Home > Beauty & Health > Expert > ‘ร้อยไหม’ ดีจริงไหม? นั่งคุยกับ ‘คุณหมอฟาง’ จาก V Clinic แบบเจาะลึกทุกประเด็นที่คนมักกังวล

เราพบว่าปัญหาที่คนยุคใหม่เดินเข้าไปปรึกษาคลินิกเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ “การปรับรูปหน้า” ซึ่งมีต้นตอปัญหามาจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสัญญาณแห่งวัย ความหย่อนคล้อย ไปจนถึงเด็กวัยรุ่นที่มีความกังวลเรื่องเบบี้แฟต (Baby Fat) และหนึ่งในทางแก้ที่กำลังมาแรงขณะนี้ก็คือ “ร้อยไหม” HELLO! Beauty & Health เลยขอพาตัวคุณหมอคนสวยที่เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้า ‘คุณหมอฟาง – พญ.วิภาวี วงศ์ดี’ จาก V Clinic มาพูดคุยถึงปัญหาและเทรนด์ในอนาคต รวมไปถึงไขข้อข้องใจยอดฮิตว่า ร้อยไหม ดีจริงไหม ?

เทรนด์ทำสวยปี 2023 ในมุมมองของคุณหมอฟาง

ด้วยความที่ตัวคุณหมอฟางเองคลุกคลีอยู่ในแวดวงเสริมความงามมานานหลายปี จึงเล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และได้วิเคราะห์ให้เราฟังสั้นๆ ว่า “สำหรับตอนนี้คนรุ่นใหม่จะนิยมทำให้ตัวเองดูดีเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ช่วงอายุที่เริ่มดูแลตัวเองแบบจริงจังจะลดลงมา วัยรุ่นหรือวัย 20 กว่าๆ ก็เริ่มเข้าคลินิกกันแล้ว”

“เทรนด์ตอนนี้ที่มาแรงมากและเห็นชัดมากว่าเปลี่ยนแปลงจากเมื่อก่อนคือ การดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ ดูไม่ปลอม ดูไม่เว่อร์ หรือดูไม่เป็นตัวเองจนจำไม่ได้ จะเน้นดูแลตัวเองให้อ่อนกว่าวัย สดใส แต่ยังพอเหมาะพอดี แล้วก็ความนิยมแบบที่อยากสวยเหมือนดาราหรือเหมือนคนนั้นคนนี้ก็ลดลง คนไข้ส่วนใหญ่จะอยากเน้นจุดเด่นของตัวเองให้มีเอกลักษณ์และดูดีมากขึ้นแทน”

ร้อยไหม ดีจริงไหม ?

แม้คนจะได้ยินหัตถการร้อยไหมกันมานานนับสิบปี แต่ปัจจุบันก็ยังมีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่กลัวการร้อยไหม ไม่ว่าจะด้วยชื่อเสียงเรื่องความเจ็บ การพักรักษาหน้า (Downtime) ที่กินระยะเวลานานและผิวมีความบวมระบม ไปจนถึงผลลัพธ์ไม่ได้ดีคุ้มกับความเจ็บ บางเคสเกิดผิวเป็นพังผืด เป็นคลื่น หรือบุ๋มเลยก็มี

คุณหมอฟางได้ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า “เมื่อก่อนเส้นไหมที่ใช้ร้อยไหมเป็นไหมแบบทั่วไป หรือที่เรียกกันว่า PDO ซึ่งวัสดุจะเป็นแบบไหมเย็บแผลทั่วไป ที่จะมีขนาดเล็ก สั้น และรองรับน้ำหนักได้ไม่มาก ทำให้ต้องใช้จำนวนเยอะเพื่อยกกระชับและดึงผิวหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปมาก ทุกวันนี้หมอเองก็เลือกใช้ ไหมอิตาลีในการรักษาคนไข้ ซึ่งวัสดุของไหมอิตาลีจะเป็นแบบ PLA-CL ที่จะมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าเดิม และมีแรงยกสูงถึง 17 นิวตัน มากกว่าไหมแบบเดิมๆ ที่จะมีแรงยกเพียง 6-7 นิวตันเท่านั้น ซึ่งผลตอบรับดีมาก คนไข้แทบทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ็บน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ดีขึ้นมากค่ะ”

คุณหมอฟาง – พญ.วิภาวี วงศ์ดี จาก V Clinic

ทำไมควรร้อยไหมด้วย ไหมอิตาลี ?

