ไปให้สุดอย่าหยุดแค่เพราะตัวเลข! ‘ทยา ทีปสุวรรณ’ สนุกกับการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมในวัย 5 กะรัต
เพราะ Passion ไม่มีวันหยุดนิ่ง อย่าให้อะไรมาเป็นอุปสรรคกับสิ่งที่เรารัก เช่นเดียวกับ ‘คุณอีฟ – ทยา ทีปสุวรรณ’ ที่แม้จะอยู่ในวัย 5 กะรัต แต่อายุไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับเธอ ด้วยความที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาที่มีความท้าทายมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ทั้งเล่นวินด์เซิร์ฟ ปั่นจักรยาน ปีนเขา แถมยังเคยแอบคุณพ่อซื้อมอเตอร์ไซค์มาหัดขับตอนอายุ 15-16 ปี แล้วก็ขี่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแก๊งค์ของพี่ชาย จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณอีฟหลงเสน่ห์ของกีฬาเอ็กซ์ตรีมมาจนถึงปัจจุบัน
“เพราะเรามีพี่ชาย 3 คนด้วยมั้งค่ะ ที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้เราชอบกีฬาที่มีความท้าทาย อีกอย่างเราชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไม่ค่อยชอบชีวิตในเมืองเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พี่ๆ เริ่มพักอยู่บ้าน อ่านหนังสือ ใช้ชีวิตชิลๆ กันแล้ว เหลือแค่เราที่ยังไม่หยุด อีกอย่างเราเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ มีเพื่อนหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มเพื่อนขี่จักรยาน กลุ่มเพื่อนเล่น Onewheel Pint ยิ่งสมัยนี้เรามีของเล่นให้ลองเล่นเยอะมากๆ และเราก็ยิ่งไม่ชอบตกเทรนด์ แม้คนรอบข้างจะคอยเตือนว่า ควรจะหยุดพักได้แล้ว เพราะอายุก็เข้าสู่เลข 5 แล้ว ควรทะนุถนอมร่างกายไว้บ้าง” คุณอีฟเล่าความเสริม

และแน่นอนว่า กีฬาเอ็กซ์ตรีม เป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอยู่ไม่น้อย จึงไม่แปลกที่คุณอีฟจะแขนหัก ขาหัก เอ็นฉีก ฯลฯ อยู่บ่อยครั้ง
“ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่ครอบครัวและคนรอบข้างชินแล้วค่ะ ทุกๆ ครั้งที่เราเล่นกีฬาต่างๆ เราก็มีการป้องกันเป็นอย่างดีแล้วนะ ใส่อุปกรณ์เซฟตี้ครบ แต่บางครั้งก็อาจจะเกิดการผิดพลาดได้ เนื่องจากบางทีใจเราพร้อม แต่ร่างกายเราอาจจะไม่พร้อม เมื่อเจ็บป่วย เราก็รักษาไปตามอาการ และปฏิบัติตามคำแนะนำขอคุณหมออย่างเคร่งครัดระหว่างพักฟื้น เพราะกลัวว่าถ้าเราฝืน การฟื้นตัวอาจจะไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็น บวกกับการออกกำลังกายเบาๆ ด้วยตัวเอง เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้เคลื่อนไหว จนกว่าจะหายเป็นปกติ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเข็ดหรือว่ากลัวที่จะกลับไปเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม”

นอกจากนี้คุณอีฟยังพูดติดตลกด้วยว่า “ตัวเองใช้ประกันได้คุ้มมากๆ เลยค่ะ และมีหมอเฉพาะทางประจำหลายท่านเลย ทั้งคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกแทบทุกส่วนของร่างกาย เช่น เข่า ไหล่ ศอก คอ รวมไปถึงนักกายภาพ ซึ่งจะมีทั้งที่กรุงเทพและชลบุรี เนื่องจากตอนนี้ย้ายไปทำงานอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่”
เลข 5 ยังซ่าได้
และอย่างที่บอกว่า ตอนนี้คุณอีฟก็อายุเข้าสู่เลข 5 เป็นทางการแล้ว ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่เธอยังยืนยัน ‘จะยังไม่หยุดเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม’ แต่ ‘จะพยายามเพลาๆ ลงบ้าง’ “ช่วงนี้อีฟจึงหันมาวิ่งและปั่นจักรยานแทน เพราะมีเป้าหมายว่า อยากจะไปมาราธอนหรือไม่ก็ลงแข่งไตรกีฬาสักครั้ง แต่กีฬาเอ็กซ์ตรีมอื่นๆ ก็ยังคงเล่น ทั้งนี้อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น”

