เทรนด์ ‘Skin Quality’ มาแน่! คุยกับ ‘หมอดา พิมพิดา’ เจ้าของ SLC Clinic ถึงฟิลเลอร์งานผิวแบบเจาะลึก
ตลอดทั้งปี 2022 เราจะเห็นได้ว่าสไตล์การแต่งหน้าของสาวๆ ทั่วโลกเปลี่ยนไป จากที่เคยใช้รองพื้นปกปิดสูงสุดก็เปลี่ยนมาเป็นรองพื้นเนื้อเซรั่ม คุชชั่น หรือแม้แต่ทินต์เซรั่มก็ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงเป็นที่มาที่ทำให้ ‘คุณหมอดา – พญ.พิมพิดา วรัญญูรัตนะ’ เจ้าของ SLC Clinic และ SLC Hospital มั่นใจว่าเทรนด์ความสวยปี 2023 จะต้องเป็น ‘Skin Quality’ หรือการมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างแน่นอน
เทรนด์ความสวยปี 2023 จะเป็นอย่างไร ?
สำหรับเทรนด์ภาพรวม คุณหมอดาเล่าว่าแวดวงความงามฟื้นตัวเร็วมากหลังจากโควิด-19 ชนิดที่ผลิตของกันไม่ทันเลยทีเดียว “เราก็ตกใจกับฟีดแบ็กเหมือนกันที่คนไข้กลับมาเร็วขนาดนี้ จนเกิดภาวะสต็อกของไม่ทัน ของขาดตลาด โดยเฉพาะฟิลเลอร์ และพวกเครื่องมือต่างๆ ที่ผลิตในอเมริกากับยุโรป ปีนี้ก็จะวุ่นวายนิดนึงเพราะคนไข้พร้อมทำ แต่ของไม่พร้อม”
เมื่อคาดการณ์ไปถึงเทรทนด์ในปีหน้า คุณหมอดาก็ตอบอย่างค่อนข้างมั่นใจว่าเทรนด์ความงามปีหน้าคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘Skin Quality’ ที่จะมาแรงอย่างแน่นอน “ต้องเล่าก่อนว่าผู้บริโภคในวงการความสวยความงาม ก้าวผ่านเรื่องการปรับรูปหน้ามาพอสมควร ให้การยอมรับเครื่องมือและนวัตกรรมหลายอย่าง อาทิ ฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า ทีนี้เทคโนโลยีมันก็พัฒนาต่อมาที่เรื่องคุณภาพของผิว หรือ Skin Quality”
“ปี 2022 เราเห็นได้ชัดมากว่าคนเริ่มหันมาสนใจเทรนด์ผิวกระจก ผิวใสฉ่ำน้ำ สไตล์การแต่งหน้าแบบเผยผิว ไม่เน้นปกปิด ก็เริ่มฮิตทั้งในหมู่เซเลบริตี้คนดังทั้งไทยและต่างชาติ หมอเลยมองว่าการมีคุณภาพของผิวที่ดีจะเป็นสิ่งที่คนไข้หลายคนต้องการในปีหน้าค่ะ”

ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ?
แต่เดิมเราจะคุ้นเคยกันดีกับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อสร้างมิติให้ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการฟิลเลอร์หน้าผาก คาง จมูก หรืออย่างในปี 2022 นี้ที่เทรนด์การฉีดปากมาแรงสุดๆ แต่ถ้าพูดถึงการฉีด “ฟิลเลอร์งานผิว” เพื่อให้ผิวดูเงาสวยสุขภาพดีแล้วนั้น เชื่อว่าคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับใครหลายคน
ฟิลเลอร์งานผิวที่เรียกกันนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Hyaluronic Acid Filler หรือ HA Filler ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือกรดไฮยาลูรอนิก ทำให้เนื้อสัมผัสเบากว่าฟิลเลอร์โดยทั่วไปที่ฉีด เมื่อรวมกับเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณผิวชั้นบนสุด (epidemis) จะทำให้ผิวดูเต่งตึง อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ซึ่งหนึ่งในยี่ห้อ HA Filler ที่ทาง SLC Clinic เลือกใช้นั้นก็คือ Juvéderm นั่นเอง
คุณหมอดาได้กล่าวเสริมอีกว่า “ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิวตัวนี้ สามารถใช้เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก รวมถึงช่วยสร้างเนื้อผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงเนียนเด้งมากขึ้น ที่สำคัญคือไม่ได้ใช้แค่สำหรับผิวบริเวณใบหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถฉีดได้ผิวบริเวณคอ หรือแม้แต่หลังมือได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นจุดที่มักมีสัญญาณของวัยแต่คนชอบลืมดูแล”