“ต้องตอบก่อนว่า หมอเองก็ร้อยไหมอิตาลีแล้วเหมือนกัน คือทดลองกับตัวเองเลย ตั้งแต่ตอนอายุ 30 ปี แล้วมันดีจริง ถ้าไม่ดี หมอไม่ทำแน่นอน ผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับหน้า เก็บกรอบหน้า และผิวใสขึ้นชัดเจน ชอบมาก เจ็บน้อยกว่าฉีดโบหน้าผาก”

อย่างที่คุณหมอฟางเล่าไปข้างต้นว่าไหมอิตาลีถือเป็นเส้นไหมที่ได้รับผลตอบรับดีมากจากคนไข้ ทั้งยังมีความปลอดภัยและผ่านการรับรองอย.ในประเทศไทยและต่างประเทศอีกด้วย โดยผลลัพธ์ของการยกกระชับด้วยการร้อยไหมอิตาลี สามารถทดแทนการผ่าตัดได้เลย แต่เจ็บน้อยกว่ามาก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตต่อได้ตามปกติ เรียกได้ว่าสวยแบบคนจับไม่ได้ ไม่ปลอม ไม่โป๊ะ

“เมื่อก่อนคนจะกลัวว่าร้อยไหมแล้วจะเจ็บ อันนี้ต้องบอกว่าที่เมื่อก่อนเจ็บมาก ระบมมาก มี Downtime เยอะ เพราะไหมที่ใช้เป็นไหมเย็บแผลทั่วไปที่รองรับน้ำหนักได้ไม่มาก ต้องใช้หลายเส้นต่อการร้อยหนึ่งข้าง แต่สำหรับไหมอิตาลีซึ่งเส้นไหมมีความหนา แข็งแรงทนทาน และยืดหยุ่นกว่า ทำให้ใช้เพียง 1 เส้นต่อใบหน้าด้านหนึ่งก็เพียงพอ นอกจากนี้ไหมอิตาลียังมีให้เลือก 2 ความยาว คือ 12 เซนติเมตรและ 23 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับเคสว่าต้องการแรงยกมากแค่ไหน และยกกระชับบริเวณไหนบ้าง”

“นอกจากเรื่องความเจ็บที่คนไข้กลัวกันแล้ว ก็จะมีเรื่องกลัวว่าร้อยไปแล้วเป็นพังผืด ผิวเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้หมอเลือกใช้ไหมอิตาลีก็เพราะว่าไหมอิตาลีเป็นไหมประเภทเดียวที่มีงานวิจัยรองรับแล้วว่าสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ดีใต้ผิวหนัง และเส้นไหมสามารถสลายเองได้ หลังร้อยไหมไปแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าผิวเนียนขึ้น เด้งขึ้น กระชับขึ้น”

อายุเท่าไหร่ถึงร้อยไหมได้ ?

ในอดีตเราจะคุ้นหูกับคำว่า Anti-Aging (การชะลอวัย) หรือการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกและสัญญาณแห่งวัยต่างๆ แต่ในปัจจุบันเทรนด์ที่ได้รับความนิยมคือ Prejuvenation (การป้องกันสัญญาณแห่งวัย) ทำให้คนยุคใหม่หันมาดูแลตัวเองกันแบบจริงจังมากขึ้น ซึ่งคุณหมอฟางเองก็ได้ยืนยันว่าการเริ่มทำหัตถการตั้งแต่วัย 20 หรือ 30 ปีที่ผิวยังไม่ได้มีริ้วรอยและสัญญาณแห่งวัย ถือเป็นความได้เปรียบที่จะยืดเวลาการเกิดริ้วรอยร่องลึกและปัญหาความหย่อนคล้อยต่างๆ ออกไป

“ไม่อยากให้คนติดภาพจำเดิมๆ ว่าต้องอายุมากถึงจะมาร้อยไหม เพราะจริงๆ แล้วร้อยไหมเป็นเทคนิคที่สามารถทำได้ตั้งแต่วัย 30 หรือบางเคสที่อายุ 20 กว่าก็สามารถทำได้แล้ว ยิ่งทุกวันนี้เทคนิคถูกพัฒนาจนเจ็บน้อยลงมาก แต่เห็นผลดีขึ้นมาก ตอนนี้คนไข้ของหมอหลายคนก็เปิดใจร้อยไหมมากขึ้น และกลับมาทำซ้ำมากขึ้น”

คุณหมอฟางยกตัวอย่างถึงบางเคสที่ไม่เคยทำหัตถการใดมาก่อนเลย และเข้ามาปรึกษาคุณหมอด้วยความกังวลเรื่องรูปหน้าและสัญญาณแห่งวัย พอคุณหมอแนะนำวิธีแก้ไขด้วยการร้อยไหม พร้อมทั้งชี้ถึงข้อดีของตัวไหมอิตาลี กลายเป็นคนไข้ตัดสินใจทำหัตถการครั้งแรกในชีวิตเป็นการร้อยไหม

“ทุกวันนี้ร้อยไหมไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ็บน้อยลงเยอะมาก ยกกระชับได้ดี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ยิ่งทำตั้งแต่อายุไม่เยอะ ก็ยิ่งได้เปรียบ เพราะผลลัพธ์จะยิ่งดีและอยู่ได้นาน แถมเรายังได้สะสมคอลลาเจนเยอะขึ้นด้วย”

คุณหมอฟาง – พญ.วิภาวี วงศ์ดี

คนดัดฟัน ร้อยไหมได้ไหม ?

ก่อนอื่นเลยเราเริ่มจากให้คุณหมออธิบายถึงปัญหารูปหน้าของคนจัดฟัน ซึ่งคุณหมอฟางได้ชี้จุดที่คนไข้ส่วนใหญ่มักเข้ามาปรึกษาความกังวลว่าการจัดฟันทำให้รูปหน้าดูไม่เข้าที่และบางเคสทำให้ดูมีอายุกว่าวัย “คนที่จัดฟันไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ จะมีปัญหาว่ารูปหน้าเปลี่ยน แก้มจะห้อยหย่อนลงมาแต่หน้าดูตอบ ทำให้ดูมีอายุได้ ปัญหานี้เกิดจากกล้ามเนื้อกรามมีการปรับเปลี่ยน ทำให้ไม่มีอะไรมารองเนื้อที่บริเวณต่างๆ จึงส่งผลให้หน้ามันตกลงมา มีความหย่อนคล้อย และหน้าดูตอบ ดูโทรม”

“วิธีแก้ที่เห็นผลได้ดีและทำได้ในแทบทุกเคสไม่ว่าคนไข้จะอายุเท่าไหร่ ก็คือการร้อยไหมค่ะ” คุณหมอฟางเคลียร์ข้อสงสัยให้เราทันทีว่าคนดัดฟันสามารถร้อยไหมได้หรือไม่ ทั้งยังย้ำอีกว่าเป็นเคสที่เหมาะกับการร้อยไหม และสามารถทำได้ระหว่างที่จัดฟันอยู่เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้จัดฟันเสร็จ

โดยเทคนิคที่คุณหมอฟางชอบใช้คือ การยกกระเปาะแก้ม และเก็บกรอบหน้า โดยใช้เส้นไหมร้อยดึงก้อนไขมันที่ทำให้แก้มดูห้อยดูหย่อน ขึ้นไปอยู่ในจุดที่แก้มตอบ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหากระเปาะแก้มหย่อนและแก้มตอบได้ในการทำหัตถการครั้งเดียว

สำหรับใครที่กำลังสนใจปรับรูปหน้าให้ดูเด็ก ดูธรรมชาติ ยกกระชับ แก้ปัญหากระเปาะแก้ม เหนียง ร่องแก้ม และเน้นผลลัพธ์ที่อยู่นานเกือบ 2 ปี ที่สำคัญคัญคือไม่เจ็บ คุณหมอฟางแนะนำให้เลือกวิธีการรักษาด้วยการ ร้อยไหมอิตาลี เพราะอย่างที่คุณหมอบอกว่ามันดีจริง ส่วนจะร้อยด้วยเทคนิคไหน ต้องเข้าไปให้คุณหมอประเมินก่อนทำ

โดยการร้อยไหมอิตาลีจะต้องออกแบบใบหน้าโดยแพทย์แบบเคสต่อเคส เพราะแต่ละคนจะใช้เทคนิคต่างกัน ผลลัพธ์ก็ขึ้นกับความชำนาญของแพทย์ด้วย หากร้อยผิดชั้นผิวอาจทำให้ผิวเป็นคลื่นได้ โดยสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่ V Clinic ได้ทุกสาขา

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.