Home > Beauty & Health > Expert > เส้นทางความสำเร็จของหมอผิวหนังผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ ‘นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์’ ผู้ร่วมก่อตั้ง The Demis Clinic

‘นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์’ หรือ “คุณหมอโจ้” แห่ง The Demis Clinic พาย้อนไทม์ไลน์ชีวิตครบรส ก่อนจะประสบความสำเร็จทั้งในบทบาทการเป็นแพทย์ผิวหนังที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้มากมาย และผู้บริหารคลินิกความงามให้เติบโตจนเดินทางมาถึงปีที่ 15 อย่างมั่นคง

เด็กหัวไม่ดีที่เติบโตมาเป็น ‘คุณหมอโจ้’ หมอผิวหนังมากความสามารถ

“จุดเริ่มต้นของการเป็นแพทย์ของหมอ อาจดูแตกต่างจากคนอื่นสักหน่อย เพราะไม่ได้เป็นเด็กหัวดีมาตั้งแต่แรก ช่วงเรียนประถมบางวิชาได้เกรดศูนย์ด้วยซ้ำ ด้วยตอนนั้นยังไม่เห็นความสำคัญของการเรียน แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ เป็นช่วงขึ้นม.1 ที่อัสสัมชัญ ตอนสอบคัดห้องแล้วได้ไปอยู่ห้องอันดับ 2 ของชั้นหรือห้องควีน เรียกว่าเปลี่ยนโลกไปสิ้นเชิง”

“เราถูกแวดล้อมไปด้วยคนที่ตั้งใจเรียน และที่โชคดีด้วยที่เพื่อนๆ มีน้ำใจ ช่วยกันเรียน จับกลุ่มติวหนังสือกัน ซึ่งหมอก็เรียนดีขึ้นตามลำดับ พอขึ้นม.ปลายที่โรงเรียนมีโครงการพิเศษเพื่อคัดนักเรียนเพื่อเข้าห้องเรียนที่ส่งเสริมการเรียนต่อในสายแพทย์โดยเฉพาะ และหมอก็เป็นหนึ่งในนั้น จากนั้นก็ทุ่มเทอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนสุดท้ายได้เข้าเรียนที่คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี”

ประสบการณ์ตรงจากการรักษาสิวที่เปลี่ยนชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจ

“ตอนเข้าเรียนปี 1 หมอเริ่มเป็นสิวหนักมาก ตอนแรกก็ยังไม่คิดจะรักษา จนมาถึงช่วงเรียนปี 4 ได้มีโอกาสรักษากับอาจารย์ที่แผนกผิวหนังของโรงพยาบาล ผิวหน้าก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ รู้สึกประทับใจมาก และสิ่งที่จุดประกายว่าศาสตร์เกี่ยวกับผิวหนังมีความน่าสนใจ คือช่วงปี 2000 ที่เลเซอร์ IPL เข้ามาในเมืองไทยครั้งแรก”

“ตอนนั้นอาจารย์ได้ทดลองใช้เลเซอร์กับหน้าของหมอ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเครื่องที่ขนาดใหญ่เทอะทะ วิธีการยิงยังมีความซับซ้อนอยู่มาก แต่การทำเลเซอร์ในตอนนั้นช่วยให้หมอหายขาดจากสิว และมีผิวที่แข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้หมอเลือกเรียนเฉพาะทางด้านผิวหนัง”

เส้นทางการศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง

“ระหว่างทำงานใช้ทุนที่จังหวัดอ่างทอง หมอมีโอกาสได้เก็บประสบการณ์ด้านการรักษาผิวหนังในคลินิกของรุ่นพี่และอาจารย์ ซึ่งทำในช่วงนอกเวลาราชการ และยังเดินทางไปรับจ๊อบพิเศษกับคลินิกโรคผิวหนังในจังหวัดใกล้เคียงด้วย นอกจากได้สั่งสมประสบการณ์การรักษา หมอได้เห็นว่าสิ่งไหนที่เราชอบหรือไม่ชอบ ถ้าในอนาคตจะเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง”

“ในช่วงท้ายๆ ของปีที่ 2 ของการใช้ทุน หมอได้เริ่มเรียน Diploma ที่สถาบันโรคผิวหนัง เป็น International Course เรียนอยู่ปีครึ่ง และเรียนเกี่ยวกับเลเซอร์อีกครึ่งปี ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันก็ได้มีโอกาสช่วยงานอาจารย์ เรียนรู้การรักษา ได้ทำเลเซอร์ หลังจากนั้นก็ได้ไปช่วยงานที่คลินิกของอาจารย์อีกพักหนึ่ง ก่อนจะมาเปิดคลินิกเล็กๆ ของตัวเองที่ลาดกระบัง”

