‘น้ำหอม N°5′ คือซิกเนเจอร์ประจำ CHANEL (ชาเนล) มายาวนานนับศตวรรษ โดยมีจุดเริ่มต้นย้อนกลับไปยังปี 1921 เมื่อ กาเบียล ชาเนล ลุกขึ้นมาแหวกขนบน้ำหอมในสมัยนั้น เลือกใช้ขวดที่ปราศจากการตกแต่งโดยสิ้นเชิงเพื่อเปิดทางให้น้ำหอมด้านในได้โดดเด่นอย่างเต็มที่ และในโอกาสครบรอบ 100 ปีของน้ำหอมอันเลื่องชื่อนี้ เมซงจึงได้ปฏิวัติ N°5 ครั้งใหญ่เพื่อประทับหมุดหมายใหม่ของแบรนด์

ชาเนลยังคงรักษาคอนเซปต์เดิมของน้ำหอมไร้กาลเวลาขวดนี้ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ดูบริสุทธิ์ เปล่งประกาย และโปร่งใสใกล้เคียงกับคริสตัล โดยที่ยังดำเนินควบคู่ไปกับแนวคิดสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ทำให้ขวดน้ำหอม N°5 ประจำปี 2021 นี้มี “แก้วรีไซเคิล” เข้ามาเป็นส่วนประกอบไฮไลต์
เป็นเลิศอย่างยั่งยืน
ผลงานการรังสรรค์ครั้งนี้เป็นการจับมือระหว่างทีมชาเนลและ โปเชต์ ดู กูร์วาล (Pochet du Courval) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านงานแก้วที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1623 โดยการปฏิวัติขวดน้ำหอม N°5 ครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ
การร่วมมือในโอกาสพิเศษนี้ดูจะผลิดอกออกผลในหลายทาง เพราะนอกจากชาเนลจะได้ขวดน้ำหอมใหม่เฉลิมฉลองครบรอบศตวรรษแล้ว โปรเจกต์นี้ยังมีส่วนช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมๆ กับที่ยังรักษาสุนทรียะของน้ำหอมไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“โดยเฉลี่ยแล้ว การผลิตขวดแบบใหม่ที่ใช้ SEVA 3 (วัสดุแก้วรีไซเคิลรุ่นใหม่) จำนวน 1 ล้านขวด จะช่วยลดการใช้วัตถุดิบบริสุทธิ์จากธรรมชาติได้ถึง 25 ตัน” กลุ่มบริษัทโปเชต์กล่าวเสริม
ขวดแก้วรีไซเคิลที่มาพร้อมคุณภาพคับแก้ว
แน่นอนว่าการปฏิวัติครั้งนี้ของชาเนลไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย แต่เป็นงานที่ท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง เพราะโดยทั่วไปแล้วความโปร่งใสของคริสตัลเกิดจากความบริสุทธิ์ของวัสดุตั้งต้น หรืออย่างวัสดุแก้วที่ใช้ในวงการน้ำหอมจะมีความโปร่งใสและแวววาวสูง ซึ่งการรีไซเคิลอาจทำให้คุณภาพตรงนี้เปลี่ยนไปได้
กลุ่มบริษัทโปเชต์จึงได้พัฒนากระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุแก้วรีไซเคิลจะยังคงคุณภาพสูงเช่นเดิม “เพื่อความสอดคล้องกับมาตรฐานของชาเนล เราได้ศึกษาทุกรายละเอียดของแก้วชนิดใหม่นี้อย่างลึกซึ้ง ทั้งสีสัน ความโปร่งใส ความบริสุทธิ์ ความแวววาว รวมไปถึงความทนทาน ทุกอย่างจะต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มงวด” ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก โปเชต์ ดู กูร์วาล เผย
น้ำหอม CHANEL N°5 รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ถือเป็นก้าวแรกของชาเนล เพราะเป็นรุ่นแรกที่ได้สัมผัสนวัตกรรมนี้ โดยชาเนลวางแผนที่จะนำนวัตกรรมนี้มาใช้กับน้ำหอมรุ่นอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป โดยทั้งชาเนลและกลุ่มบริษัทโปเชต์ตั้งใจที่จะจับมือกันพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
Courtesy of CHANEL