เก็บกระเป๋าไปรับพลังแห่งขุนเขา ณ The Soul Resort สระบุรี รีสอร์ทแนวใหม่ที่ผสานเวลเนสและพุทธศาสนาไว้ด้วยกัน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา HELLO! มีโอกาสได้เก็บกระเป๋าออกเดินทางไปพักผ่อน ณ The Soul Resort สระบุรี รีสอร์ทแห่งใหม่กลางหุบเขาที่เพิ่งเปิดตัวภายใต้คอนเซปต์ Luxury Wellness & Mindfulness ด้วยความตั้งใจที่อยากจะผสานเรื่องการดูแลสุขภาพกายด้วยธรรมชาติบำบัด เข้ากับการดูแลสุขภาพใจด้วยความสงบจากพุทธศาสนา
ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในเขตรีสอร์ท เราสัมผัสได้ถึงความสงบเงียบฉับพลัน ตัวรีสอร์ทมีขนาดไม่สูงมาก — เพียงแค่ 3 ชั้นเท่านั้น ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับผืนหญ้าและต้นไม้ใหญ่ที่รายล้อมอยู่รอบตึกอาคาร โดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาพระพุทธบาทน้อยอันศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในเทือกเขาหินปูนที่ได้ชื่อว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย ณ ห้วงเวลานั้นเองที่เราเพิ่งเข้าใจกับคำว่าธรรมชาตินั้นช่างยิ่งใหญ่และอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงๆ

จุดเริ่มต้นจากทุ่งข้าวโพด สู่รีสอร์ทหรูกลางหุบเขา
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน คงไม่มีทางที่ใครจะจำผืนดินตรงนี้ได้เลย เพราะเมื่อก่อนนั้นพื้นที่ของรีสอร์ทเคยเป็นเพียงทุ่งหญ้าและทุ่งข้าวโพดรกร้างเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วพื้นที่แห่งนี้ยังมีความงดงามอันล้ำค่าซ่อนอยู่
ซึ่ง ‘คุณเดียร์-ดร.ดวงวรรณ บุนนาค’ และ ‘คุณเจิ้น-ปฐมกฤษฎ์ นวประดิษฐ์กุล’ ได้เปิดเผยถึงที่มา แนวคิด และแรงบันดาลใจของการรังสรรค์ The Soul Luxury Wellness and Mindfulness Resort กลางหุบเขาแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกขึ้นมาว่า
“สิ่งที่ทำให้ The Soul Resort สระบุรี แตกต่างจากรีสอร์ทตากอากาศอื่นๆ คงจะเป็นความตั้งใจของเราที่อยากส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขสงบอันแสนประณีตและล้ำลึก ที่จะทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสถึงคำว่าพลังงานอันสมดุลทั้งทางกายและทางใจ”
โดยที่รีสอร์ทจะยึดหลัก Well Being และ Well Eating หรือหมายถึง กาอยู่ดี กินดี และการใช้ชีวิตอย่างสมดุล ทำให้ไม่ว่าจะการตกแต่งภายใน ไปจนถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มีให้บริการในรีสอร์ท ล้วนสอดคล้องไปกับแนวทางดังกล่าว อย่างเช่น การฝึกสมาธิ การเดินสมาธิ การฝึกรับประทานอย่างมีสติ (Mindfulness Dining) ไปจนถึงการจัดเตรียมกระท่อม Hermit Hut ให้ผู้เข้าพักได้ปลีกวิเวกจากโลกภายนอก สัมผัสความสันโดษและความสงบภายในจิตใจอย่างแท้จริง


พลังที่ซ่อนอยู่ของสถาปัตยกรรม
นอกจากคอนเซปต์ของ The Soul Resort สระบุรี จะไม่เหมือนใครแล้ว สถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายในยังแปลกตาไม่ซ้ำที่ไหนอีกด้วย ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเป็นการผสมกลมกลืนของหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หลังคาแบบไทยประยุกต์ด้านไม่เท่า ทำให้ตัวอาคารมีลักษณะสูงต่ำไม่เท่ากัน เกิดแนวลาดอันงดงามและมีมิติ
ขณะที่งานออกแบบตกแต่งภายในรีสอร์ททั้งหมดคลุมไว้ด้วยคอนเซปต์ Best of East meets Best of West หรือการนำศิลปะคลาสสิกของฝั่งตะวันออกมาประยุกต์เข้ากับฝั่งตะวันตก ทำให้เราเห็นหลากหลายองค์ประกอบที่ให้กลิ่นายความเป็นจีน ซึ่งเปรียบเหมือนต้นแบบอารยธรรมตะวันออก ขณะที่ฝั่งตะวันตกเองก็สอดแทรกมาด้วยสไตล์นีโอคลาสสิก ทำให้บรรยากาศโดยรวมมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ส่วนสำคัญที่สุดของงานออกแบบรีสอร์ทแห่งนี้คือ “สี” ซึ่งใช้หลัก Color Therapy หรือการบำบัดด้วยสีเข้ามาช่วยในการออกแบบ สีที่ใช้เป็นหลักคือขาว-ดำ แต่งแต้มไว้ด้วยสีสันของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น สีแดง ที่ช่วยเพิ่มพลังให้แก่จิตใจ สีเขียว ที่เป็นเหมือนตัวแทนของธรรมชาติ ทำให้รู้สึกสงบร่มเย็น หรือแม้แต่ สีเหลือง ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ก็นำมาตกแต่งร่วมกันได้อย่างกลมกลืน



