ใครๆ ก็รู้ดีว่าการจะมีหุ่นที่ดีได้นั้นต้องเริ่มจากการดูแลพื้นฐานสองข้อควบคู่กัน ได้แก่ การออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหารการกิน ซึ่งเมื่อก่อนหลายคนมักเข้าใจว่าขอเพียงแค่ออกกำลังให้หนักเข้าไว้ ก็จะลดน้ำหนักได้สำเร็จ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ความเข้าใจได้ถูกปรับใหม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมายืนยันว่าแท้จริงแล้วปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพและรูปร่างดีนั้นคือ “อาหารการกิน” เราจึงขอคว้าตัวสาวสวยผู้ขึ้นปกแรกของ HELLO! Beauty & Health Digital Cover มาแบไต๋ว่า ‘เบเบ้ ธันย์ชนก’ กินอะไร บ้างในแต่ละวัน?

ก่อนจะมาดูแลสุขภาพอย่างทุกวันนี้ พฤติกรรมการกินเป็นยังไง?
ก่อนจะข้ามมาถามถึงเคล็ดลับการดูแลหุ่นและควบคุมอาหารในปัจจุบัน เราขอให้สาวเบเบ้พาเราย้อนกลับไปยังสมัยที่เธอเป็นวัยรุ่นและทำงานในวงการบันเทิงเต็มตัวกว่านี้ ตอนนั้นเธอมีวิธีการควบคุมหุ่นอย่างไรและรับประทานอะไรบ้างเพื่อให้ดูดีตามค่านิยมยุคนั้น “สมัยเป็นวัยรุ่นเหรอคะ ก็จะอดเอาค่ะ (หัวเราะ) ใช้วิธีกินน้อย คุมอาหารหนักมาก เพื่อให้เวลาออกหน้าจอแล้วยังดูตัวเล็กดูผอมอยู่ เพราะกล้องเมื่อก่อนจะทำให้ดูน้ำหนักเยอะกว่าตัวจริงมากๆ”
“เมื่อก่อนจะโดนผู้ใหญ่บอกบ่อยๆ ว่าออกกล้องแล้วหน้าอ้วน ซึ่งส่วนหนึ่งคงเพราะเบบี้แฟตด้วย เราเลยต้องพยายามหาวิธีทำให้ดูผอมเวลาออกจอให้ได้ ก็จะใช้วิธีกินน้อยมากๆ ช่วงที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย เบลดน้ำหนักจนเหลือประมาณ 33 กิโลกรัม เวลาเดินข้ามตึกไปเรียนแล้วเจอลมแรงๆ คือตัวจะปลิวจริงๆ”
คำตอบของอินฟลูเอนเฟอร์สาวแห่งวงการออกกำลังกายทำเอาเราตกใจไม่น้อย จนอดไม่ได้ที่จะถามเจาะลึกถึงรายละเอียดเพิ่มของคำว่า “กินน้อย” ที่เธอบอกนั้น คือกินอะไรบ้าง “กินแต่ผักอย่างเดียวเลยค่ะ (คือไม่กินแป้ง ไม่กินโปรตีนเลยเหรอ?) ใช่ค่ะ ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องโภชนาการอะไรเลย เข้าใจว่าถ้าอยากผอมต้องกินผัก ก็เลยกินแต่ผักอย่างเดียว แล้วก็กินปริมาณไม่เยอะด้วยค่ะ”

ทุกวันนี้กินอะไรบ้าง กินคลีนตลอดเลยไหม?
พฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพของสาวเบเบ้ในอดีต เป็นการตอกย้ำว่ามาตรฐานความงาม (Beauty Standard) ที่ไม่เปิดกว้างและโอบรับความแตกต่างนั้นส่งผลเสียต่อบุคคลทั้งในระดับจิตใจและร่างกายแค่ไหน ซึ่งเราเชื่อว่าไม่ได้มีแค่เบเบ้คนเดียวเท่านั้นที่เคยผิดพลาดในการลดน้ำหนัก
หลังจากออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างเข้มข้นมากว่า 6 ปี ปัจจุบันเบเบ้ได้กลายเป็นทั้งไอดอลและแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนลุกมาขยับร่างกายเบิร์นแคลอรี่และบริหารหัวใจ แต่อย่างที่บอกไปว่าการดูแลสุขภาพไม่ได้จบอยู่แค่เพียงการออกกำลังกายเท่านั้น เพราะหัวใจหลักของการดูแลสุขภาพคือการกิน และวันนี้เราจะพาไปเปิดทุกเมนูในแต่ละวันว่า ‘เบเบ้ ธันย์ชนก’ กินอะไร
“หลังจากช่วงที่ลดน้ำหนักโหดๆ ก็รู้สึกว่าระบบในร่างกายมันเปลี่ยนไป ขับถ่ายไม่ดี ประจำเดือนไม่มาเพราะขาดสารอาหาร เลยกลับมาทานอาหารมากขึ้นจนน้ำหนักกลับมาอยู่ที่ประมาณ 40 กิโลกรัม แต่ก็ยังไม่มีความรู้เรื่องโภชนาการอยู่ดี จนกระทั่งเราเริ่มออกกำลังกายถึงได้รู้ว่าควรกินอะไร”
“โดยส่วนตัวแล้วเบเป็นคนคุมตัวเองได้ ไม่ได้รู้สึกอยากกินของมันของทอดขนาดนั้น อาจจะเพราะเรารู้สึกว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่การกิน แต่อยู่ที่การทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่า ถ้าให้แบ่งประเภทเราคงเป็นประเภทกินเพื่ออยู่ (หัวเราะ) ทุกวันนี้เราจะพยายามคุมให้แต่ละมื้อมีสารอาหารครบ 5 หมู่ กินแป้ง กินโปรตีนให้ถึง กินผักผลไม้ กินไขมันดี อย่างมื้อเช้าส่วนใหญ่ก็จะทานเป็นขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่ว”
“นิสัยการกินของเบคือเราไม่ได้เป็นคนสรรหาของอร่อยใหม่ๆ กิน เหมือนเรากินอาหารเข้าไปเป็นพลังงานเพื่อให้ร่างกายนำมาใช้ในแต่ละวันมากกว่า


