ถ้าพูดถึงเรื่องวินัยในการ ‘ออกกำลังกาย’ แล้วล่ะก็ คงต้องยกให้ ‘คุณเล็ก – กรกนก ยงสกุล’ อยู่ในลำดับต้น ๆ เลย เนื่องจากคุณเล็กมักจะ โพสต์ภาพการออกกำลังกาย ให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ รวมทั้งรูปร่างและบุคลิกก็ดูดีไม่เสื่อมคลาย แต่ถ้าใครออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแบบคุณเล็กล่ะก็ คุณอาจทำอะไรผิดพลาดโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ฉะนั้นลองอ่านรายละเอียดนี้ดู แล้วอาจจะพบสาเหตุที่ทำให้รูปร่างไม่พัฒนาก็ได้นะ!

1. ออกกำลังกายเหมือนเดิมทุกวัน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เราปลี่ยนกิจวัตรการออกกำลังกายทุก ๆ สองถึงห้าสัปดาห์ เพื่อจะเห็นผลได้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงอาการไม่ตอบสนองของร่างกายต่อการออกกำลังกาย ซึ่งอาการเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มรู้สึกเคยชินกับการออกกำลังกายแบบนั้นแล้ว
2. ออกกำลังกายหนักเกินไป
คุณกดดันตัวเองอย่างหนักตั้งแต่เริ่มจนจบการออกกำลังกายอยู่หรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็อาจอยู่ในข่ายที่ร่างกายไม่ต้องสนองต่อการออกกำลังกายแล้วเหมือนกัน สัญญานที่บ่งบอกว่าคุณออกกำลังกายหนักเกินไป ได้แก่ การเจ็บปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ อ่อนเพลีย ไม่มีพลังในการทำอะไร เป็นหวัดง่าย และปวดศีรษะ วิธีแก้คือหลังจากออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ คุณควรพัก 1 สัปดาห์ แล้วค่อยกลับไปออกกำลังกายใหม่

3. ยังออกกำลังกายไม่หนักพอ
ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณออกกำลังกายแบบไม่ได้เสียเหงื่อหรือเสียแรงอะไรเลย คุณก็อาจจะมองไม่เห็นผลอย่างที่ต้องการก็ได้ ฉะนั้นจึงควรเลือกวิธีออกกำลังกายแบบที่ต้องเสียเหงื่อหน่อย อย่างเช่น การออกกำลังกายแบบบริหารหัวใจหรือการเต้นแอโรบิค นอกจากนี้ก็ควรปลุกใจและร่างกายให้รู้สึกฮึกเหิมอยู่เสมอ และตั้งเป้าการออกกำลังกายที่สามารถใช้กล้ามเนื้อได้หลาย ๆ ส่วนด้วย
4. ถึงเวลาต้องพึ่งครูฝึกแล้ว
ถ้าคุณลองทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากการออกำลังกายอยู่ดี ก็ควรจ้างครูฝึกมาช่วยควบคุมการออกกำลังกายให้คุณแล้วล่ะ เนื่องจากครูฝึกจะช่วยวางแผนการออกกำลังให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน แถมยังมีไอเดียใหม่ ๆ ที่อาจทำให้คุณสนุกสนานกับการออกกำลังกายมากขึ้นด้วย

5. ทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง
อาหารที่คุณกินเข้าไปอาจกำลังเป็นตัวถ่วงการออกกำลังกายของคุณอยู่ก็ได้นะ คุณต้องระมัดระวังเรื่องการกินอาหารเป็นพิเศษในช่วงที่คุณต้องการลดน้ำหนัก เพราะอาจจะมีแคลอรี่แอบแฝงอยู่ในนั้น จนคุณเผลอกินเข้าไปมากขึ้นได้ อย่างเช่น ชากาแฟที่คุณดื่มเข้าไปวันละหลายแก้ว น้ำผลไม้สุดโปรดของคุณก็อาจมีน้ำตาลธรรมชาติแฝงอยู่ในนั้นด้วย รวมทั้งผักและผลไม้บางอย่างก็มีแป้งอยู่เยอะด้วย ฉะนั้นควรกินอะไรให้พอเหมาะพอดี
6. นอนหลับพักผ่อนไม่พอเพียง
ในการดูแลระดับฮอร์โมนที่ส่งสัญญานความหิวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น คุณก็จำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อนให้ได้คืนละเจ็ดถึงแปดชั่วโมง ฉะนั้นการนอนน้อยก็หมายความว่าคุณจะมีพลังงานที่จำเป็นต่อการออกกำลังกายน้อยไปด้วย หรือไม่มีเวลาพักผ่อนที่พอเพียงให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นฟูตัวเอง ฉะนั้นถ้าคุณอยากกำลังกายให้ได้ผล ก็จงจำเอาไว้ว่าการนอนหลับพักผ่อนนั้นมีความสำคัญพอๆ กับการออกกำลังกายเลยนะ

7. ตั้งเป้าที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง
คุณควรตั้งเป้าการออกกำลังกายให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ซึ่งขั้นแรกก็ควรหากิจกรรมหรือวิธีออกกำลังกายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และสามารถทำได้อย่างเพลิดเพลิน จากนั้นก็ตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายที่เป็นจริง ซึ่งก่อนที่คุณจะกดดันตัวเองให้ออกกำลังด้วยวิธีไหนที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ควรเริ่มจากคลาสเริ่มต้นเพื่อเรียนรู้ทักษะขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ดึงดันตั้งเป้าซะสูงเกินความสามารถของตัวเอง
8. ลองออกกำลังกายกลางแจ้ง
การออกกำลังกายในยิมหรือในห้องออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายได้ การมองเห็นแต่เครื่องออกกำลังกายในยิมแบบเดิม ๆ ก็อาจทำให้คุณติดอยู่ในบ่วงการออกกำลังกายแบบเดิม ๆ ที่ทำให้เห็นผลได้ยาก ฉะนั้นก็ควรออกไปเปิดหูเปิดตาและรับอาการบริสุทธิ์ข้างนอกบ้าง ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยต่อสู้กับอาการที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี ถ้าอากาศข้างนอกร้อนนัก ก็เลือกการว่ายน้ำแทนซะ วิธีนี้จะช่วยสร้างความตื่นเต้นในการออกกำลังกายให้คุณได้
Cr. Photos : lekyongkasul