“ด้วยความตั้งใจที่จะรักษาสิวและผิวด้วยเลเซอร์ โดยไม่มีการฉีดสิว ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของคนไข้ที่อยากให้สิวหายเร็ว แต่หมอก็อดทนและยึดมั่นในอุดมกรณ์ ใช้เวลาอยู่ประมาณปีครึ่งก็เริ่มมีคนไข้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก”

‘นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์’

จุดเริ่มต้นของ The Demis Clinic

“หลังจากหมดสัญญาเช่าตึกทำคลินิกที่ลาดกระบัง หมอได้คุยกับคุณหมอหลิน (พญ. นิโลบล เจริญวุฒิ) เพื่อนที่เรียนที่สถาบันโรคผิวหนังมาด้วยกัน ชวนเขามาเปิดคลินิกใหม่ ซึ่งก็คือ The Demis Clinic ที่เปิดมาได้ 15 ปีแล้ว และยังมี 2 สาขาเหมือนเดิมคือ สัมมากรกับสยามสแควร์ ซึ่งเป็นโลเคชั่นที่ยากกันคนละแบบ”

“อย่างสัมมากรในตอนนั้นก็เป็นย่านที่ไกลมากๆ ส่วนสยามสแควร์เราก็เช่าที่อยู่บนชั้น 3 ของตึกคิกคูย่า ไม่มีหน้าร้านด้วยซ้ำ ตอนนั้นใช้วิธีแจกโบรชัวร์และเวาเชอร์ให้คนขึ้นมาทดลองทำฟรี ต้องยอมรับเลยว่าค่อนข้างลำบาก บวกกับการรักษาของเราที่ยังคงยึดหลักที่กลายเป็น motto มาจนถึงปัจจุบัน คือ 3 ไม่ ไม่ฉีดสิว ไม่แต้มกรด ไม่ใช้ยาอักเสบ หรือถ้าใช้ก็พยายามให้น้อยที่สุด”

“ด้วยการรักษาที่ไม่ได้ให้ผลรวดเร็วทันใจ ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าเราจะเป็นที่รู้จักในหมู่คนไข้ที่ต้องการรักษาสิว แต่ก็ถือว่าเป็นการอดทนที่คุ้มค่า เพราะเมื่อเริ่มมีคนไข้หายขาดจากสิวโดยไม่พึ่งการฉีดสิว ก็เริ่มมีการบอกต่อกันเป็นวงกว้าง ในปี 2013 เราเริ่มอยู่ตัวและเริ่มลงทุนเพิ่ม มีการซื้อเครื่องเลเซอร์ไปไว้ที่สาขาสัมมากรด้วย ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก”

จากยุคโบรชัวร์ สู่โลกแห่งการรีวิว

“อย่างที่เล่าไปในตอนต้นว่าเราผ่านยุคที่ตัวผม หมอหลิน และพนักงานของคลินิกต้องผลัดเวรกันไปแจกโบรชัวร์ เราเดินทางจนมาถึงยุคของโซเชียลมีเดียที่คนไข้เป็นกระบอกเสียงให้เราอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งก็ต้องขอบคุณพวกเขาด้วย ไม่ว่าจะบิวตี้บล็อกเกอร์ที่เข้ามาใช้บริการด้วยตัวเขาเองแล้วได้ไปบอกต่อผู้ติดตาม”

“อีกหนึ่งช่องทางคือรีวิวในห้องโต๊ะเครื่องแป้งของเว็บไซต์พันทิพ ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้นมากๆ บวกกับการทำแฟนเพจ และเว็บไซต์ของ The Demis Clinic เอง และเมื่อผลตอบรับดีขึ้นตามลำดับ เราได้ลงทุนเพิ่ม ซื้อเครื่องเลเซอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการมากยิ่งขึ้น”

‘นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์’

ก้าวตามเทรนด์ผิวสุขภาพดี

“หลังจากผ่านยุคแห่งการรักษาสิวในแบบฉบับของเรา ก็ผ่านมาจนถึงยุคของอัลเทอร่า ทุกคนได้เริ่มทำความรู้จักกับการรักษาผิวให้แข็งแรง The Demis Clinic เป็น 1 ใน 10 คลินิกแรกในไทยที่มีเครื่องอัลเทอร่า จากประสบการณ์ของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าอัลเทอร่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญในการสร้างความแข็งแรงให้ผิว มีวารสารทางการแพทย์ และงานวิจัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากไปกว่านั้น หมอได้ทดลองทั้งกับตัวเองและคนในครอบครัวแล้วได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ”

