าต่างลงมาด้วย