“คนชอบคิดว่า เลเซอร์หน้า คือการเอากระดาษทรายมาขัด ทำให้ผิวดูเรียบ แต่จริงๆ เลเซอร์แล้วผิวจะหนาขึ้นมากกว่า เพราะเป็นการส่งลำแสงทะลุผิวไปจัดการปัญหาอย่างเฉพาะเจาะจง ไม่ได้ทำลายชั้นผิว” ศ.นพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติ หัวหน้าสาขาตจศัลยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงความเชื่อเกี่ยวกับการเลเซอร์ผิว
พร้อมเสริมว่า “การใช้เครื่องเลเซอร์ไม่เหมือนการใช้เครื่องถ่ายเอกสารที่แค่กดปุ่มเป็นก็ทำได้ แต่ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะ ถ้าไปทำกับใครไม่รู้ก็เสี่ยงกับผลข้างเคียง ทั้งรอยดำ หรือผิวไหม้”
โดยปกติแล้ว เลเซอร์สามารถทำได้ในทุกสภาพผิว แต่สำหรับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ ผิวติดเชื้อ หรือผิวไหม้จากการโดนแดด คุณหมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเลเซอร์จนกว่าผิวจะกลับสู่สภาวะปกติ และในผู้ที่ต้องการเลเซอร์ผิวตั้งแต่อายุยังน้อย คุณหมอได้ให้ความคิดเห็นว่า “โดยปกติแล้วก่อนที่เครื่องมือ จะถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ ต้องมีการทดสอบผลลัพธ์ และรับรองความปลอดภัยมาก่อน แม้แต่ปานแดงในเด็กแรกเกิดเรายังรักษาด้วยเลเซอร์ได้เลย ดังนั้นถ้าทำด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อายุก็ไม่ใช่ตัวกำหนดความปลอดภัย”
นอกจากนี้คุณหมอยังแนะนำว่าควรเลือกเลเซอร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวและความกังวลเป็นหลัก โดยเลเซอร์สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้ดังนี้

กลุ่มเลเซอร์เพื่อการยกกระชับ
การส่งคลื่นชนิดต่างๆ ลงสู่ผิว ทำให้ผิวหน้าดูยกกระชับและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นในทันทีหลังทำ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เวลา 3 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด และผลลัพธ์จะคงอยู่นาน 1 ปี เหมาะสำหรับผู้ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน และไม่ต้องการทำหัตถการบ่อย
- Ulthera : การปล่อยก้อนคลื่นอัลตราซาวด์ลงสู่ผิวชั้น SMAS ซึ่งระหว่างทำมักรู้สึกเจ็บจากความร้อน 65-70°C โดยสามารถบรรเทาได้โดยการใช้ยาชา และทานยาแก้ปวดล่วงหน้า 30 นาที ก่อนเริ่มทำ เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถทนความเจ็บปวดได้ในระดับนึง ราคาเริ่มต้นที่ 35,000 บาท
- Oligio : การส่งคลื่น Monopolar RF ลงไปที่ผิวชั้นลึก (Dermis) ในระหว่างการทำอาจรู้สึกอุ่นๆ แต่ตัวเครื่องมีการปล่อยความเย็นออกมาเป็นระยะๆ เพื่อบรรเทาความร้อน ทำให้ไม่มีความรู้สึกทรมานแต่อย่างใด ในบางคนอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ราคาเริ่มต้นที่ 35,000 บาท
- SofWave : การปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ซึ่งมีความถี่สูงลงสู่ผิวชั้นหนังแท้เป็นแนวเส้นขนาน โดยมีความพิเศษคือสามารถกระตุ้นการสร้างอีลาสตินไปพร้อมๆ กับคอลลาเจน และในระหว่างทำมีความเย็นออกมาเคลือบผิว จึงรู้สึกเจ็บน้อยลง แต่สำหรับคนที่กังวลเรื่องความเจ็บ แนะนำให้ทายาชาก่อนเริ่มหัตถการ ราคาเริ่มต้นที่ 45,000 บาท

กลุ่มเลเซอร์เพื่อการยกกระชับ พร้อมสลายไขมันส่วนเกิน
การปล่อยคลื่นพลังงานลงสู่ผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและสลายไขมันในบริเวณที่ทำหัตถการ ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับและเข้ารูปทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน ไปพร้อมๆ กับการยกกระชับใบหน้า
- Thermage : การปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) เพื่อส่งผ่านความร้อนลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ หนังกำพร้า และชั้นไขมัน โดยระหว่างทำจะรู้สึกอุ่นๆ ใต้ชั้นผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทำหัตถการบ่อย เพราะผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 1-2 ปี ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 บาท
- Ultraformer III : การส่งคลื่นอัลตราซาวด์ในรูปของจุดพลังงานลงสู่ผิวชั้น SMAS ระหว่างทำอาจรู้สึกปวดและเจ็บได้ ดังนั้นควรทายาชาก่อนเริ่มหัตถการ โดยผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดใน 1 เดือน และคงอยู่ได้นาน 6 เดือน หากเปรียบเทียบการทำงาน ผลลัพธ์ และ ราคา Ultraformer III จะเปรียบเสมือนจุดกึ่งกลางของ Ulthera และ Hifu โดยราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท
- Hifu : การส่งคลื่นอัลตราซาวด์ในรูปของจุดพลังงานเล็กๆ ลงลึกถึงผิวชั้น SMAS โดยระหว่างทำมักรู้สึกร้อนๆ และมีปวดคล้ายการปวดฟัน ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดใน 1 เดือน และคงอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 บาท
- ULTRAcel Q+ : การคลื่นอัลตราซาวด์ลงลึกจนถึงผิวชั้น SMAS โดยมีเอกสิทธิ์เฉพาะในการปล่อยพลังงานเป็นแบบเส้นตรง ทำให้สามารถส่งพลังงานลงไปได้กว้างขวางและแม่นยำ แต่ควรใช้ยาชาก่อนเริ่มหัตถการ เพราะระหว่างทำมักรู้สึกเจ็บปวด โดยผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดหลังทำ 1 เดือน และผลลัพธ์คงอยู่นาน 6 เดือน ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท

กลุ่มเลเซอร์เพื่อผิวที่ดูเรียบเนียน
- E-Matrix: การปล่อยคลื่นวิทยุที่แบ่งตัวเป็นส่วน (Fractional RF) ในรูปหยดน้ำลงไปใต้ผิว เพื่อพลังงานลงไปเป็นวงกว้างเสมือนฐานของหยดน้ำ จนเกิดเป็นความร้อน ที่ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ช่วยรักษารอยแผลเป็น แผลเป็นหลุม หลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกระชับ รวมถึงช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาท
กลุ่มเลเซอร์เพื่อสีผิวที่สม่ำเสมอ ดูกระจ่างใส
การปล่อยพลังงานแสงลงสู่ใต้ชั้นผิวเพื่อรักษาปัญหาเรื่องเม็ดสีต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดสีผิวที่ดูไม่สม่ำเสมอ หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
- Picosecond Laser : การใช้พลังงานแสงแตกตัวและทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิว เหมาะสำหรับการรักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดงจากสิว รวมถึงสามารถลบรอยสักได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใส่เลนส์พิเศษให้ลำแสงแบ่งตัวเป็นส่วนๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จนทำให้หลุมสิวที่ไม่ลึกมากดูตื้นขึ้นได้อีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาท
- Vbeam : การปล่อยพลังงานแสงลงไปจับตัวกับ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ทำให้เส้นเลือดที่กำลังพองตัวอย่างผิดปกติ จนเกิดเป็นความแดงบนผิว ฝ่อตัวลง ทำให้รอยแดงจากสิว หรือแม้แต่ปานแดง ดูจางลง นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย โดยระหว่างทำจะมีระบบเป่าความเย็น ทำให้ไม่รู้สึกทรมานในการทำเลเซอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 4,500 บาท
- Dual Yellow : มีความพิเศษคือสามารถปล่อยลำแสงออกมาได้ 2 สี ได้แก่ แสงสีเหลือง ช่วยสลาย ฮีโมโกลบิน สำหรับการรักษารอยแดง และช่วยฆ่าเชื้อสิวอักเสบ พร้อมทำให้ต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหดตัว เพื่อลดสาเหตุการเกิดสิว ในขณะที่แสงสีเขียว จะเข้าไปจับกับเมลานิน ส่งผลให้รอยดำดูลดเลือน จึงช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาท

กลุ่มเลเซอร์กำจัดขน
การปล่อยพลังงานแสงลงไปกำจัดรากขน เพื่อให้รากขนหลุดร่วงออกมา โดยควรเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร
- Gentle Yag : การปล่อยลำแสงชนิดพิเศษที่สามารถจับกับเซลล์บริเวณรากขน และแปรเปลี่ยนเป็นความร้อน ทำให้รากขนหลุดออกมา โดยในระหว่างทำจะรู้สึกเหมือนโดนดีดบริเวณรากขน แต่เมื่อทำเสร็จความรู้สึกนั้นจะหายไป โดยควรเข้ารับบริการ 5-8 ครั้งติดต่อกันทุก 4-8 สัปดาห์ ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาทต่อครั้ง โดยราคาอาจปรับเปลี่ยนแล้วแต่บริเวณที่รับบริการ
- Diode : ลำแสงที่ถูกปล่อยออกไป จะจับตัวกับเม็ดสีเมลานินของรากขน และทำลายเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงบริเวณนั้น ทำให้รากขนตายไปในที่สุด รวมถึงยังตัดวงจรการเกิดขนใหม่ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณนั้นทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ในระหว่างทำจะรู้สึกสึกจี๊ดได้ แต่ตัวเครื่องจะปล่อยความเย็นออกมาเพื่อผ่อนคลาย โดยควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 5-6 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1 เดือนในแต่ละครั้ง ราคาเริ่มต้นที่ 2,500 บาทต่อครั้ง โดยราคาอาจปรับเปลี่ยนแล้วแต่บริเวณที่รับบริการ