เพราะผิวหน้าที่ดีคือพื้นฐานของความสวยอันยั่งยืน สายบิวตี้ทั้งหลายจึงต่างทุ่มเทลงทุนให้กับสกินแคร์ราคาสูงลิ่วมากมาย แต่หลายคนก็อาจเกิดคำถามว่า “แล้ว ครีมแพง นี่ดีจริงไหม?” วันนี้ HELLO! เลยขอพาทุกคนมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยด้วยการเจาะลึกถึงส่วนผสมสุดเลอค่าและเทคโนโลยีสุดล้ำของ 8 สกินแคร์ระดับท็อป ที่จะทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าเหตุใดราคาของครีมบำรุงผิวถึงได้สูงเช่นนี้
Augustinus Bader

เริ่มต้นกันด้วย ‘Augustinus Bader’ แบรนด์สกินแคร์สัญชาติเยอรมันที่ก่อตั้งและพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นโดยยึดหลักนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์กว่า 30 ปี และไอเท็มชื่อดังที่สาวกบิวตี้ต่างมอบมงให้ก็คือ The Serum เซรั่มเนื้อเข้มข้นแต่ซึมซาบได้รวดเร็ว รังสรรค์ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายที่สุดของผิว ตั้งแต่ภาวะขาดน้ำไปจนถึงสัญญาณแห่งวัย
ภายในขวดเซรั่มสีน้ำเงินโดดเด่น อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมแสนเลอค่าและเทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น สารออกฤทธิ์ TFC8 ที่ผสมผสานกรดอะมิโนธรรมชาติเข้ากับวิตามินคุณภาพสูง ช่วยนำสารอาหารหลักอันทรงพลังเข้าซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ , สารสกัดเมล็ดทับทิมเข้มข้น อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด นับเป็นหัวใจหลักของการลดเลือนริ้วรอยเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี พอลิแซ็กคาไรด์ มอยซ์เจอร์ คอมเพล็กซ์ ที่คอยช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นบนผิวให้สมดุลอยู่เสมอ
Cle de Peau Beauté

ข้ามฝั่งมายังแบรนด์สกินแคร์สุดลักซ์ชัวรี่จากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Clé de Peau Beauté ที่มีท็อปไลน์คือตระกูล Synactif อันเปรียบเสมือนยอดมงกุฎของความงาม สาเหตุที่ได้รับฉายานี้ก็เพราะว่าคุณสมบัติของสกินแคร์ในไลน์ Synactif จะช่วยให้ผิวสะอาดบริสุทธิ์ และฟื้นฟูให้ผิวรู้สึกเหมือนเพิ่งผลิบาน ทั้งยังอบอวลไปด้วยความหอมสุดละเมียดละไมด้วยกลิ่นจากดอกกุหลาบที่ทางแบรนด์เฟ้นเลือกคัดสรรเพาะปลูกขึ้นมาเอง
สำหรับผลิตภัณฑ์สุดพรีเมี่ยมอย่าง Clé de Peau Beauté Synactif Créme N ส่วนผสมสำคัญ 4 อย่าง ได้แก่ Lamium Album Leaf Extract, Cinnamon Cassia Bark Extract, Mulberry White Bark Extract และ Lemon Balm Extract โดยส่วนผสม 3 อย่างแรก จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวของท่อน้ำเหลืองปริแตกจนของเสียรั่วซึมออกมา ในขณะที่ส่วนผสมสุดท้ายอย่าง Lemon Balm Extract จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวนุ่มเด้งและกระจ่างใสจากภายใน เรียกได้ว่าเป็นการปลดล็อกความงาม ณ จุดสูงสุดแห่งความหรูหราเลยก็ว่าได้
Dior

