ในยุคสมัยที่มือถือนั้น เปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย ไม่ว่าจะกำลังทำกิจวัตรอะไรอยู่ก็ตาม รู้ตัวอีกที มือก็เผลอไปสไลด์เปิดหน้าจอ เช็กนู่นเช็กนี่ อยู่ตลอดเวลาแทบทั้งวัน ไม่ยอมว่างเว้นจากหน้าจอเลย นอกจากจะทำให้สมาธิสั้นขึ้น กังวลกับแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา แล้วยังมีผลเสียกับสายตาอีกด้วย วันนี้ Hello! เลยจะมาแนะนำ วิธีแก้อาการติดมือถือ ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองกัน

ปิดการแจ้งเตือน
บรรดา notification ทั้งหลาย ที่ขยันเด้งขึ้นมาบนหน้าจอไม่หยุดหย่อนนี่แหละ หนึ่งในตัวการสำคัญ ที่ทำให้เราเสพติดการยกหน้าจอ ขึ้นมาไถดูอยู่ตลอดเวลา แถมยังทำให้พะว้าพะวง จนไม่เป็นอันทำอะไรอย่างอื่นอีกต่างหาก ดังนั้น ถ้าไม่ใช่ช่วงที่ต้องทำงาน หรือใช้งานจริง ๆ ละก็ การปิดแจ้งเตือน ก็เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นลด ละ เลิก อาการติดมือถือ ได้ ช่วยให้เราสามารถกลับมา มีสมาธิโฟกัส กับสิ่งอื่นรอบตัวได้มากขึ้น
วางมือถือลงตอนกินข้าว
ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารนั้น ถือว่าเป็นเวลาที่ควรจะใช้กับครอบครัว หรือผู้ร่วมโต๊ะ เพราะฉะนั้น เก็บมือถือลงไป แล้วดื่มด่ำไปกับมื้ออาหาร และบทสนทนากับคนรอบตัวกันดีกว่า หากเป็นคนติดนิสัย ชอบถ่ายรูปอาหารก่อนกิน ก็ลองค่อย ๆ ปรับ ด้วยการถ่าย แล้วเก็บมือถือทันที ไม่ต้องอัปโซเชียล หรือยังไม่ต้อง Live สด ค่อยไปจัดสรรเวลาเล่นนอกมื้ออาหารกันอีกที ก็ยังไม่สายเกินไป

วางมือถืออย่างน้อย 1 ชม.ก่อนนอน
เพื่อให้ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เราจึงไม่ควรเล่นมือถือภายในห้องนอน และบนเตียง ถ้าเป็นไปได้ก็ตั้งโหมดห้ามรบกวน หรือปิดเครื่องไปเลยยิ่งดี เพราะร่างกายของเรานั้น มีกลไกจดจำเวลาการนอนอย่างมีระบบ และต้องใช้ช่วงเวลาก่อนเข้านอน ในการผ่อนคลายเตรียมพร้อมเข้าสู่ภวังค์อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น การเล่นมือถือในห้องมืด ๆ ยังเป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้สายตาเสียอีกด้วย

ไม่หยิบมือถือทันทีที่ตื่นนอน
หลายคนคงติดนิสัย ลืมตาปุ๊บ คว้ามือถือมาเช็กก่อนทันที ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรม ที่จะยิ่งทำให้เราติดมือถือไปกันใหญ่เพราะคิดถึงตั้งแต่ตื่นนอนเลยทีเดียว ทางที่ดีแนะนำว่า ให้วางมือถือไว้ให้ไกลตัว ไกลเตียง ตั้งแต่ก่อนนอนไปเลย จะดีกว่า เพื่อสร้างนิสัยให้รู้สึกว่า มือถือนั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตขนาดนั้น
ใช้นาฬิกาปลุกจริง ๆ แทนโทรศัพท์
อีกหนึ่งใน วิธีแก้อาการติดมือถือ คือ หากยังไม่สามารถวางมือถือ ไว้ห่างเตียงตอนนอนได้ เพราะใช้มือถือตั้งปลุกในทุกวันละก็ แนะนำว่า ให้หานาฬิกาปลุกจริง ๆ มาใช้ตั้งเวลาแทนจะดีกว่า นอกจากจะช่วยลดอาการติดมือถือได้ แล้วยังช่วยสร้างนิสัยที่ดี ในการตื่นนอนได้ด้วย เพราะนาฬิกาปลุกนั้น กด snooze เพื่อนอนต่อไม่ได้ยังไงล่ะ
หากิจกรรมอื่นทำ
เปลี่ยนจากการนั่งไถมือถือ เป็นงานอดิเรกไปทำอย่างอื่น ที่ช่วยให้เราละสายตาจากหน้าจอได้มากขึ้น ทำกิจวัตรประจำวัน เงยหน้าขึ้นมาใส่ใจสิ่งรอบตัว หรือคนที่อยู่รอบข้างให้มากขึ้น แล้วจะพบว่า เราได้เวลาสำหรับทำอะไรต่าง ๆ คืนมาอีกเยอะเลย แถมยังได้กลับมาสานสัมพันธ์ กับผู้คนรอบข้าง ที่เรารักอีกด้วย

กำหนดเวลาการใช้งาน
หากต้องการความเข้มงวดขึ้นมาอีกระดับ ก็ลองจัดสรรเวลาให้ชัดเจนไปเลย ว่าในแต่ละวัน ว่าจะใช้มือถือได้แค่กี่ชม. หรือเฉพาะบางเวลาที่กำหนด เป็นการบังคับตัวเอง ในกรณีที่ห้ามใจยากจริง ๆ หรืออาจเริ่มปรับลดทีละน้อย จากเดิมที่ใช้วันละ 7-8 ชม. ก็ค่อย ๆ ลดลงทีละนิด ให้ชิน จนเหลือวันละ 2-3 ชม.ในที่สุด
อ่านเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์ ทั้งไทย และ ต่างประเทศ เซเลบริตี้ ข่าวสารใหม่ ๆ และ เรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพและความงามได้ที่ Hello!
ส่องทริปหัวหิน ของ ‘แอนนา เสือ’ พร้อมเหล่าเพื่อนนางงาม เติมพลังให้พร้อม ทั้งกาย-ใจ
แกะลุคโกลว์แกลม ของ ‘ฟีบี เดนเนเวอร์’ บนพรมแดง Critics Choice ครั้งที่ 28
จำกันได้ไหม? นี่น้องวันพุธเอง ‘Jenna Ortega’ ในลุคผมสั้น สวยสะบัดบนพรม Golden Globe
How to หุ่นเป๊ะ หุ่นปัง เเบบ ใหม่-ดาวิกา พร้อมเผยซีเคร็ทไอเท็มคู่ใจ ปั้นหุ่นสวย
สรุป 4 เทรนด์ความงาม แห่งปี 2022 ที่คาดว่าจะมาแรงถึงปีถัดไป พร้อมร่วมพูดคุ ยกับเหล่าแพทย์ชื่อดัง