อาการอึดอัดไม่สบายตัวจนพาลหมดความมั่นใจ เป็นปัญหาที่เกิดได้จากอาการท้องอืดแน่นเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากวันหยุดอันแสรปรีดิ์เปรมด้วยอาหารและเครื่องดื่มสารพัน แถมอาการท้องอืดยังเป็นปัญหาที่ผู้หญิงต้องรับมือหนักกว่าผู้ชายเสียด้วย เพราะโดยเฉลี่ยแล้วลำไส้ใหญ่ของผู้หญิงจะยาวกว่าลำไส้ใหญ่ของผู้ชายถึง 10 เซนติเมตร ซึ่งนั่นทำให้ผู้หญิงพบเจอปัญหานี้มากกว่า แต่จะทำอย่างไรให้หายจากอาการเหล่านี้เรามีคำแนะนำดีๆจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน 5 วิธีง่ายๆ หมดปัญหาจากท้องอืด
รักษาระดับของเหลว
ท้องอืดเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าร่างกายต่อสู้กับการย่อยอาหาร แต่สาเหตุอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเช่น ปัญหาการขาดน้ำและภาวะขาดสมดุลแร่ธาตุ ดร.อายชา อักบาร์ ที่ปรึกษาด้ายระบบทางเดินอาหารแห่งโรงพยาบาล St.Mark ลอนดอน เผยว่า “เมื่อร่างกายพยายามรักษาสมดุลของเหลวจากสภาวะขาดน้ำ ร่างกายจะกักน้ำไว้ชดเชย ซึ่งนั่นจะไปหยุดกระบวนการย่อย การดื่มน้ำเยอะๆจึงช่วยป้องกันอาการท้องอืดได้อีกทางหนึ่ง”
ค่อยๆเคี้ยว
แองเจลีก พานากอส นักโภชนาการจากรายการดังช่อง ITV ‘Sugar FreeFarm’ แนะนำว่าให้เคี้ยวอาหารช้าลง “เคี้ยวให้นาน เคี้ยวให้มาก ถ้าไม่รีบมากควรทำให้ได้ เพราะกระเพาะอาหารไม่มีฟันบดเคี้ยว ทางเดียวที่จะช่วยได้คือใช้ฟันเคี้ยวไม่ใช่รีบกลืน” ทฤษฎีของ ดร.อักบาร์ ก็เห็นพ้องตามนี้ว่า “หากเรารีบกินรีบกลืน นั่นเป็นไปได้ว่าเราจะได้รับลง (แก๊ส)ไปพร้อมกบอาหาร ลมปริมาณมากดังกล่าวนี้ทำให้ท้องอืด”
กินอยู่อย่างปกติ
จำเลยหลักอย่างหนึ่งของการท้องอืดคือ อาหารท้องผูก ดังที่ ดร.อักบาร์กล่าวไว้ว่า “อาการท้องผูกอาจส่งผลให้มีอุจจาระคั่งค้างในลำไส้ ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง ปวดมวน หรือมีลมในท้อง เหตุของอาหารท้องผูกอาจเกิดได้จากการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ขาดการออกกำลังกายรวมถึงความเครียด” ทั้งหมดนี้คือปัญหาง่ายๆที่เกิดขึ้นได้ไม่เว้นวันหยุด ดังนั้นแต่ละวันควรเลือกกินอาหารที่มีโปรไบโอติกส์เพื่อช่วยระบบขับถ่ายหรือรับประทานอาหารเสริมอย่างแมกนีเซียมในตอนกลางคืนเพื่อช่วยกระตุ้นการดูดซึมน้ำในร่างกาย
ทำตัวให้กระฉับกระเฉง
“เดินให้มากหรือก้มตัวเอามือจับปลายเท้าเพื่อลดความเมื่อยล้า ท่านี้บวกกับแรงดึงดูดของโลกจะช่วยไล่ลมออกจากท้องได้” เทรนเนอร์มืออาชีพของดาราฮอลลีวูดอย่าง ราโมมา บรากันซา บอกไว้ “ท่าออกกำลังกายแบบที่ต้องบิดตัวจะช่วยขับลมออกจากระบบทางเดินอาหาร เช่น ท่านั่งบนเก้าอี้ ยกขาขึ้นหันฝ่าเท้าชนกันแล้วบิดเอวไปรอบๆ โดยที่หลังยังพิงพนักเก้าอี้ไว้หรือจะทำท่าหมอบคลานอย่างโยคะท่าเด็ก แล้วค่อยๆกดสะโพกลงกับพื้น ให้หลังกับสะโพกทิ้งน้ำหนักบนส้นเท้าก็ได้ หรือจะเอนตัวไปข้างหน้าให้ท้องก้มชิดน่อง ก่อนเอื้อมแขนทั้งสองข้างแตะพื้น ทั้งหมดนี้ช่วยขับลมเป็นอย่างดี”
นับปริมาณแป้ง
เชื่อกันมานานว่า ‘กลูเตน’ เป็นตัวการของอาการท้องอืด แต่ความเชื่อนี้อาจไม่ถูกต้องนัก ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการย่อยอาหารหลายคนเชื่อว่าการหมักตัวของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว น้ำตาลโมเลกุลคู่ คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ รวมถึงการรวมตัวของคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลสั้นๆที่พบในอาหารทั้งตามธรรมชาติและแต่งเติม คือต้นเหตุของอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ซึ่งรวมถึงท้องอืดท้องเฟ้อด้วย
ศาสตราจารย์ปีเตอร์ กิบสัน หัวหน้าหน่วยวิจัยวิทยาระบบทางเดินอาหารแห่งมหาวิทยาลัย Monash University ออสเตรเลีย ผู้คร่ำหวอดในการรักษาอาการลำไส้แปรปรวนสรุปว่า “กลูเตนอาจถูกมองเป็นตัวปัญหา แต่บางทีอาหารจำพวก Fodmaps อาจเป็นตัวการสำคัญก็ได้”
ปัญหาคือ อาหารจำพวก Fodmaps นั้นถูกดูดซึมได้ยากในลำไส้เล็ก เมื่อมันลงๆปถึงลำไส้จะถูกหมักบ่มโดยแบคทีเรียและยังดูดซึมของเหลวออกไปด้วย นั่นยิ่งทำให้เกิดลมและกรดในท้อง เป็นจุดเริ่มต้นของท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารที่เป็นแหล่ง Fodmaps ได้แก่ น้ำผึ้ง แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ลูกพีช หอมใหญ่ กระเทียม กระหล่ำปลี สารให้ความหวานแทนน้ำตาลจำพวกซอร์บิทอล นม ไอศกรีม โยเกิร์ต บร็อกโคลี พาสต้า บิสกิต แตงโม ถั่วเลนทิล ถั่วอบ อาหารเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
………………………………………………………………………..
cr. : Stock photos