หากพูดถึงหัตถการ “ร้อยไหม” หลายคนอาจจะติดภาพจำของเทคนิคสมัยก่อนที่จะต้องใช้ไหมหลายเส้น ร้อยแล้วเจ็บระบม ช่วงเวลาที่ต้องพักรักษาตัวก็เยอะ แถมกลุ่มคนไข้ที่เข้าไปรักษาด้วยเทคนิคการร้อยไหมก็มีแต่กลุ่มคนอายุ 40-50 ปีขึ้นไปอีกต่างหาก ฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวของใครหลายคน แต่เมื่อตัดภาพมาที่ปัจจุบัน HELLO! Beauty & Health อยากให้ทุกคนลืมภาพเก่าๆ ทิ้งไป เพราะวันนี้เราได้พาตัว 4 ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมมาเคลียร์ทุกข้อคำถามคาใจเกี่ยวกับการร้อยไหมในยุคนี้ ตั้งแต่ ร้อยไหม เจ็บไหม ? จนถึง อายุเท่าไหร่ถึงควรทำ ?
และ 4 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมที่เราขอเชิญมาร่วมพูดคุยกันในวันนี้ ได้แก่ คุณหมออาร์ม – นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ จาก Hertitude Clinic , คุณหมอซี – นพ.ธนรัตน์ ใบเจริญโรจน์ จาก หมอซี Dr.Inspireinloveindy Clinic , คุณหมอเบญ – พญ.เบญจรมย์ ไกรฤกษ์ จาก Agaligo Clinic และ คุณหมอดาว – พญ.ดาวใจ ตรันเจริญรุ่งเรือง จาก DS Clinic คลินิกหมอดาวใจ – หมอสมพงษ์ อุดรธานี สกลนคร
ร้อยไหม เทคนิคยกกระชับปรับรูปหน้าที่ไม่มีอะไรทดแทนได้
คุณหมออาร์ม หรือ นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ จาก Hertitude Clinic ถือเป็นหนึ่งในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของแวดวงเสริมความงามประเทศไทย นอกจากจะสั่งสมประสบการณ์มานับสิบปีแล้ว ยังเป็น Master Trainer ที่เข้าไปเทรนเทคนิคต่างๆ ให้กับแพทย์เสริมความงามทั่วประเทศอีกด้วย ซึ่งคุณหมออาร์มเริ่มจากการอธิบายให้เราฟังโดยย่อว่าแท้จริงแล้วการร้อยไหมคืออะไร และมีวิธีการทำอย่างไร
“การร้อยไหม คือการใช้เส้นไหมดันเข้าไปใต้ผิวในชั้นไขมันเพื่อยกกระชับปรับรูปหน้า โดยเทคนิคสำคัญคือการ Reposition หรือการเคลื่อนย้ายก้อนไขมันให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ดี อาทิ บริเวณกระเปาะแก้ม หรือในบางเคสก็สามารถร้อยไหมยกดวงตาสำหรับกรณีที่คนไข้หนังตาตกได้เช่นกัน” โดยคุณหมออาร์มได้เล่าต่อไปอีกว่าการร้อยไหมมีความพิเศษกว่านวัตกรรมอื่นๆ ตรงที่เห็นผลทันทีหลังทำเสร็จ ไม่ต้องรอเวลาก็สวยได้เลย
เมื่อได้ฟังว่าการร้อยไหมสามารถยกกระชับปรับรูปหน้าได้ เราจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าแล้วการร้อยไหมจะแตกต่างจากการไปทำนวัตกรรมอื่นๆ อย่างคลื่นพลังงาน สารเติมเต็ม หรือสารลดริ้วรอยอย่างไร ข้อนี้คุณหมออาร์มได้ชี้แจงถึงจุดเด่นและข้อแตกต่างของการร้อยไหมให้เราฟังโดยละเอียด
“จุดเด่นของการร้อยไหมที่นวัตกรรมอื่นๆ ยังไม่สามารถทดแทนได้ก็คือ เทคนิคการเคลื่อนย้ายก้อนไขมัน (Reposition) คือการร้อยไหมจะไม่ได้เป็นการสลายไขมัน แต่เราจะใช้เทคนิคย้ายก้อนไขมันให้ไปอยู่ในจุดที่สวยงาม เช่นคนที่ใบหน้าหย่อน แก้มห้อย เราก็ใช้การร้อยไหมช่วยดึงให้ก้อนไขมันที่หย่อนคล้อยอยู่กลับขึ้นไปในจุดที่ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ โดยไม่ต้องใช้นวัตกรรมยกกระชับหรือการใช้สารเติมเต็มมาช่วย”

“เมื่อก่อนความสวยในสังคมจะมี Beauty Standard เป็นบรรทัดฐาน แต่ปัจจุบันค่านิยมแบบนั้นค่อยๆ หายไป คำว่าสวยเริ่มมีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น ซึ่งหมอมองว่าต่อไปนี้คงไม่มีความสวยแบบพิมพ์นิยมหรือ Mainstream แล้ว อีกเทรนด์หนึ่งที่มาแรงคือการดูแลตัวเองแบบองค์รวมให้ดูดีและอ่อนกว่าวัย จะเห็นได้ชัดเลยว่าสมัยก่อนคนจะดูสมวัย แต่ปัจจุบันเราทายอายุคนไม่ค่อยถูกแล้ว”
คุณหมออาร์ม – นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์
เส้นไหม คือปัจจัยสำคัญที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนไปร้อยไหม
คุณหมอซี หรือ นพ.ธนรัตน์ ใบเจริญโรจน์ จาก หมอซี Dr.Inspireinloveindy Clinic อีกหนึ่งคุณหมอที่ผ่านเคสการร้อยไหมมานับไม่ถ้วน ได้ชี้ 2 ประเด็นสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปหาคุณหมอสักคลินิกเพื่อร้อยไหม “ข้อแรกเลยก็คือต้องเลือกทำหัตถการกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะต่อให้ใช้ไหมแบบเดียวกัน แต่หมอที่ทำเป็นคนละคน เทคนิคและวิธีการวิเคราะห์รูปหน้าเพื่อรักษาก็แตกต่างกันแล้ว”
“ข้อถัดมาที่สำคัญมากคือการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เส้นไหม เพราะตัวเส้นไหมนี่แหละคือปัจจัยสำคัญว่าระหว่างทำจะเจ็บไหม มี Downtime เยอะไหม จนถึงผลลัพธ์จะดีและอยู่ได้นานแค่ไหนด้วยครับ” ซึ่งผลิตภัณฑ์เส้นไหมที่คุณหมอซีให้ความไว้วางใจและใช้ร้อยไหมให้กับคนไข้มาตลอด 3-4 ปีมานี้ก็คือ “ไหมอิตาลี”
โดยคุณหมอซีได้อธิบายถึงข้อดีของไหมอิตาลีให้เราเข้าใจโดยละเอียดว่า “ไหมอิตาลีจะเป็นวัสดุเกรดพิเศษ P (LA-CL) มีความเหนียวและยืดหยุ่นกว่าวัสดุอื่นๆ จึงเป็นที่มาว่าทำไมร้อยไหมอิตาลีถึงสามารถใช้แค่ข้างละ 1 เส้นก็เพียงพอ ส่วนใครที่สงสัยว่าแล้วแบบนี้ทุกเคสจะร้อยออกมาเหมือนกันหมดเลยไหม อันนี้ต้องบอกเลยว่าขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ที่จะทำการประเมินว่าจะดันเส้นไหมจากจุดไหนถึงจุดไหนเพื่อแก้ปัญหาของคนไข้ ซึ่งตัวไหมอิตาลีเองจะมีให้เลือก 2 ความยาว คือ 12 เซนติเมตรและ 23 เซนติเมตร ช่วยให้การรักษาครอบคลุมทุกเคสครับ”
“นอกจากเจ็บน้อยลง ใช้แค่ข้างละเส้นแล้ว ไหมอิตาลียังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานถึง 18 เดือนโดยประมาณ ก่อนจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ที่สำคัญเลยคือไหมอิตาลียังเป็นไหมที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ การร้อยไหมด้วยไหมอิตาลีจึงไม่ได้ช่วยแค่ยกกระชับ แต่ยังช่วยให้ผิวเนียนเด้งและดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย” ก่อนคุณหมอซีจะย้ำปิดท้ายถึงปัจจัยที่ทำให้เลือกใช้ไหมอิตาลี นั่นก็คือความปลอดภัย เพราะไหมอิตาลีผ่านการรับรองอย.จากทั้งในไทยและต่างประเทศมาแล้ว
“ปีนี้เทรนด์คงเป็นเรื่องของ Natural Beauty หรือการดูดีดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ สมัยก่อนเราจะมีความเชื่อว่าถ้าอยากดูดีต้องทำเยอะๆ แต่ความจริงแล้วมันทำให้ดูล้นดูไม่เป็นธรรมชาติ เทรนด์สมัยใหม่เลยโฟกัสไปที่การทำน้อยลง ทำให้พอเหมาะพอดี และดูดีแบบเป็นตัวเอง”
คุณหมอซี – นพ.ธนรัตน์ ใบเจริญโรจน์

ร้อยไหมยุคใหม่ ไม่ได้น่ากลัวและไกลตัวอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าเราจะรู้ถึงข้อดีของการร้อยไหมแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนก็ยังมีความลังเลใจที่เข้าไปทำหัตถการนี้ เนื่องด้วยชื่อเสียงในอดีตที่ค่อนข้างน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บระหว่างทำ ความระบมหลังทำ อาการบวมและรอยช้ำต่างๆ รวมไปถึงระยะเวลาพักหน้า (Downtime) ก็กินเวลานาน
คุณหมอดาว หรือ พญ.ดาวใจ ตรันเจริญรุ่งเรือง จาก DS Clinic คลินิกหมอดาวใจ – หมอสมพงษ์ อุดรธานี สกลนคร ได้คอนเฟิร์มยืนยันว่าการร้อยไหมในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยคุณหมอดาวเล่าให้เราฟังถึงพัฒนาการของเทคนิคการร้อยไหมจากอดีตสู่ปัจจุบันว่า “สิ่งที่คนไข้ของหมอกังวลมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง ร้อยไหม เจ็บไหม ส่วนตัวหมอเองร้อยไหมมาเป็นสิบปี เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้นเยอะมาก ทำให้เดี๋ยวนี้ไม่เจ็บเหมือนเมื่อก่อน อย่างสมัยก่อนเขาจะร้อยไหมด้วยไหมเส้นเล็ก หรือที่เรียกกันว่าไหม PDO พอไหมเส้นเล็ก ก็ต้องใช้หลายเส้นต่อการยกกระชับใบหน้าหนึ่งข้าง บางเคสก็ต้องใช้กันเป็นสิบเส้น พอจำนวนไหมที่ดันเข้าใบหน้าเยอะ ความเจ็บก็เยอะตาม แต่ปัจจุบันใช้ไหมอิตาลีซึ่งมีขนาดที่เหมาะสม เหนียวและยืดหยุ่น มีแรงยกดี ใช้ข้างละเส้นก็เพียงพอ”
“ช่วง 4-5 ปีมานี้หมอเปลี่ยนมาใช้ไหมอิตาลีในการร้อยไหมให้คนไข้ ผลตอบรับดีมาก เพราะคนไข้เจ็บน้อยลงมาก ถ้าถามว่าร้อยไหมเดี๋ยวนี้เจ็บขนาดไหน คิดดูว่ามีคนไข้หมอบางคนหลับไปเลยตอนทำ (หัวเราะ) แถมพอร้อยไหมอิตาลี ผลลัพธ์ก็ดีขึ้น อยู่นานเป็นปี บางเคสก็เกือบสองปีเลยค่ะ” คุณหมอดาวยังได้ยืนยันอีกว่าไม่ต้องกลัวเรื่องตกค้างในใบหน้า เพราะไหมอิตาลีสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
คุณหมอดาวสรุปให้เราฟังง่ายๆ อีกครั้งว่าการร้อยไหมด้วยไหมอิตาลีนั้น สามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
- ช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหากระเปาะแก้มสำหรับคนที่มีเบบี้แฟต หรือแก้มมีความหย่อนคล้อย ไปจนถึงคนที่แก้มตอบหรือใบหน้าดูไม่อิ่มเอิบ การร้อยไหมจะช่วยเคลื่อนย้ายก้อนไขมันให้ไปอยู่ในจุดที่สวยงาม ปรับรูปหน้าให้สวยได้รูปและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ช่วยแก้ไขสัญญาณแห่งวัย ไม่ว่าจะเป็น ร่องแก้ม ผิวที่คอที่ไม่เต่งตึง ไปจนถึงหนังตาตก ก็สามารถใช้การร้อยไหมแก้ไขให้สัญญาณแห่งวัยลดเลือนลงไปได้
- ช่วยปรับสภาพผิวให้อ่อนเยาว์ สำหรับคนที่ร้อยไหมด้วยไหมอิตาลี ข้อดีเพิ่มเติมคือไหมอิตาลีจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเต่งตึง เนียนนุ่มเด้ง และดูอ่อนเยาว์ขึ้นจากภายใน
“ปี 2023 นี้หมอว่าเทรนด์ที่มาแรงมากคืองานผิวแบบ Glass Skin ผิวฉ่ำวาวค่ะ ส่วนเทรนด์กรอบหน้าเป๊ะ รูปหน้าสวย อันนี้เรียกว่าเป็นเทรนด์อมตะ อยู่คู่วงการมาหลายปีแล้วก็น่าจะอยู่ไปอีกนานเลยค่ะ”
คุณหมอดาว – พญ.ดาวใจ ตรันเจริญรุ่งเรือง

เริ่มทำสวยก่อน ได้เปรียบกว่า
คุณหมอเบญ หรือ พญ.เบญจรมย์ ไกรฤกษ์ จาก Agaligo Clinic อีกหนึ่งแพทย์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการความงามมานับสิบปี และโดดเด่นเรื่องฝีมือการร้อยไหม ทีมบิวตี้จึงได้ขอคำตอบจากคุณหมอเบญว่า จริงหรือไม่ที่เริ่มทำสวยตั้งแต่อายุน้อยๆ แล้วจะให้ผลดี ?
“การเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ถือเป็นเรื่องได้เปรียบจริงๆ อย่างในอดีตเทรนด์คือการชะลอวัย (Anti-Aging) แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาดูแลตัวเองตั้งแต่ก่อนเกิดสัญญาณแห่งวัย (Prejuvenation) เพื่อยืดเวลาการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยทั้งหลายออกไป” คุณหมอเบญอธิบายถึงเทรนด์การดูแลตนเองที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่
“อย่างการร้อยไหมเอง อายุ 25-27 ปีขึ้นไปก็สามารถทำได้เลย นอกจากจะช่วยเรื่องการยกกระชับเก็บกรอบหน้าแล้ว ยังไม่ทำลายหรือสลายไขมันออกจากใบหน้า ซึ่งไขมันถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และอิ่มเอิบอย่างเป็นธรรมชาติ”
นอกจากนี้คุณหมอเบญยังได้เผยอีกว่ากลุ่มคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาและทำการรักษาที่คลินิกก็เริ่มมีช่วงอายุที่กว้างขึ้น “อย่างคนไข้ที่คลินิกของหมอเองก็มีตั้งแต่วัย 20 จนถึง 50-60 ปีเลย สมัยก่อนคนไข้จะอายุ 40-50 ปีขึ้นไป อย่างน้อยสุดก็จะอยู่ในช่วง 30 ปี แต่ปัจจุบันนี้วัย 20 ก็เข้าคลินิกกันแล้ว เมื่อก่อนคนอาจจะรู้สึกว่าการร้อยไหมเป็นเรื่องไกลตัว ต้องรออายุเยอะก่อนค่อยมาทำ แต่จริงๆ แล้วเทคนิคการร้อยไหมสามารถใช้แก้ไขปัญหาได้หลากหลายและค่อนข้างครอบคลุมมากค่ะ จะเรื่องเบบี้แฟต ผิวหน้าหย่อนคล้อย กรามไม่ชัด หรือแม้แต่หนังตาตก ร้อยไหมก็สามารถแก้ไขได้ ทำให้ตอบโจทย์ความกังวลของคนไข้ทุกช่วงอายุ”

“ส่วนตัวหมอว่าเทรนด์ความงามปัจจุบันจะเน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลมากขึ้น ไม่ได้จำเป็นจะต้องเหมือนใคร แค่ดึงจุดเด่นในตัวเองออกมา แล้วก็เน้นดูแลผิวให้สุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัยค่ะ”
คุณหมอเบญ – พญ.เบญจรมย์ ไกรฤกษ์
ขอบคุณสถานที่ โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ (Hua Chang Heritage Hotel)