ทำไมถึงเลือก Juvéderm ?
ถึงแม้ว่าตอนนี้ในตลาดจะเริ่มมี HA Filler ผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อ แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ SLC Clinic เลือก Juvéderm เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์งานผิวที่ใช้ให้แก่คนไข้ก็คือ กระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Allergen ทำให้ได้เนื้อเจลที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่น โดยเนื้อสัมผัสจะเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปั้นขึ้นรูปง่าย กลืนเนียนไปกับผิว แต่ไม่ไหล
นอกจากนี้เทคโนโลยีการผลิตยังมีความพิเศษ เพราะมีถึง 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ Hylacross และ Vycross
- Hylacross Technology : เทคโนโลยีการผลิตแบบดั้งเดิม มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้มาก ฉีดแล้วผิวดูอิ่มฟูฉ่ำโกลว์ สาร HA มีความยืดหยุ่นสูงและทนต่อการขยับ จึงเหมาะกับการฉีดเพื่อเพิ่มเนื้อผิวในบริเวณที่มีการขยับของกล้ามเนื้อบ่อย เช่น ร่องแก้ม มุมปาก
- Vycross Technology : เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ ช่วยยกกระชับได้ดี มีโมเลกุลยึดเกาะที่เหนียวแน่นกว่า ตัวเนื้อเจลให้สัมผัสเรียบเนียน ปั้นขึ้นรูปได้ง่าย ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ซึ่งฟิลเลอร์ของ Juvéderm กลุ่ม Vycross ได้แก่รุ่น Voluma, Volift, Vobella, Volux และ Volite ซึ่งเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดเพื่องานคุณภาพผิว (Skin Quality)


สิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม กลายเป็นนวัตกรรมความสวยความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีหลายคนที่เคยได้ยินผลกระทบที่ไม่ดีจากการฉีดฟิลเลอร์จนกลัวและไม่กล้าไปฉีด หรือคนที่อยากสวยตามสมัยนิยมจนรีบไปฉีดโดยไม่ทันศึกษาให้ดีก่อน คุณหมอดาก็ได้มาช่วยอธิบายเพื่อให้เรารู้จัก “ฟิลเลอร์” ดียิ่งขึ้น
“หมออยากให้ทุกคนศึกษาให้ดีก่อนจะฉีดอะไรเข้าไปในหน้า วิธีดูว่านวัตกรรมหรือเทคโนโลยีนี้ปลอดภัยหรือยัง ดูง่ายๆ คือต้องมีการพิสูจน์มาระยะหนึ่งแล้วว่าปลอดภัย อย่างฟิลเลอร์เองก็มีมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ช่วงแรกๆ อาจจะมีปัญหาบ้าง เนื่องจากเทคโนโลยีเมื่อก่อนใช้เป็นซิลิโคนเหลว ทำให้เมื่อมันอยู่ในผิวเรานานเกิน มันจะเกิดการ Migration หรือการเคลื่อน สร้างภาวะผิดรูปให้กับอวัยวะตรงนั้น”
“แต่ปัจจุบันฟิลเลอร์ได้รับการพัฒนาให้ปลอดภัยขึ้นมาก ไม่ตกค้างในผิว สามารถสลายไปได้เอง และถ้าเกิดการ Migration ก็สามารถฉีดสลายได้ ไม่ต้องผ่าตัดเอาออกเหมือนซิลิโคนเหลว นอกจากนี้ต้องดูความเชี่ยวชาญของหมอที่ทำ เพราะการเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับบริเวณที่จะฉีดต้องอาศัยประสบการณ์เหมือนกัน”
“โดยทั่วไปคนไข้จะอยากให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วอยู่นาน ยิ่งนานยิ่งดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะอยู่นานเกินอาจเกิดการเคลื่อนได้ อย่างเช่นจะฉีดฟิลเลอร์ที่คาง สามารถใช้ฟิลเลอร์ที่อยู่นานแค่ไหนก็ได้ เพราะคางมีการขยับค่อนข้างน้อย และอยู่บริเวณต่ำสุดของใบหน้า ไม่เสี่ยงต่อการเคลื่อน แต่ถ้าจะฉีดบริเวณที่สูงขึ้นมาหรือบริเวณที่มีการขยับบ่อย เช่นหน้าผาก ควรเลือกฟิลเลอร์ที่จะสลายไปเองตามเวลาที่เหมาะสม”
สรุปได้ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีฟิลเลอร์ถูกพัฒนาจนมีความปลอดภัยสูงมากแล้ว สิ่งที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนไปฉีดฟิลเลอร์ก็คือยี่ห้อที่ใช้นั้นเป็นของแท้ ได้รับการรับรองแล้ว และความเชี่ยวชาญของคุณหมอที่ทำจะช่วยเสริมให้การฉีดประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้นนั่นเอง


ความเชี่ยวชาญของ ‘หมอดา พิมพิดา’
นอกจากคุณหมอดาจะเป็นเจ้าของสถาบันความงาม SLC Clinic แล้ว ยังมี SLC Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งและเสริมความงามเฉพาะที่ให้บริการแบบครบวงจรอีกด้วย
“สิ่งที่ทำให้ SLC Clinic ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้มาตลอดหลายปีก็คือ หมอมีอิสระในการทำงาน ไม่ผูกติดกับยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง ทำให้ได้เรียนรู้ข้อดีข้อเสียของแต่ละยี่ห้อ รวมถึงหมอมีประสบการณ์ในวงการนี้มาสิบกว่าปีแล้ว จึงมีความมั่นใจว่าสามารถดูแลคนไข้ได้อย่างตรงจุดและปลอดภัยค่ะ”
“หมอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ ยิ่งผ่านเคสมาเยอะ ก็จะยิ่งวิเคราะห์ได้เก่งขึ้นว่าปัญหาแบบนี้ต้องแก้ไขแบบไหน สมมติฉีดฟิลเลอร์แรกๆ อาจจะกะปริมาณไม่ถูก แต่พอเรามีประสบการณ์ ผ่านจำนวนเคสมาเยอะ จะรู้แล้วว่าถ้าต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณเท่านี้ ต้องใช้เทคนิคยังไงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา”
คุณหมอดา – พญ.พิมพิดา วรัญญูรัตนะ