ลัดเลาะรอบรีสอร์ท ชมทุกจุดไฮไลต์
ในฐานะของนักเดินทางท่องเที่ยว เราต้องยอมรับเลยว่าประทับใจในความกว้างขวางของห้องพักที่รีสอร์ท ที่ให้พื้นที่กับผู้เข้าพักอย่างเต็มที่ชนิดไม่มีกั๊กเลย โดยห้องพักมีทั้งหมด 3 ประเภท แบ่งอออกเป็น Pristine Deluxe ขนาด 53 ตรม. , Charisma Premiere Deluxe ขนาด 53 ตรม. และ The Soul Suite ขนาด 96 ตรม. ที่สำคัญคือทุกห้องแบ่งโซน Walk in Closet และมีพื้นที่ระเบียงกว้างขวางสำหรับวางโซฟาได้สบายๆ มีวิวเป็นภูเขาเหมือนกันทุกห้อง
นอกจากความพิเศษที่ห้องพักทั้ง 35 ห้องของรีสอร์ทจะหันหน้าเข้าหาขุนเขาอันสูงใหญ่แล้ว ภายในห้องทุกห้องยังเลือกใช้ผ้าไหมแท้สีเขียวปีกแมลงทับเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่จิตใจ ประตูกั้นโซน Walk in Closet งดงามด้วยศิลปะวาดมือลายดอกโบตั๋นอันแสนพิถีพิถัน ทั้งยังมีโซนสำหรับนั่งสมาธิเพื่อสัมผัสความสงบภายในจิตใจ รวมถึงภาพวาดอะคริลิกที่แขวนอยู่บนผนังทุกห้องล้วนคัดเลือกมาว่าเป็นภาพวาดที่ช่วยให้จิตใจรู้สึกปลอดโปร่งและสงบเวลามอง


ก้าวเดินออกจากห้องพักมาได้ไม่ไกล ก็จะพบกับอาคารอีกสองตึกที่ตั้งขนาบด้านข้างและด้านหน้า ตึกแรกคือ The Harmony Library and Tearoom ที่ออกแบบตกแต่งภายในภายใต้คอนเซปต์ Symphony of Color หรือออร์เคสตราแห่งสีสันบนผืนผ้าไหม ซึ่งทางรีสอร์ทตั้งใจใช้สีบำบัด เติมเต็มธาตุในร่างกายที่พร่องไปให้ชุ่มฉ่ำด้วยพลังของสีจากธรรมชาติ นอกจากนั้นแล้วยังมีห้องพระซ่อนตัวอยู่ภายในห้องชา รวมถึงยังมีหนังสือหายากหลากหลายหมวดให้อ่านเพลินๆ ระหว่างจิบชาคู่ขนมยามบ่ายอีกด้วย
อีกหนึ่งตัวอาคารถัดมานั้นมีถึง 3 โซนซอยย่อยอยู่ภายใน ชั้นล่างคือ ห้องอาหารพิมพิมาน ที่เสิร์ฟทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ โดดเด่นด้วยการสอดแทรกความเป็นไทยไว้ในการประดับตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟที่เกิดจากการร้อยมาลัย ไปจนถึงภาพวาดและชฎาที่วางตั้งแสดงอยู่ภายในห้องอาหาร
ถัดขึ้นชั้นบนจะพบว่า Petra Pool Bar และ Sky Deck โปร่งโล่งด้วยวิวทิวทัศน์ยอดสุดของเทือกเขาพระพุทธบาทน้อย มีพระอาทิตย์ตกดินทางซ้ายมือเป็นฉากหลัง โดยแบ่งโซนไว้เป็นทั้งสระว่ายน้ำกลางแจ้ง และระเบียงกว้างขวางสำหรับเดินหรือนั่งชมวิวได้ตามอัธยาศัย
ส่วนด้านในของชั้นบนจะพบกับ Pimdheva Spa หนึ่งในหมุดหมายโปรดของคนรักเวลเนสที่ต้องมาชาร์จพลังให้กายด้วยการนวดผ่อนคลาย และถ้าใครอยากชาร์จพลังให้กับจิตใจ ที่รีสอร์ทยังมี Siramon (ศิรามน) อาคารกิจกรรมอินดอร์ที่มีห้องส่วนตัวสามารถใช้ปรึกษาขอคำแนะนำจากกูรูได้


สัมผัสความสงบทั้งกายและใจผ่านโปรแกรมซิกเนเจอร์
สำหรับใครที่สนใจอยากมาพักผ่อนทั้งกายและใจ ตัดขาดจากโลกอันแสนวุ่นวายสักพัก ณ The Soul Resort สระบุรี แห่งนี้มีโปรแกรมซิกเนเจอร์ซึ่งเป็นต้นแบบของ “โซเชียลดีท็อกซ์” ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อมุ่งเน้นปรับสมดุลกายและใจที่เคยเครียด เหนื่อยล้า วุ่นวายจากโซเชียลมีเดีย ให้กลับมาสุขสงบอีกครั้ง
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองห้องพักได้ทาง www.thesoulresort.com หรือโทร 099-782-1777