แม้สภาพสังคมช่วงนี้กลับมาข้าวยาก หมากแพงอีกครั้ง แต่เทศกาลตรุษจีน 2565 ยังคงครึกครื้นไม่แพ้ปีก่อน ๆ โดยนอกจากการไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ รวมถึงแจกอั่งเปาแล้ว ในปีนี้ยังมีโอกาสได้เห็นเซเลบริตี้หลายคนเชิญคณะเชิดสิงโตมาสร้างความครึกครื้น และมอบความเป็นสิริมงคล HELLO! จึงรวบรวมภาพของเซเลบริตี้ พร้อมย้อน ‘ประวัติการเชิดสิงโต’ ให้แฟน ๆ ติดตามกัน
เริ่มจากบ้าน ‘ณรงค์เดช’ จัดเต็มทั้งการเชิดมังกรและการเชิดสิงโต โดย ‘คุณกรณ์ ณรงค์เดช’ และ ‘คุณริต้า-ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช’ ได้โพสท่าถ่ายภาพกับคณะเชิดสิงโตมาอวดให้แฟน ๆ กดไลค์แบบรัว ๆ นอกจากนี้ยังมีภาพที่คุณริต้าและ ‘น้องกวินท์’ สวมหมวกสิงโตสุดน่ารักอีกด้วย ซึ่งคุณกรณ์ได้อวยพรคนรอบข้างและแฟนคลับผ่านอินสตาแกรมว่า “ตรุษจีนบ้านเราเช้านี้ เฮงๆรับปีเสือ ขอให้เป็นปีที่เยี่ยมยอดของทุกท่านนะครับ ??”
ถัดมาที่ ‘คุณกอล์ฟ-ณชนก รัตนทารส’ และ ‘คุณปอ-ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์’ ที่ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนพร้อมแกรนด์โอเพนนิ่งร้าน ‘เมโทรสแควร์’ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้วยการเชิญคณะเชิดสิงโตมาสร้างสีสันที่บริเวณหน้าร้าน โดยมีเพื่อนสนิทมิตรสหายตบเท้ามาร่วมแสดงความยินดีพร้อมรับประทานอาหารเจิมร้านกันแบบอบอุ่นและคึกคักสุด ๆ

นอกจากนี้ยังมี เริ่มที่ ‘คุณอั๋น-พงศ์เดชน์ ไพโรจน์เดชากุล’ ที่เชิญคณะเชิดสิงโต ปี่เซียะ ฮก ลก ซึ่ว และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย มาแบบชุดใหญ่ ‘คุณแป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ’ ที่มีภาพถ่ายกับคณะเชิดสิงโตระหว่างปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ รวมไปถึงเซเลบริตี้รุ่นเด็กอย่าง ‘น้องสายฟ้า – พายุ’ ลูก ๆ ฝาแฝดของ ‘คุณน็อต-วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์’ และ ‘คุณชมพู่ – อารยา เอ ฮาร์เก็ต’ ที่มาพร้อมหัวสิงโตกระดาษสุดน่ารัก

ด้านเจ้าพ่อเพชร ‘คุณหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล’ ถือโอกาสที่ทางศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เชิญคณะเชิดสิงโตมาสร้างความครึกครื้นภายในห้าง ไปร่วมตีกลอง พร้อมแจกอั่งเปาและส้มให้กับคณะเชิดสิงโตอีกด้วย โดยคุณหนึ่งเผยถึงความหมายของการเชิญคณะเชิดสิงโตมาแสดงว่า นอกจากสร้างความรื่นเริง บันเทิงใจแล้ว การเชิดสิงโตซึ่งถือเป็นสัตว์มงคลตามความเชื่อของชาวจีน ยังเป็นการแสดงเพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งด้านเงินทอง สุขภาพ อำนาจ และความเจริญรุ่งเรืองในการค้าขาย ส่วนการตีกลองก็หมายถึงการสร้างชื่อเสียงให้กังวาลเหมือนกับเสียงกลองนั่นเอง

