Home > Beauty & Health > Health & Wellness > Mindfulness > วิธีฮีลใจจากอาการ Burn Out Syndrome

เคยไหม ตื่นขึ้นมา ในแต่ละวัน แล้วรู้สึกอ่อนล้า ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากลุกจากที่นอน หรือ ไปทำงาน อ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรง หดหู่ เศร้าหมอง เป็นไปได้ว่า เราอาจ ตกอยู่ใน ภาวะหมดไฟ ในการทำงาน หรือ ที่เรียกกันว่า Burn Out Syndrome ก็เป็นได้ ซึ่งเกิดจาก ความเครียด ความอ่อนล้า ที่สะสมมา จากการทำงาน มาดูกันว่า มันมี สาเหตุ จากอะไร และ เราจะสามารถ ฮีลใจตัวเอง กลับมาจาก ภาวะนี้ ได้อย่างไรบ้าง

Burn out Syndrome

สาเหตุ ของอาการ Burn Out Syndrome
เกิดได้จาก หลายปัจจัยด้วยกัน โดยมี สาเหตุหลัก มาจากการทำงาน หรือ การที่ต้องทำอะไร ซ้ำเดิม ๆ

  • งานหนัก ถูกกดดัน เครียดสะสม ไม่มีเวลาพักผ่อน เท่าที่ควร
  • ไม่ได้รับการยอมรับ ในผลงาน หรือ การทำงาน
  • ไม่ได้รับการตอบแทน หรือ ผลตอบแทน ไม่คุ้มค่า กับงานที่ทำ
  • ขาดการสนับสนุน และ การสื่อสารที่ดี จากผู้ร่วมงาน
  • ขาดการมีส่วนร่วม ในทีม ในสังคม รู้สึก ไม่เป็นส่วนหนึ่ง ในที่ทำงาน
  • วนเวียน อยู่กับรูทีนเดิม ๆ ที่น่าเบื่อ เป็นระยะเวลานาน
  • ไม่มีตัวตน ไม่มีอำนาจ ในการตัดสินใจ เรื่องต่าง ๆ
  • เป็นคนเสพติด ความสมบูรณ์แบบ มากเกินไป (perfectionism)
  • คุณค่า และความเชื่อ ของตนเอง ไม่ตรงกับ ระบบของ ที่ทำงาน

Burn out Syndrome

ซึ่ง หากปล่อยไว้ เป็นเวลานาน ภาวะเหนื่อยล้าจากการทำงาน นี้ อาจพัฒนาไปสู่ ภาวะการเป็นโรคซึมเศร้า ได้ รวมถึง ยังสามารถ ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพ ร่างกาย ในด้านต่าง ๆ ได้อีก เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดหัว ระบบย่อยอาหาร ทำงานผิดปกติ ฯลฯ รวมถึง ปัญหาด้านสุขภาพจิต ที่ทำให้เรา รู้สึกไม่มั่นใจ สูญเสียตัวตน เกิดความท้อแท้ และความสงสัย ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน

วิธีฮีลใจ จากอาการ Burn out Syndrome
พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อน นั้นสำคัญมาก กับร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลับ หรือ หากิจกรรม ผ่อนคลายความเครียด ผ่อนคลายตัวเอง การโหมงานหนัก ทำงานดึก เป็นประจำ จะสะสมความเครียด ทำให้ร่างกายอ่อนล้า และเกิดภาวะหมดไฟได้ ลองมองหางานอดิเรก หรือ กิจกรรมที่ชอบ และจัดสรรเวลา ให้ตัวเองมากขึ้น รวมถึง การพาตัวเองออกมา จากสถานการณ์ ที่เป็นต้นตอ ของความเครียดนั้น ๆ ด้วย

จัดระเบียบตัวเองให้ดี
การแบ่งเวลาที่ดี จะช่วยให้ เราสามารถ จัดการชีวิตได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และ รักษาสมดุล ในการดำเนินชีวิต แต่ละวันได้ การแยกงาน และเ เวลาส่วนตัว ออกจากกัน จะช่วยให้มี Work-Life Balance ที่ดีได้ เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้ามาก หรือ น้อยเกินไป ก็ส่งผลกระทบได้ทั้งนั้น

สานสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ใช้เวลากับคนรอบข้าง พูดคุยกับ ผู้คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน ครอบครัว หรือ เพื่อนร่วมงาน ออกไปพบปะสังสรรค์ กับผู้คนบ้าง และ เลือกที่จะ อยู่ใกล้กับ คนที่มีพลังงานบวก หลีกเลี่ยงจาก พลังงานลบทั้งหลาย ปรึกษา คนที่ไว้วางใจได้ จะช่วยลด ความเครียด ความกดดันต่าง ๆ ลงได้

ปรับเปลี่ยนมุมมอง
ทำความเข้าใจ กับความเครียด หรือปัญหาที่เกิดขึ้น มองหาคุณค่า หรือแรงจูงใจใหม่ ๆ ให้ตัวเอง ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยผ่อนคลาย และเสริมพลังบวก ให้ตัวเองได้ บางอย่าง เพียงแค่ปรับเปลี่ยนแนวคิด ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอีกแบบ ที่สำคัญ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ให้เวลากับตัวเอง หันมารักและดูแลตัวเองบ้าง

ที่สำคัญ หากรู้สึก ต้องการความช่วยเหลือ อย่าลังเล ที่จะพูดคุย กับคนรอบข้าง หรือไปพบแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษา หรือการรักษาทันท่วงที

อ่านเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์ ทั้งไทย และ ต่างประเทศ เซเลบริตี้ ข่าวสารใหม่ ๆ และ เรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่น สุขภาพ และความงามได้ที่ Hello!

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.