ก่อนที่คุณอีฟจะเล่าความสนุกของกีฬาเอ็กซ์ตรีมให้ฟังว่า “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบกีฬาประเภทนี้ ส่วนตัวเราชอบเวลาที่เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม แล้วอะดรีนาลีนในร่างกายหลั่งออกมา หรือเวลาที่ได้ลองเล่นอุปกรณ์ใหม่ๆ ก็จะตื่นเต้นทุกครั้ง ด้วยเรามีกลุ่มเพื่อนที่ชอบเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมเหมือนกัน เราก็จะนัดเจอกัน ไปเล่นไปออกกำลังกายด้วยกัน ทำให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มีการท้าทายแข่งกันเพื่อความสนุกกันบ้าง เป็นสีสันของแต่ละวันด้วย
อีกอย่างคนเรามีการจัดการกับความเตรียดที่ไม่เหมือนกัน บางคนเวลาเครียด จะเลือกพักผ่อน อ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน ในขณะที่เราตรงกันข้าม กับเลือกที่จะออกไปปลดปล่อย ด้วยการออกกำลังกาย เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ไปวิ่งให้เหงื่อออก ไปซึมซับธรรมชาติ เติมเต็มพลังบวกให้กับตัวเอง เพื่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพกายใจที่ดี”

มีช่วงหนึ่งคุณอีฟอินกลับการเล่น Onewheel มากๆ ขนาดบินไปหาลูกๆ ที่ต่างประเทศ สิ่งแรกที่ทำเมื่อไปถึง คือการเช่า Onewheel “เวลานัดกินข้าวกลางวันกับลูกๆ ที่มหาลัย ผู้ปกครองคนอื่นเขาก็จะขับรถหรือเรียกแท็กซี่ไปกัน ส่วนเราก็ไปด้วย Onewheel เก๋ๆ ค่ะ”
สำหรับใครที่อยากจะลองเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม คุณอีฟจะบอกว่า “ตอนนี้มีอุปกรณ์ให้เลือกเยอะมากๆ และทันสมัย บวกกับเมืองไทยก็เหมาะกับกีฬาเอ็กซ์ตรีมหลายๆ ประเภท ด้วยมีธรรมชาติสวยงาม มีภูเขา ทะเล และอากาศดี แม้บางช่วงจะร้อนมากไปหน่อย ก็ต้องเลือกสภาพอากาศที่เหมาะสม ไม่งั้นอาจจะป่วยกันได้”
ปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดี
ขณะที่เวลานี้เป็นช่วงของการพักฟื้นที่บ้าน แม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย แต่คุณอีฟก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง หากิจกรรมทำตลอด ไม่ว่าจะปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ ฯลฯ
“เราค่อนข้างเป็นคนที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ง่าย และครั้งล่าสุดที่เจ็บป่วย ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุด้วย แต่เป็นการผ่าตัดเนื้องอก ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายได้เลยประมาณ 3 เดือน จึงต้องหากิจกรรมให้ตัวเองไม่รู้สึกเบื่อ”

ส่วนเรื่องการกิน คุณอีฟ – ทยา ทีปสุวรรณ บอกว่า “เมื่อก่อนตัวเองไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลเลย เพราะคิดว่าตัวเองออกกำลังกายเยอะ ก็เลยกินอาหารตามใจปากมากๆ ชอบเสาะหาของอร่อยกินตลอด แถมยังติดหวานด้วย คาราเมลมัคคิอาโต้เพิ่มวิปครีม ต้องมีวันละ 2 แก้ว บิงซูฉ่ำๆ หลังมื้ออาหารไม่เคยขาด แต่ด้วยเป็นคนที่ระบบเผาผลาญยังทำงานดีมากๆ จึงไม่มีปัญหาเรื่องอ้วน ซึ่งนี่กลายเป็นข้อเสียที่ทำให้เราไม่ระมัดระวังเรื่องการกินเลยค่ะ

“แต่การกินแล้วไม่อ้วนก็ไม่ได้หมายความว่า ร่างกายข้างในของคนเราจะปกติ เนื่องจากอาหารที่เรากินเข้าไปจะค่อยๆ ไปสะสมในร่างกาย และแสดงผลลัพธ์ออกมาภายหลัง แม้บางครั้งจะรู้ตัวว่าสิ่งที่เลือกกินตามใจ ไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย ตอนนี้จึงเริ่มศึกษาเรื่องอาหารการกินมากขึ้น พยายามเลือกแต่สิ่งดีๆ ให้ร่างกาย เช่น จากที่เคยใช้น้ำตาล น้ำเชื่อม ไซรัปต่างๆ ในการปรุงอาหาร ก็เปลี่ยนมาใช้น้ำผึ้งจากธรรมชาติ หรือน้ำตาลจากหญ้าหวาน ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร จากเป็นคนไม่ชอบกินผัก ก็ปรับมาเป็นดื่มน้ำผักผลไม้แทน แม้จะไม่ง่าย แต่ก็พยายามปฏิวัติตัวเองอยู่ อยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพกันนะคะ เพราะการเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ”