เมื่อการจัดสรรเวลาในแต่ละวันเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญของวิถีชีวิตคนเมือง การบริการเสริมสวยที่ครบวงจรก็เป็นเหมือนตัวช่วยที่จะทำให้ประหยัดเวลา ทำได้หลายสิ่งจบในที่เดียว PANIPA Hair Nails Beauty Wellness คือ ซาลอนที่สมบูรณ์แบบที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับรางวัล The Most Popular One-Stop Service Salon ในปีนี้
PANIPA Hair Nails Beauty Wellness เหมือนดังสวรรค์แห่งความงามของผู้หญิงทุกคน สถาบันผมที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 53 ปี แห่งนี้ ปัจจุบันมีถึง 8 สาขา ซึ่งให้บริการดูแลความสวยความงามแบบครบวงจร เป็นบริการแบบ One-Stop Service ดูแลความงามได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
(อ่านเพิ่มเติม : Editors’ Choices The Best Hair Coloured Salon : PANIPA Hair Nails Beauty)

‘53 ปี กับการเป็น One-Stop Service Salon ของ PANIPA’
PANIPA Hair Nails Beauty Wellness เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี 1967 ซึ่งก่อนหน้านั้น คุณจิ๋ม-พรรณิภา ปวนะฤทธิ์ ผู้ก่อตั้ง PANIPA ได้เรียนและทำงานทางด้าน Hairdressing ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี เมื่อกลับมาเริ่มธุรกิจในเมืองไทย คุณจิ๋มต้องการฉีกแนวของซาลอนออกไปไม่ให้เหมือนใคร ไม่ต้องการเปิดกิจการแบบเดิมๆ เหมือนแฮร์ซาลอนทั่วไปในยุคนั้น
ต้องถือว่าคุณจิ๋มมองการณ์ไกลมาก เพราะเห็นความสำคัญของความต้องการของลูกค้าตั้งแต่ยุคนั้น มองเข้าไปที่ไลฟ์สไตล์ของเวิร์กกิ้งวูแมน ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ประชุม พบปะลูกค้าสังสรรค์ออกงาน ไปกับเพื่อนฝูง และยังต้องให้เวลากับครอบครัว ดังนั้นเวลาที่มีให้กับตัวเองนั้นน้อยมาก ในขณะเดียวกันก็ต้องดูดีตลอดเวลา


คุณจิ๋มจึงออกแบบการบริการแบบ One-Stop Service ทั้งดูแลทรงผมให้เข้ากับบุคลิก และอินเทรนด์แฟชั่น ทั้งในเรื่องการทำสีผม ดัด ยืด และทรีตเมนต์บำรุงผม รวมถึงทำเล็บ ต่อเล็บ ทาเจล ต่อขนตา แต่งหน้า แวกซ์ นวดเพื่อความผ่อนคลาย นวดบำรุงหน้า ทุกบริการสามารถสวยครบจบได้ที่ PANIPA อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากคือ ทักษะความเชี่ยวชาญของพนักงาน ที่คุณจิ๋มมีการตรวจสอบตลอด เวลา รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในร้านก็มีการคัดสรรแบรนด์ที่เป็นพรีเมียมเท่านั้น ซึ่งองค์ประกอบทุกอย่างนี้ทำให้ PANIPA Hair Nails Beauty Wellness อยู่ในระดับ World Class Salon และเป็นสมาชิกองค์กรโลก Intercoiffure Mondial Thailand
‘ผลกระทบของสถานการณ์ Covid-19 ต่อวงการผม’
เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัส Covid-19 ก่อให้เกิดผลกระทบกับธุรกิจแฮร์ซาลอนเป็นอย่างมาก คุณจิ๋ม ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้ง และอดีตนายกสมาคมอินเตอร์คอฟเฟอร์ไทยแลนด์ (Intercoiffure Thailand) ได้แสดงมุมมองต่อสถานการณ์นี้ไว้อย่างน่าสนใจ
“ดิฉันคิดว่า สถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัส Covid-19 ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากกับธุรกิจด้าน Fashion Industry รวมถึง Hair และ Beauty Salon ทั่วโลก ธุรกิจทำผมเป็นการให้บริการอย่างใกล้ชิด เพื่อการรับมือกับสถานการณ์นี้ จึงต้องมีการปรับเป็นการให้บริการแบบ New Normal ต้องมีกฎเกณข้อบังคับเข้มงวดมาก ถึงอย่างไรก็ตามธุรกิจทำผมและความงามจะขาดไม่ได้ในทุกแวดวงสังคม แต่การเข้าใช้บริการของลูกค้า และการรับบริการของทางร้านจะเปลี่ยนไป งานปาร์ตี้ และงานอีเวนต์ต่างๆ น้อยลง ดังนั้นลูกค้าจะใช้บริการน้อยลง และใช้บริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ตัด ทำสี ดัด ยืด และเคมีต่างๆ ร้านก็จะรับบริการได้น้อยลงเพราะระบบ Social Distancing ลูกค้าในห้างสรรพสินค้าก็จะเบาบางลง ดังนั้นร้านที่อยู่ในห้างก็จะโดนกระทบมาก”

“สำหรับแฟชั่นผมในช่วงนี้จะเน้นทรงที่ดูแลง่าย สะดวกในการทำเอง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้อง Work From Home จะมีมากขึ้น การซื้อโปรดักส์สำหรับบำรุงเส้นผมไปทำเองที่บ้านก็จะนิยมมากขึ้น”