ทั้งนี้ ในเว็บไซต์ https://sites.google.com/site/chinesenewyear111/prawatikar-cheid-singto ระบุไว้ว่า ชาวจีนให้การนับถือสิงโตมาก เพราะเชื่อว่า สิงโตมีความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งมี อิทธิฤทธิ์ที่จะบันดาลโชคลาภมาให้ คอยช่วยปกป้องและปัดเป่าโพยภัยต่าง ๆ ไม่ให้มารังควานผู้คนได้ ด้วยเหตุนี้จึงถือได้ว่า ประเทศจีนนั้นเป็นต้นกำเนิดตำนานในการเชิดสิงโต ซึ่งตามตำนานของจีนกล่าวว่า สิงโตและ ประวัติการเชิดสิงโต เกิดขึ้นในรัชสมัย ของพระเจ้าเคี่ยนหลงกุน หรือเคี่ยนล่งกุ๋น หรือเคียนลุง หรือ เขียนหลง(หลี่ซื่อหมิน) แห่งราชวงศ์ชิง หรือเช็ง ซึ่งเสวยราชย์อยู่ระหว่างพ.ศ. 2297 – 2338 (ตรงกับสมัยอยุธยา ตั้งแต่ปีที่ 5 แห่งรัชกาลของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จนถึงปีที่ 4 ในรัชกาลที่ 1 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ของประเทศไทย)

ในวันหนึ่งขณะพระเจ้าเคี่ยนหลงกุ๋นหรือจักรพรรดิ เฉียนหลงเสด็จออกท้องพระโรงมีข้าราชบริพารมาเข้าเฝ้าก็ได้เกิดเหตุการณ์ ท้องฟ้ามืด สลัวลง พร้อมกับปรากฏสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับสุนัขตัวใหญ่ มีขนปุกปุย ลอย ลงมาจากก้อนเมฆทางทิศตะวันออก ทั้งมีเสียงดนตรีประโคมกึกก้อง สัตว์ประหลาด ได้ลอยลงมาหยุดตรงหน้าที่ประทับ แล้วหมอบลงก้มศีรษะทำความเคารพต่อพระองค์ 3 ครั้ง ก่อนลอยหายไปทางทิศเหนือ

หลังจากเกิดเหตุกาณ์ได้มีขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งได้กราบทูลว่าสัตว์ที่มาถวายบังคมต่อพระองค์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ ที่ประกอบด้วย มงคลอย่างสูง มีนามว่า สิงโต (หม่งไซ หรือ ไซ) สัตว์ชนิดนี้ยากที่มนุษย์สามัญจะได้ พบเห็นแต่การที่สัตว์นั้นมาถวายมงคลพระองค์เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงบุญญานุภาพ สิงโตจึงมาถวายบังคม เพื่อมาแสดงความจงรักภักดี และอวยพรแด่พระองค์ พระเจ้าเคี่ยนล่งกุ๋นได้ฟังก็เกิดปิติโสมนัส พร้อมตรัสสรรเสริญสิงโต

ต่อมาเมื่อราษฎรได้ทราบ เหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้พากันจัดหารูปสิงโตมาตั้งเคารพบูชาไว้ที่บ้านของตน ต่อมา มีชาวจีนสกุลโง้ว(แซ่โง้ว) ได้คิดทำหัวสิงโตขึ้นมาใช้แทนสิ่งที่เคยลอยลงมาจากฟ้า หา เครื่องดนตรีประกอบให้มีที่เสียงเร้าใจ ชวนให้สนุกสนาน โดยใช้คนจับหัวเชิด แสดงคาราวะต่อผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ถือว่าเป็นมิ่งมงคลแก่ผู้รับการคาราวะ เปรียบเสมือน เป็นพระเจ้ากรุงจีน สิงโตจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา
Cr. Celebrity’s Instagram