หากพูดถึงนวัตกรรมยกกระชับชะลอวัยใบหน้า โปรแกรมที่อยู่ในกระแสความสนใจตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ก็คงหนีไม่พ้น Ulthera (อัลเทอร่า) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายเพราะตอบโจทย์หนุ่มสาวที่อยากดูแลตัวเองแต่กลัวเข็ม และที่ ‘The Demis Clinic’ เองก็ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญด้านการทำ “Ulthera ชิลล์ขึ้น 70%” ที่เหล่าคนไข้ล้วนให้เสียงตอบรับว่าเจ็บน้อย ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม วันนี้ HELLO! เลยจะขอพาทุกคนมาเจาะลึกเบื้องหลังว่า The Demis Clinic ใช้เทคนิคอะไรถึงสามารถทำ “Ulthera ชิลล์ขึ้น 70%” ได้?
“Ulthera ชิลล์ขึ้น 70% By The Demis Clinic” ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าโปรแกรม Ulthera จะได้รับความนิยมจากกลุ่มคนที่ไม่ชอบการทำสวยด้วยเข็ม รวมถึงผลลัพธ์การยกกระชับปรับรูปหน้าให้สวยเป๊ะตรงใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลากหลายเสียงพูดตรงกันถึงความเจ็บของการทำโปรแกรมนี้ ทำให้ทีมคุณหมอของ The Demis Clinic นำทีมโดย ‘คุณหมอโจ้-นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์’ และ ‘คุณหมอหลิน-พญ.นิโลบล เจริญวุฒิ’ ใช้เวลาและประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 10 ปี ศึกษาค้นคว้าวิธีการจนได้เทคนิคการทำที่เจ็บน้อยลง
คนไข้ส่วนใหญ่ให้เสียงตอบรับว่าเจ็บน้อยลงกว่าเดิม 50-80% และในบางเคสบอกว่า “ไม่เจ็บเลย” ซึ่งเมื่อความเจ็บของคนไข้ลดลงการให้ความร่วมมือของคนไข้ระหว่างทำ รวมถึงจำนวนการยิงช็อตและระยะเวลาก็สามารถเพิ่มได้มากขึ้น ยิงได้ตรงจุดแม่นยำยิ่งขึ้น


ความเชี่ยวชาญของทีมคุณหมอที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้
นอกจากประสบการณ์การดูแลรักษาคนไข้ภายใต้ชื่อคลินิกมากว่าหนึ่งทศวรรษจะทำให้ทีมคุณหมอที่นี่เชี่ยวชาญตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหาจนถึงขั้นตอนวางแผนรักษาแล้วนั้น คุณหมอทั้ง 9 ท่านของ The Demis Clinic ยังไม่หยุดยั้งศึกษาค้นคว้าเรียนรู้ศาสตร์และเทคนิคใหม่ๆ อีกด้วย
โดยคุณหมอหลินเล่าเพิ่มเติมว่า “อย่างล่าสุดทางคลินิกก็ส่งทีมคุณหมอไปเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับสรีระของใบหน้า (Facial Anatomy) เพื่อให้เวลาทำนวัตกรรมต่างๆ มีความเข้าใจทั้งด้านกล้ามเนื้อ โครงสร้าง กระดูก หรือเส้นเอ็น ทำให้สามารถทำได้ถูกต้องแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น”
ที่สำคัญคือคนไข้ทุกเคสของคลินิกจะได้รับการดูแลโดยคุณหมอ ตั้งแต่การเข้าปรึกษารับคำแนะนำ วิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษา ไปจนถึงการรักษาที่บรรดาคุณหมอล้วนเป็นผู้ลงมือทำเองทั้งสิ้น

ทำไมโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์จึงทดแทน Ulthera ไม่ได้ ?
นวัตกรรมชะลอวัยในปัจจุบันมีหลากหลายโปรแกรมให้เลือก จนหลายคนอาจสับสนและตัดสินใจไม่ถูก วันนี้เราเลยขอให้คุณหมอโจ้ช่วยเคลียร์ข้อข้องใจทั้งหลายให้กระจ่าง ว่าสรุปแล้ว โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และ Ulthera นั้น ให้ผลแตกต่างกันอย่างไร และทำไมจึงไม่สามารถทดแทนกันได้
“เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่านวัตกรรมแต่ละตัวทำงานอย่างไร อันดับแรก ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม จะใช้เทคนิคการฉีดด้วยเข็มเข้าไปตรงบริเวณที่อยากให้ดูเต็มอิ่มขึ้น เพิ่มมิติให้ใบหน้ามากขึ้น สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกอาจจะเน้นสร้างมิติให้ใบหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพียงไม่กี่ซีซี บริเวณคาง บริเวณขมับ หรือบริเวณปากก็เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ส่วนคนที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย ก็จะเน้นฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก หรือบริเวณขมับที่แฟตมักจะหายไปจุดแรกๆ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น”
“ถัดมาคือ โบท็อกซ์ หรือโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งใช้เทคนิคการฉีดด้วยเข็มเหมือนกัน เป็นการทำสวยที่คนทั่วไปน่าจะรู้จักและเข้าใจในผลลัพธ์มากที่สุด โดยฤทธิ์คือการฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อฉีดบริเวณกรามก็จะทำให้โครงหน้าเล็กลง หรือฉีดบริเวณที่มีริ้วรอยจางๆ อันเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้า เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนั้นหดตัว ขยับได้น้อยลง ริ้วรอยก็จะจางลงหรือหายไป นอกจากนี้แล้วยังมีการนำโบทูลินั่มท็อกซินมาฉีดเพื่อ Lifting ยกกระชับกรอบหน้าและลำคออีกด้วย”
“สุดท้ายคือ Ulthera เป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่สูงยิงลงไปที่ชั้นผิวหนัง SMAS จนเกิดเป็นความร้อน ทำให้ชั้นผิวหนังหดตัว ส่งผลให้ผิวดูกระชับเต่งตึงขึ้น รวมถึงยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้หน้าผิวดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์ขึ้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแต่ละโปรแกรมแต่ละนวัตกรรมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ไม่สามารถใช้เพียงอันเดียวเพื่อแก้ปัญหาทุกแบบได้ เพราะไม่มีอันไหนสามารถทดแทนกันได้”

ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้าน Ulthera สู่การยกกระชับผิวรอบดวงตา
นอกจาก The Demis Clinic จะเชี่ยวชาญด้านการทำอัลเทอร่าจนสามารถคิดค้นเทคนิคการทำอัลเทอร่าแบบไม่เจ็บหรือเจ็บน้อยขึ้นมาได้ คุณหมอโจ้ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคนิคยกกระชับผิวรอบดวงตา “Ulthera รอบดวงตา” ซึ่งแตกต่างจากเทคนิคการทำอัลเทอร่ารอบดวงตาปกติ ที่จะช่วยยกกระชับบริเวณหางตาเพียงอย่างเดียว เพราะที่ The Demis Clinic จะใช้เทคนิคยกกระชับตั้งแต่หัวตาให้ดูเปิด ดูสว่างสดใสขึ้น
อีกทั้งยังสามารถยกกระชับเปลือกตา ทำให้ดวงตาดูยก ดูกลมโตมากขึ้น ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทำ คุณหมอโจ้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งในการคิดค้นเทคนิคนี้ แต่ยังเป็นผู้สอนการทำ Ulthera รอบดวงตาให้กับคุณหมอที่ทำอัลเทอร่าทั่วประเทศอีกด้วย
สำหรับเทคนิคใหม่ล่าสุดที่คลินิกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาก็คือ “Ulthera Body” ซึ่งคุณหมอหลินเล่าเพิ่มเติมว่า “เทคนิคใหม่ล่าสุดอย่าง Ulthera Body นี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีรูปร่างอ้วนมาก ไม่ได้มีไขมันสะสมมาก แต่มีส่วนเกินที่ต้องการยกกระชับ หรือคุณแม่ที่เพิ่งคลอด เช่น หน้าท้องล่าง หรือท้องแขน เป็นต้น ซึ่งเป็นบริเวณที่แม้จะออกกำลังก็ลดได้ยาก เราเลยคิดค้นเทคนิคนี้มาตอบโจทย์”
โดยโปรแกรม Ulthera Body ยังคงมาในคอนเซปต์เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น เหมือนกับใบหน้า แถมยังสบายใจระหว่างทำเพราะเครื่อง Ulthera ที่ทางคลินิกใช้เป็นรุ่นใหม่ มีหน้าจอแสดงผลชั้นผิวหนัง ทำให้คุณหมอสามารถมองเห็นการเรียงตัวของชั้นไขมันได้อย่างชัดเจน และสามารถเล็งเป้าการยิงหรือคำนวณจำนวนช็อตได้แม่นยำเหมาะสม
นอกจากนี้คุณหมอหลินยังได้กระซิบกับทาง HELLO! อีกว่าถึงแม้เครื่อง Ulthera ของหลายที่จะใช้เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็ย่อมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชำนาญและเทคนิคของคุณหมอแต่ละท่าน ซึ่งเทคนิคของคุณหมอคือการกดหัวยิงและลงน้ำหนักให้ถูกต้อง เพื่อให้จำนวนช็อตส่งผ่านลงไปได้ลึกยิ่งขึ้น
“ถ้าหากเป็นคนที่มีไขมันสะสมเยอะ แนะนำให้ลดน้ำหนักก่อน แล้วพอมาทำ Ulthera Body จะช่วยเก็บงานรูปร่างให้ดูกระชับเป็นสัดส่วนที่เป๊ะยิ่งขึ้นค่ะ” คุณหมอหลินแนะนำพร้อมรอยยิ้ม


ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทาง The Demis Clinic ได้รับการยอมรับจากคนไข้จำนวนมาก เพราะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มแรกๆ ของประเทศไทยที่นำนวัตกรรม Ulthera เข้ามาใช้ ทั้งยังได้รับรางวัลการันตีว่าเป็นคลินิกที่มีการยิงเคส Ulthera มากที่สุดอันดับหนึ่งในเอเชีย รวมทั้งสิ้น 7 ปีซ้อน
ถึงแม้จะมีกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้นยังไง ทางคุณหมอโจ้และคุณหมอหลินก็ยังขอขยายสาขาเพียง 2 สาขาเท่านั้น เพราะต้องการรักษาคุณภาพและมาตรฐานทุกสาขาให้เท่ากัน 100%