ถ้าเป็นคนที่อยู่เพื่อกินล่ะ จะคุมอาหารยังไงดี?
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถห้ามใจตัวเองได้ ยิ่งคนที่มีความสุขกับการกินของอร่อย การจะบอกให้ลดละเลิกของมันของทอดของหวานทั้งหลาย คงเปรียบได้กับวันโลกแตกเลยทีเดียว ซึ่งสาวเบเบ้เองก็เข้าใจคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี เธอแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยได้มากว่า “ถ้าไม่เคยคุมอาหารเลย เบอยากให้ลองเริ่มจากการคุมปริมาณ และคุมระยะเวลาในการกิน”
“อันดับแรกคือต้องควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไป สมมติเรากินของมันของทอดของหวานเป็นประจำ ให้ลองลดปริมาณลงดู จากที่เคยกินชานมไข่มุกวันละแก้ว อาจจะสั่งลดหวานและเหลือสัปดาห์ละ 1-2 แก้วแทน ถัดมาคือการคุมระยะเวลาในการกินคือการทำ IF (Intermittent Fasting) วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายได้ดึงไขมันสะสมออกมาเผาผลาญ และทำให้เราควบคุมตัวเองได้เก่งขึ้น เลิกกินจุบจิบ อาจจะลองเริ่มจากกิน 8 ชั่วโมงและอด 16 ชั่วโมง เช่น เริ่มกินตอน 10 โมง และหยุดกินตอน 6 โมงเย็น แต่การกำหนดเวลาว่าจะเริ่มกี่โมงหยุดกี่โมงที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เราต้องปรับตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองค่ะ”
Guilty Pleasure ของเบเบ้
ยิงคำถามกันมาหลายข้อแล้ว แต่ดูเหมือนว่าวันเดอร์วูแมนของเราคนนี้จะไม่มีจุดอ่อนเอาเสียเลย ทั้งไม่เคยรู้สึกขี้เกียจออกกำลังกาย หรือแม้แต่การเป็นคนคุมตัวเองได้เก่งเรื่องการกิน เราเลยขอให้เธอกระซิบบอกหน่อยว่า Guilty Pleasure หรืออาหารที่เธอรู้ดีว่าไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นักแต่ก็ยังชอบกิน คืออะไรกันแน่? “จริงๆ เราเป็นคนติดกินขนมนะ แต่ขนมของเราอะ… (หัวเราะ) คือโปรตีนเชค”
เบเบ้หัวเราะออกมากับความพยายามที่ล้มเหลวของเรา ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่าโปรตีนเชคมีทั้งรสหวานมัน และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เหมาะสำหรับคนออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเธอมากๆ ก็เลยติดกินแทนขนมหวาน ทันใดนั้นเธอก็ทำท่านึกออกก่อนจะยอมรับสารภาพแต่โดยดีว่า Guilty Pleasure อีกหนึ่งอย่างของเธอก็คือโซเดียม “เบเป็นคนติดกินรสจัด อย่างพวกปลาร้า ยำ ของดอง จะชอบมาก ซึ่งโซเดียมจะทำให้ตัวบวม แต่เราก็มีวิธีแก้นะ (ยิ้ม) คือดื่มน้ำตามเยอะๆ แล้วก็ออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ เท่านี้ก็จะไม่รู้สึกผิดเวลากินแล้ว”
ขอขอบคุณสถานที่ : The Peninsula Bangkok (โรงแรม เพนนินซูลา กรุงเทพฯ)