คลินิกความงามที่เปรียบเสมือนบ้าน

“กว่าจะมาถึงวันนี้ เรามีคนมากมายที่เลือกเดินทางมากับเรา ทุกคนเปรียบเหมือนกับสมาชิกที่อยู่ด้วยกันภายในบ้านหลังใหญ่ กลุ่มแรกคือพนักงานที่คลินิก ผมโชคดีที่มีทีมงานที่ดีมากๆ หลายคนทำงานกับผมมาตั้งแต่เปิดคลินิกวันแรกจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน หลังบ้าน ทีมซัพพอร์ต เราทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

ขาดไม่ได้คือพาร์ทเนอร์ ต้องถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกับเราด้วยเหมือนกัน เพราะในช่วงที่เราเริ่มต้นทำคลินิก เขาได้ให้เครื่องเลเซอร์เรามาใช้งานก่อน แล้วค่อยทยอยจ่ายเงินคืนเป็นงวดๆ มาถึงวันนี้ที่เราดำเนินธุรกิจได้ราบรื่น ก็เลือกที่จะตอบแทนเขาด้วยการชำระเงินให้ตรงตามดีล บางครั้งไม่ต้องรอให้ถึงดีล เราจ่ายให้ครบก่อนเลย เพราะเราเข้าใจหัวอกคนทำธุรกิจด้วยกัน เครดิตเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกับหมอหลินยึดมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เราเริ่มทำคลินิกคือ จะไม่กู้หนี้ยืมสิน และเราก็ทำแบบนั้นมาโดยตลอด”

‘นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์’

ย้อนมองความสำเร็จตลอดระยะเวลา 15 ปี

“ถ้าให้มองตัวเองตลอด 15 ปีที่ผ่านมา หมอคิดว่าตัวเองเดินมาไกลกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้แล้ว สิ่งสำคัญคือการมีเป้าหมายที่ชัดเจน และต้องมีความอดทนในการรอคอย แต่ละคนอาจจะมีเส้นทางที่ยาวสั้นแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่าทุกเส้นทางมีความท้าทายมาให้เราต้องก้าวผ่านก่อนจะถึงเป้าหมาย อย่าหวั่นไหวไปกับทางลัดต่างๆ สิ่งที่จะได้กับตัวเองคือความภาคภูมิใจ เราเดินทางมาถึงวันนี้โดยไม่ได้ทำร้ายใคร และมันคุ้มค่ามากที่อดทนรอวันแห่งความสำเร็จ”

เดินหน้าต่อด้วยอุดมการณ์เดิม

“เราหมายมั่นปั้นมือว่าจะยังคงนโยบายเดิม และอุดมการณ์เดิม ทำ 2 สาขาที่เรามีอยู่ให้ดีที่สุด นี่แหละ 3 ปีที่ผ่านมามีห้างมาเสนอให้เราไปเปิดสาขาด้วย มีคนมาขอซื้อหุ้น มีคลินิกอยากจะเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่มีข้อเสนอดีๆ มาให้ แต่เราก็ยังตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า เรามีความสุขกับการเป็นหมอ และมีคลินิกแค่ 2 สาขาที่เราสามารถดูแลเองได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นสาขาไหน หมอเป็นคนเดียวกัน ทีมงานเดียวกัน มีเครื่องเลเซอร์เหมือนกัน 

ส่วนตัวรู้สึกภูมิใจที่ยังคง control reputation แบบเดิมไว้ได้ จากนี้คงเป็นช่วงเวลาของการนำประสบการณ์ตลอด 15 ปีมาต่อยอดอย่างเต็มความสามารถ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจจากคนไข้ ที่ไว้วางใจ ด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่ดีที่สุด พร้อมต้อนรับคนไข้ที่จะมารักษาสิว ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ทำอัลเธอร่า ซึ่งเราพิสูจน์คุณภาพให้เห็นผ่านการเป็นอันดับหนึ่งของเมิร์ซในไทย และในเอเชีย สุดท้ายท่ามกลางตัวเลือกมากมาย คนไข้ยังเลือกที่จะไว้วางใจเรามากที่สุดในทุกๆ ปี ผลตอบรับทั้งหมดน่าจะเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า เราเดินมาถูกทาง และจะเดินหน้าแบบนี้ต่อไป”

ติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 17 ฉบับที่ 6  ประจำวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566

หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่  www.ookbee.com www.shop.burdathailand.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.