ถ้าพูดถึง ครีมแพง แล้ว คงจะไม่พูดถึง Dior ไม่ได้จริงๆ เพราะแบรนด์ชื่อดังระดับโลกนี้เองก็มีชื่อเสียงทางด้านความงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านแฟชั่นเลย สำหรับสกินแคร์ที่ราคาสูงที่สุดและเลอค่าที่สุดก็คือตระกูล L’Or de Vie ที่มีตั้งแต่โลชั่น เซรั่ม อายครีม และครีม เห็นแพ็กเกจจิ้งเป็นสีทองอร่ามจับตาแบบนี้แล้วส่วนผสมเด่นที่อัดแน่นอยู่ภายในคือ สารสกัดจากองุ่นอีเก็ม 100% อันเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ หยุดเวลาผิวให้ดูสวยสดใสในทุกหยุดที่สัมผัส
แรงบันดาลใจของสกินแคร์ตระกูลนี้เกิดจากการค้นพบว่า ท่อน้ำเลี่ยงองุ่นอีเก็มสามารถต้านอนุมูลอิสระได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่คงอายุยืนนานของไวน์ชั้นเลิศที่สุดในโลก ดังนั้นการนำสารสกัดจากองุ่นอีเก็มมาใช้รังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิว ย่อมช่วยลดเลือนสัญญาณแห่งวัยได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังเร่งให้เซลล์ผิวสร้างใหม่อย่างแข็งแรง คงความอ่อนเยาว์สดใสไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
La Mer

อีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์ที่โด่งดังทั้งคุณภาพสุดพรีเมี่ยมและราคาสูงลิ่วก็คือ La Mer ที่สุดของความงามที่สาวกบิวตี้ใฝ่ฝันถึง และสกินแคร์ไอเท็มระดับท็อปไลน์ของลาแมร์ก็คือ Genaissance de la Mer The Serum Essence เซรั่มลดเลือนริ้วรอยที่บรรจุมาในขวดสีเงินประกายทองรูปทรงไข่หรูหรา เนื้อผลิตภัณฑ์เข้มข้นสีนวลแต่ให้สัมผัสบางเบาซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และถึงแม้เหล่าสาวกจะรู้ดีว่า Miracle Broth คือส่วนผสมสำคัญที่เป็นหัวใจหลักของลาแมร์ แต่เซรั่มขวดนี้มีอะไรมากไปกว่าแค่ส่วนผสมเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์เพียงอย่างเดียว
โดยเซรั่มขวดนี้ถือกำเนิดขึ้นจากความบังเอิญของนักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการ Max Huber Research Labs ที่ได้ค้นพบการตกผลึกของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth ในบีคเกอร์ทดลองที่วางตั้งไว้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาศึกษาถึงปรากฏการณ์การตกผลึกในครั้งนั้นอันก่อให้เกิดผลึกคริสตัลทรงคุณค่า Crystal Miracle Broth ที่มีศักยภาพการลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง จึงเป็นจุดกำเนิดของ Genaissance de la Mer เพื่อผิวดูอ่อนเยาว์
La Prairie Skin Caviar Nighttime Oil

สมาชิกใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับตำนานของ La Prairie ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา Skin Caviar Nighttime Oil ที่ได้แรงบันดาลใจการรังสรรค์มาจากการฟื้นบำรุงและซ่อมแซมผิวในยามค่ำคืนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทีมนักวิทยาศาสตร์ของแบรนด์จึงได้ค้นคว้าจนพบกับส่วนผสมเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง Caviar Retinol ที่เกิดจากการผสมผสาน Caviar Lipids และเรตินอลจากคาร์เวียร์เข้าด้วยกัน
เรียกว่าเป็นการโคจรมาพบกันของส่วนผสมที่เป็นที่สุดในเรื่องการคงความอ่อนเยาว์ของผิว อย่าง Caviar Retinol ทรงประสิทธิภาพที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับผิวให้เรียบเนียนดูอิ่มฟู ผสานเข้ากับคุณค่าของออยล์ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและซ่อมแซมผิวได้อย่างล้ำลึกในยามกลางคืน โดยใช้เพียงครั้งละ 1 หยดเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงก่อนนอน จะสัมผัสได้ถึงผิวที่เรียบเนียน อิ่มฟู แลดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์กว่าที่เคย
Sisley Paris Supremÿa Baume At Night

