การฉีดฟิลเลอร์ เป็นเทคโนโลยีความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะสามารถแก้ไขรูปหน้า และจุดต่างๆ บนใบหน้าได้ใกล้เคียงการศัลยกรรม โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว ยังสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วยค่ะ แต่เราก็เชื่อว่า สาวๆ หลายคนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์อยู่ HELLO! จึงขออาสามาไขความกังวลต่างๆ ให้สาวๆ ได้สบายใจกันค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้ Filling Agent หรือ สารเติมแต่ง คืออะไร?
การใช้สารเติมแต่ง (Filling Agent) เป็น ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของใบหน้าหรือปรับรูปจมูก เติมเต็มร่องแก้มลึก ร่องใต้ตาให้เต็มตื้นขึ้น หรือแม้แต่การเติมส่วนต่างๆ บนใบหน้า เพื่อปรับให้ได้รูปสมบูรณ์ เช่น หน้าผาก แก้ม หว่างคิ้ว หรือขมับ
ซึ่งสารเติมเต็มที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบธรรมชาติในร่างกายเรา ที่เรียกว่า Hyaluronic Acid หรือ HA จึง มีความปลอดภัยสูง โอกาสเกิดการแพ้น้อย สารนี้มีความคงตัวทำให้สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เมื่อได้รูปแล้วก็จะคงตัวอยู่ และจะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหายึดเกาะติดเนื้อเยื่อถาวรเหมือนพวกซิลิโคนเหลว และผลการรักษาจะคงอยู่ได้นานประมาณ 9 – 12 เดือน
โดยปริมาณที่ใช้ฉีดนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณ ซึ่งจะเริ่มต้นที่จุดละ 1 ซีซี (ปริมาณต่อ 1 หลอด) แต่หากฉีดในบริเวณใหญ่ เช่น หน้าผาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากถึง 6 หลอดด้วยกัน
ข้อควรระวังก่อนการฉีด Filler
– ไม่ควรทำหลังการทำเลเซอร์ชนิดลอกผิว หรือสารลอกผิว
– ไม่เติมในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
– ผู้ที่รับประทานยาห้ามเลือดแข็งตัว เช่น แอสไพริน ใบแปะก๊วย วิตามินอี ควรหยุดยาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Filler
เพื่อเป็นการคลายความกังวลใจของสาวๆ HELLO! ได้พูดคุยกับ คุณหมอบอล – นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ และนวัตกรรมความงาม The Signature Clinic เพื่อตอบข้อสงสัยต่างๆ ค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณใต้ตาอันตรายจริงไหม? และมีโอกาสเสี่ยงตาบอดหรือไม่
อันที่จริงแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น สำหรับบริเวณใต้ตานั้นมีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากไม่ได้รับการฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญอาจเกิดความเสี่ยงได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีโอกาสสูงมาก บริเวณที่ควรจะต้องระวังมากกว่าใต้ตาคือบริเวณหว่างคิ้วและขมับ ซึ่งมีเส้นเลือดเป็นจำนวนมากกว่า
ที่บอกว่ามีความเสี่ยง เพราะว่าหากฉีดไม่ดี ฟิลเลอร์อาจจะไปอุดตันในเส้นเลือด และนั่นจึงเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายตามมา แต่หมอก็ขอยืนยันครับว่าถ้าฉีดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ คลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะไม่เกิดอันตรายแต่อย่างใดครับ
ต้องหลีกเลี่ยงความร้อนหลังฉีดฟิลเลอร์จริงหรือไม่คะ
หลีกเลี่ยงในช่วงประมาณ 3 วันแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์คงรูปอย่างเต็มที่ก่อน ไม่อย่างนั้นฟิลเลอร์อาจจะเสียคุณภาพได้ แต่ความร้อนที่ต้องหลีกเลี่ยงคือความร้อนที่สูงมากๆ เช่น การตากแดดแรงๆ การทำเลเซอร์ที่ใบหน้า การอบไอน้ำผิว ซาวน่า หรือการอบไอน้ำผมที่ความร้อนจะสามารถสัมผัสกับใบหน้าได้
ส่วนความร้อนที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น การโดนแดด การใช้อุปการณ์จัดแต่งทรงผม การทานอาหารประเภทปิ้งย่าง-ชาบู ไม่ได้มีผลกับการฉีดฟิลเลอร์ครับ ยกเว้นจะเอาหน้าไปอังความร้อนโดยตรง
ถ้าไม่เติมฟิลเลอร์จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
หากไม่เติม สารเติมเต็มก็จะสลายไปตามกาลเวลา ซึ่งจะกลับไปสู่สภาพเดิมก่อนฉีด แต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าดูแย่ลงครับ หากพอใจใบหน้า ณ ขณะนั้น ก็ไม่ต้องกลับมาเติมก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย หากบำรุงผิวอย่างดี ดื่มน้ำมากๆ งดเว้นแอลกอฮอล์และบุหรี่ ฟิลเลอร์ซึ่งเป็น Hyaluronic Acid ก็จะอยู่ในผิวได้นานยิ่งขึ้น
หากฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่พอใจ สามารถแก้ไขได้ไหมคะ
สามารถแก้ไขได้ครับ โดยเฉพาะหากเป็นฟิลเลอร์ธรรมชาติอย่าง HA สามารถฉีดยาเพื่อสลายฟิลเลอร์ในบริเวณที่ต้องการได้เลย ซึ่งผลที่ได้ก็จะเป็นปกติเหมือนตอนก่อนฉีดฟิลเลอร์ แต่สำหรับคนที่ได้ข่าวว่าต้องขูดฟิลเลอร์ออกนั้น นั่นอาจเป็นเพราะฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นสารที่ไม่ใช่ HA

เห็นไหมคะว่าการฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน รับรองว่าไม่มีอาการฟิลเลอร์ไหล หรือเป็นอันตรายต่อร่างการอย่างแน่นอน หากใครกำลังลังเลอยู่ ก็น่าจะตัดสินใจกันได้แล้วนะคะ