เทรนด์การ ‘การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด’ เกิดจากงานเขียนของ ดร.ปีเตอร์ ดี อาดาโม แพทย์ทางเลือกจากสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้เวลากว่า 30 ปีในการศึกษาและหาข้อสรุปของโภชนาการแบบใหม่นี้ โดยในหนังสือเรื่อง Eat Right for Your Type ของเขาได้ระบุไว้ว่า เม็ดเลือดแต่ละกรุ๊ปมี โปรตีนแอนติเจน (Antigen) เป็นตัวกระตุ้นในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

อาหารทุกชนิดที่เรารับประทานเข้าไปล้วนมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีคุณสมบัติในการเหนี่ยวนำและเกาะจับเลือดที่เรียกว่า ‘เลกติน’ ถ้าเรารับประทานอาหารที่ไม่เหมาะกับกรุ๊ปเลือดของเรา จะทำให้เลกติกเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การเผาผลาญ การสร้างอินซูลิน และความสมดุลของฮอร์โมน และสารเคมีในเลือดที่แตกต่างกันนี้จึงส่งผลให้แต่ละกรุ๊ปเลือดสามารถย่อยและเผาผลาญอาหารแต่ละชนิดได้ดีไม่เท่ากัน
กรุ๊ป A นักมังสวิรัติ
คนกรุ๊ปเอมีเลือดที่ค่อนข้างเหนียวข้น การรับประทานโปรตีนและไขมันเข้าไปเพิ่มมากๆ จะทำให้เลือดไหลเวียนมักจะย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ไม่ค่อยดี จึงแนะนำให้ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและซีฟู้ด หันมารับประทานอาหารจำพวกปลาต่างๆ แทนเพื่อรับโปรตีน รวมถึงควรเปลี่ยนจากการดื่มนมวัวมาเป็นนมถั่วเหลือง ขณะที่ผักและผลไม้นั้นกรุ๊ปเอสามารถรับประทานได้แทบทุกชนิด มีเพียง ส้มและมะละกอ ที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้ระคายกระเพาะอาหารได้

สำหรับเครื่องดื่ม คนกรุ๊ปเอที่เป็นสายดื่มสายปาร์ตี้อาจจะต้องหักห้ามใจกันสักนิด เพราะดร.ปีเตอร์แนะนำว่าไม่ควรดื่มเบียร์และโซดา ขณะที่สายกาแฟยังพอรับประทานได้วันละหนึ่งแก้ว เพราะจะช่วยเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร โดยเน้นย้ำว่าควรดื่มหลังรับประทานอาหารแล้ว
กรุ๊ป B อยู่ง่าย กินง่าย แต่ระวังอ้วนง่าย
คนกรุ๊ปนี้สามารถกินอาหารได้หลากหลาย ในปริมาณที่สมดุลและพอดีกัน แต่มักพบปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องง่ายหรืออ้วนง่าย อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ แป้งสาลี , แป้งโฮลวีต หรือพวกขนมปัง หากอยากรับประทานแป้ง ขอแนะนำให้เลือกเป็น แป้งสเปลท์ (Spelt) จะดีกว่า ส่วนเนื้อสัตว์และผักนั้นกินได้แทบทุกชนิด เรียกว่าเนื้อแดงก็กินได้ ผักก็กินให้สมดุลกัน ควรหลีกเลี่ยงเพียงแค่เนื้อไก่และซีฟู้ด

สำหรับผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงคือลูกพลับ ลูกแพร์ และทับทิม นอกเหนือจากนี้สามารถรับประทานได้ทั้งหมด และขอแอบกระซิบให้คนกรุ๊ปเลือดบีที่กำลังลดน้ำหนักว่า สับปะรด จะดีต่อการเผาผลาญแคลอรี มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยในเรื่องของการไหลเวียนเลือดอีกด้วย ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดื่มที่จะช่วยบำรุงประสาทคนกรุ๊ปบีได้ดีคือ เครื่องดื่มจำพวกชา ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาขิง ชาโสม หรือชาเปปเปอร์มินต์
กรุ๊ป O นักกินเนื้อ
ด้วยความที่คนกรุ๊ปเลือดนี้จะมีความเป็นกรดในกระเพาะสูง ทำให้ย่อยอาหารประเภทโปรตีนได้ดีกว่าใครเพื่อน แต่ในความโชคดีก็มีเรื่องที่ต้องระวัง เพราะระบบเผาผลาญกลับไม่ค่อยดี ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ไม่ค่อยคงที่ ทำให้พบปัญหาอ้วนง่ายและเลือดแข็งตัวช้า ในแต่ละมื้ออาหารจึงสามารถจัดหนักจัดเต็มโปรตีนได้ทุกประเภท และอย่าลืมรับประทานผักในปริมาณที่เหมาะสมและสมดุลกัน โดยเฉพาะผักใบเขียวต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงผักใบขาวอย่างเช่น ผักกาดขาว หรือกะหล่ำปลี เพราะจะก่อกวนการทำงานของไทรอยด์ได้

อาหารประเภทเดียวที่คนกรุ๊ปโอต้องระวังเป็นอย่างมากก็คือ แป้งและคาร์โบไฮเดรต เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อ้วนได้ง่ายมาก สำหรับผลไม้นั้นก็รับประทานได้แทบทุกชนิด โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ ที่จะเข้าไปช่วยสร้างความสมดุลให้แก่กรดในกระเพาะอาหาร ส่วนเครื่องดื่มควรจะหลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเบียร์เป็นอย่างมาก เพราะจะยิ่งไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารให้สูงเกินไป
กรุ๊ป AB ผักและแป้งแบบเน้นๆ
ส่วนผสมระหว่าง 2 กรุ๊ปเลือด ทำให้คนกรุ๊ปเอบีสามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้อย่างกรุ๊ปบี และรับประทานผักได้แบบกรุ๊ปเอ แต่ต้องให้อยู่ในปริมาณที่สมดุลกัน และควรระวังอาหารหมักดองต่างๆ ส่วนผลไม้สามารถรับประทานได้แทบทุกชนิดโดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่และสับปะรด เพราะจะช่วยสร้างความสมดุลของกรดในเนื้อเยื่อ และความโชคดีอีกข้อคือคนกรุ๊ปเอบีสามารถรับประทานแป้งได้โดยไม่ต้องกลัวน้ำหนักขึ้นเหมือนอย่างกรุ๊ปโอ

อีกหนึ่งความโชคดีของคนกรุ๊ปนี้คือเครื่องดื่มที่แนะนำให้รับประทานคือ ไวน์แดง ในปริมาณวันละ 1 แก้วจะสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคหัวใจและมะเร็งได้ ส่วนใครที่อยากดีท็อกซ์ร่างกายตอนเช้า แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นพร้อมบีบมะนาวสักครึ่งซีก จะช่วยในการล้างระบบลำไส้และระบบย่อยได้เป็นอย่างดีทีเดียว
Source : Medthai , งานธนาคารเลือด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ โรงพยาบาลเปาโล