สัมผัสความลักซ์ชัวรี่จากประเทศฝรั่งเศสผ่านแบรนด์สกินแคร์ชื่อดัง Sisley Paris ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ความงามที่ราคาสูงตามประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และครีมบำรุงผิวที่นับได้ว่าราคาสูงอันดับต้นๆ ของแบรนด์ก็คือ Supremÿa Baume At Night ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยามค่ำคืน มอบพลังในการฟื้นบำรุงผิวให้ผิวแลดูกระชับ ริ้วรอยดูลดเลือน ออกแบบสูตรผสมเป็นพิเศษสำหรับผู้มีสภาพผิวแห้งซึ่งโหยหาการบำรุงเข้มข้น ด้วยเนื้อสัมผัสบาล์มละเอียดนุ่มละมุน
และส่วนผสมที่ทำหน้าที่หลักในการย้อนอายุให้ผิวของครีมกระปุกนี้ ได้แก่ เฮเซลนัท ออยล์ , โคคั่ม บัทเตอร์ และแม็คคาดาเมีย ออยล์ ผสานกับวิทยาการเอกสิทธิ์ ฟิโตคอมเพล็กซ์ แอล ซี 12 (12-hour Longevity Concentrate) ที่ผสานคุณค่าสกัดจากพืชธรรมชาติคัดสรรพิเศษ 4 ชนิด ให้ตลอดกลางคืนที่คุณนอนหลับพักผ่อนช่วงเวลาทองของการฟื้นฟูซ่อมแซมผิวหน้า และเมื่อตื่นเช้าวันถัดมาจะสัมผัสได้ถึงผิวหน้าแน่นกระชับอิ่มฟูอย่างน่ามหัศจรรย์
The History of Whoo The Ultimate Royal Cream

ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากชวนสายบิวตี้มาสัมผัสความงามสุดเลอค่าฉบับจักรพรรดินีด้วยตนเองกับ The history of Whoo ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อสกินแคร์ท็อปไลน์จาก Royal Privilege Cream เป็น The Ultimate Royal Cream โดยยังคงความหรูหราของกระปุกสีทองสลักเสลาลวดลายสุดประณีต รวมถึงภายในยังคงบรรจุเนื้อครีมนุ่มเนียนละมุนพร้อมปรนนิบัติผิวไว้เช่นเดิม
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมราคาของสกินแคร์เซ็ตนี้ถึงได้สูงลิ่วเช่นนี้ แต่ถ้าได้รู้ถึงสูตรและส่วนผสมที่ถูกนำมารังสรรค์แล้วจะเข้าใจมากขึ้นทีเดียว โดยหัวใจหลักความงามของ The Ultimate Royal Cream ประกอบขึ้นจากส่วนผสมสองชนิดด้วยกัน ได้แก่ ราชินีโสมป่าอายุ 50 ปี ซึ่งเติบโตเฉพาะบริเวณภูเขาสูง
อีกส่วนผสมคือ ดอกโสมป่า ที่มีระยะเวลาในการผลิบานเพียง 3 วันต่อปี ซึ่งสายพันธุ์ของโสมป่าและดอกโสมป่านี้เป็นสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเป็นยาอายุวัฒนะ สามารถเพิ่มพลังให้กับชีวิต พร้อมอุดมไปด้วยคุณค่าต่างๆ ที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูสภาพผิวหน้าได้เหนือกว่าโสมป่าทั่วไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ครีมบำรุงผิวหน้าฉบับจักรพรรดินีจึงมีความเลอค่าในทุกรายละเอียด
111SKIN Celestial Black Diamond Cream

ปิดท้ายด้วยแบรนด์สกินแคร์สายนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์จากกรุงลอนดอน 111SKIN นอกจากวิตามินเสริมบำรุงผิวและมาสก์หน้าของแบรนด์สุดลักซ์ชัวรี่นี้จะโด่งดังแล้ว ครีมแพง ที่สุดในแบรนด์อย่าง Celestial Black Diamond Cream เองก็มีชื่อเสียงด้านลดเลือนริ้วรอยและฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ไม่แพ้กัน
เนื้อครีมสัมผัสหรูหราอัดแน่นไปด้วยคุณค่า 3 สารสำคัญ ได้แก่ NAC Y2 , Collagen Type I and III และ Hyaluronic Acid ซึ่งเวลาทาเนื้อครีมลงบนผิว สารเหล่านี้จะซึมซาบลงฟื้นบำรุงถึงชั้น dermis กระตุ้นให้ผิวสามารถสร้างกลูตาไธโอน , ไฮยาลูรอนิก และคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ จึงเป็นสาเหตุที่เมื่อใช้ครีมแสนเลอค่ากระปุกนี้แล้วจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าที่สว่างกระจ่างใส เรียบเนียน นุ่มเด้ง อิ่มน้ำ หรือพูดง่ายๆ ก็คือครีมกระปุกนี้เป็นหนทางสู่ผิวในอุดมคติของสายบิวตี้ทุกคนก็ว่าได้
ข้อมูลและรูปภาพ : Courtesy of the brands