เมล็ดเจีย เป็นพืชทะเลทราย ที่มีถิ่นกำเนิดจากตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก มีคุณสมบัติคล้ายเม็ดแมงลัก คือสามารถดูดซึมน้ำได้ดี เมื่อนำไปแช่น้ำ จะเกิดการพองตัว ทั้งยังมีสารอาหารมากมาย ทำให้ได้รับความนิยม ในการนำมาทำเมนูเพื่อสุขภาพต่าง ๆ โดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะเมล็ดเจียที่อุ้มน้ำนั้น ทำให้อิ่มท้องได้ ในขณะที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ และยังมีคุณประโยชน์มากมาย ด้วยสารอาหารที่หลากหลาย มาดูกันดีกว่าว่า ประโยชน์เมล็ดเจีย กินแล้วดียังไงบ้าง
ความแตกต่างของเมล็ดเจียและเม็ดแมงลัก
ด้วยความที่ทั้งสองอย่างนี้ ต่างก็มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน คือพองตัวเมื่อโดนน้ำ ทำให้หลายคนอาจสับสน และแยกไม่ออกว่าอันไหนเมล็ดเจีย อันไหนเม็ดแมงลักกันแน่ แต่วิธีดูคือให้ลองสังเกตดี ๆ เมล็ดเจียจะเป็นสีน้ำตาล และมีลวดลาย ทรงรีกลม ไม่แหลม ส่วนเม็ดแมงลักนั้นจะมีสีดำ ตรงส่วนปลาย มีความเรียวแหลมเล็กน้อย ลักษณะเมื่อแช่น้ำจะมีผิวเจลที่สีขุ่นกว่าเมล็ดเจียเล็กน้อย หรือถ้าใครแยกไม่ออกจริง ๆ ลองถามคนขายเลยกก็ได้นะ

เมนูคนลดน้ำหนัก
เมล็ดเจียมีเส้นใยสูง แคลอรีต่ำ ดูดซึมน้ำได้ดี ทำให้กินแล้วอิ่มท้องได้นาน โดยไม่ทำให้อ้วน ไม่หิวบ่อย และไม่กินจุบจิบอีก ส่วนไฟเบอร์นั้น ก็ดีต่อระบบย่อย ช่วยในการขับถ่าย ระบายของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างดีท็อกซ์ร่างกาย และควบคุมน้ำหนักให้สุขภาพดี สำหรับเมนูยอดนิยม ที่ใส่เมล็ดเจีย ก็มักจะเอาไปโรยในเครื่องดื่ม ผสมน้ำปั่นต่าง ๆ หรือใส่ในโยเกิร์ต กินคู่กับซีเรียล ธัญพืช ผลไม้ เป็นเมนูสุขภาพ ที่ทำได้ง่ายมาก แทบไม่ต้องผ่านวิธีการปรุงอะไรเลย

ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
อีกคุณประโยชน์ของเมล็ดเจีย ที่ดีต่อร่างกายคือ เป็นแหล่งรวมกรดไขมัน ที่ร่างกายเราไม่สามารถผลิตด้วยตัวเองได้ อย่างไลโนเลอิก หรือแอลฟาไลโนเลนิก ที่เป็นกรดไขมันพื้นฐาน ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้ประโยชน์ สร้างเป็นกรดไขมันชนิดอื่น ๆ อีกต่อไป โดยเฉพาะ โอเมก้า 3 ที่ในเมล็ดเจียนั้น อาจมีมากกว่า ปลาแซลมอนอีก โดยโอเมก้า 3 นั้นจะช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และไตรกลีเซอไรด์ ปรับสมดุลระบบไหลเวียนโลหิต ในร่างกาย ควบคุมความดัน ทำให้ดีต่อหัวใจของเราด้วย
ป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2
ด้วยตวามที่เมล็ดเจีย มีกากใยหรือไฟเบอร์สูงมาก ไฟเบอร์เหล่านี้ จะช่วยควบคุม และรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้สามารถป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ เมื่อระดับน้ำตาลค่อนข้างคงที่ ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ก็จะลดลง เพราะกากใย จะไปชะลอกระบวนการ เปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ถือเป็นอีกคุณประโยชน์ที่จะได้ในอีกทางหนึ่งสำหรับการรับประทานเมล็ดเจีย

ช่วยให้แผลหายไว ไม่ติดเชื้อ
กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่มากมายในเมล็ดเจีย จะช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างสารที่ช่วยแก้อาการอักเสบ ป้องกันการติดเชื้อ และบรรเทาอาการเจ็บปวด ของบาดแผลได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่สึกหรอในร่างกาย ทำให้สามารถฟื้นฟูสภาพบาดแผลต่าง ๆ ได้ ให้แผลหายไวขึ้น
ดีต่อระบบย่อย บรรเทาอาการท้องผูก
ในเมล็ดเจียมีกากใยสูงถึง 11 กรัม ต่อ 1 ออนซ์ เป็นปริมาณมากพอ สำหรับกากใยอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ทำงานได้อย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพ ถ้ากินเป็นประจำก็จะช่วยให้ขับถ่ายทุกวันได้ เป็นอีกหนึ่งอาหาร ที่ติดอันดับไฟเบอร์สูง เหมาะกับคนที่มีปัญหาท้องผูก แถมยังช่วยดีท็อกซ์สารพิษต่าง ๆ ในร่างกายให้ออกไปกับการขับถ่ายอีกด้วย

บำรุงกระดูกและฟัน
อีกหนึ่ง ประโยชน์เมล็ดเจีย คือ ในเมล็ดเจีย อุดมด้วยแร่ธาตุมากมาย รวมถึง แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามิน D และ โบรอน ที่มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างกระดูก และฟันของเรา จึงช่วยบำรุงให้กระดูก และฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน ภาวะกระดูกเปราะ ช่วยให้ร่างกาย สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น
ถึงอย่างนั้น การรับประทานเมล็ดเจียเอง ก็มีข้อควรระมัดระวังอยู่เหมือนกัน อย่างแรกเลย คือควรรอให้เมล็ดเจียแช่น้ำจนพองตัวเต็มที่ก่อนกิน เพื่อป้องกันการพองตัว ในหลอดอาหารจนติดคอได้ และผู้ที่ใช้ยาลดความดัน หรือมีอาการแพ้อาหารประเภทงา กับเมล็ดมัสตาร์ด ก็ควรปรึกษาแพทย์ให้ดี ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ก็ควรกินอาหารอย่างอื่น ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
อ่านเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์ ทั้งไทย และ ต่างประเทศ เซเลบริตี้ ข่าวสารใหม่ ๆ และ เรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่น สุขภาพ และความงามได้ที่ Hello!