นอกจากหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา ฝาแผดหญิงชาย ‘น้องจาณีน’ และ ‘น้องเจส’ ของคุณแม่ อุ๊-เจนนิส และ คุณพ่อเบิ้ล-เจษฎา โสภณพนิช ยังพิชิต ยังมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียจำนวนมากเพราะหลงในบุคลิกที่เป็นตัวของตัวเอง การเล่น และพูดคุยที่เป็นธรรมชาติ แถมคุณแม่อุ๊ยังเน้นสอนให้เด็กๆ มีมารยาทที่ดีเป็นพื้นฐานเลยได้เห็นคลิป 2 แฝดฝึกไหว้สวยๆ และพูดจาไพเราะน่าฟังเสมอ จนต้องยกให้เป็นกูรูที่มีเทคนิคแพรวพราวในการเลี้ยงลูกอีกคนหนึ่ง
โดยในงานเสวนา “ผิดหรือถูก เลี้ยงลูกแบบไหน เสริมพัฒนาการลูกดีที่สุด?” โดย เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ ที่ผ่านมา เราได้พบกับ คุณอุ๊-เจนนิส ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงดูเด็กๆ ตามสัญชาตญาณของตัวเอง พร้อมด้วยลูกๆ วัยซนที่ตามคุณแม่มางาน และคอยเล่นพูดคุยอยู่กับคุณแม่ไม่ห่างกาย
“ชอบมีคนถามเคล็ดลับเลี้ยงลูกจากอุ๊แต่อยากจะบอกว่าถึงอุ๊บอกก็ต้องเอาไปปรับอยู่ดี อย่างตอนท้องลูกแฝดนี่กังวลมากบอกเพื่อนทุกคนว่าต้องมาช่วยเลี้ยง แต่พอคลอดแล้วกลับกลายเป็นว่าอุ๊เชื่อในเซนส์ของตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์เลย มีแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ที่อาจจะอ่านตำราต่าง ๆ บ้าง”


” เพราะลูกแต่ละคนมีธรรมชาติที่แตกต่างกันจริง ๆ แม้แต่จาณีนกับเจสที่เป็นแฝดท้องเดียวกันยังไม่เหมือนกันเลย จาณีนชอบศิลปะ เป็นเด็กมีระเบียบสูงมาก ส่วนเจสชอบเรียนรู้ ช่างสงสัยหาคำตอบและชอบเล่นกีฬา ซึ่งเราก็พาไปเรียน ปล่อยให้เขาเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจเต็มที่ ส่วนเรื่องสุขภาพตอนแรกอุ๊ก็เป็นคุณแม่สายอนามัย โดยเฉพาะกับน้องจาณีนเพราะเป็นผู้หญิงดูอ่อนแอกว่าน้องเจส แต่พอเริ่มโตขึ้นเราก็ขยับมาเป็นคุณแม่สายแอดเวนเจอร์ เพราะเราเห็นว่าการพาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เท่ากับได้ออกกำลังกายเสริมภูมิต้านทาน บวกกับการที่จาณีนกับเจสเล่นกันเองนั้นช่วยเสริมพัฒนาการซึ่งกันและกันดีมาก”


“ตอนนี้อุ๊ไปพาน้องไปกระบี่ปีละ 2 ครั้งจากตอนแรกที่ลูกค่อนข้างกลัวขึ้นเรือก็เลยให้เริ่มจากลำเล็ก ๆ ตอนนี้ก็ขยับมาเป็นสปีดโบ๊ทได้แล้ว ส่วนที่ไหนที่ยังไปไม่ได้ก็เปิดยูทูปให้ดูเอา ซึ่งพ่อแม่บางคนอาจจะต่อต้านการให้ลูกดูโซเชียลมีเดียแต่สำหรับลูกเราเห็นว่าช่วยให้เขาความคิดกว้างไกลขึ้น และมีความกล้าแสดงออกเหมือนที่เห็นจากคลิปในอินสตาแกรม (jannis_s) ค่ะ”


สอดคล้องกับข้อมูลของ แพทย์หญิงเสาวภา พรจินดารักษ์ ที่มาแชร์หลากหลายแนวคิดและสไตล์การเลี้ยงลูกในงานเสวนา ที่เชื่อว่า คนเป็นพ่อแม่ย่อมต้องการส่งเสริมพัฒนาการลูกให้เป็นไปตามศักยภาพของตัวเอง เพื่อที่ลูกจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ได้ทำงานตามความถนัดหรือตามความชอบของตนเองได้อย่างมีความสุข

“ในชีวิตจริง แต่ละขั้นตอนของพัฒนาการ เราต้องเผชิญกับอารมณ์หรือพฤติกรรมต่อต้านตามวัยของลูก ซึ่งทำให้การส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของลูกนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอก็คือ สัมพันธภาพที่ดีกับลูกเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลูกรู้สึกเชื่อมโยงและมั่นใจในตัวพ่อแม่ ลูกก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเขาเองได้ การเลี้ยงลูกเชิงบวกจึงเข้ามาช่วยตอบโจทย์ เพราะเป็นการเลี้ยงดูที่เน้นการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่เน้นลงโทษ ไม่ใช้อารมณ์ เน้นการฝึกให้ลูกคิดวิเคราะห์ และร่วมตัดสินใจ แม้ผลสุดท้ายลูกตัดสินใจผิดพลาด ก็ต้องเรียนรู้ผลของการกระทำตนเอง โดยพ่อแม่ไม่ซ้ำเติม แต่พ่อแม่จะช่วยเสริมพลังใจให้ลูกคิดเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ ในครั้งหน้าเมื่อเราใช้วินัยเชิงบวก ลูกจะค่อยๆ คิดเป็น รับผิดชอบเป็น ไม่ต้องรอคำสั่งหรือคำบ่น เราจะเหลือเวลานั่งลงทำกิจกรรมกับลูก พูดคุยกับลูก ธรรมชาติหรือความถนัดที่เป็นตัวของเขาเอง ก็จะปรากฏออกมาให้เราเห็นง่ายขึ้น รวมทั้งคุณแม่ยังรู้สึกผ่อนคลายมากพอที่จะปล่อยให้ลูกเป็นอะไรก็ได้ มองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่มากมาย เด็กๆ จะสามารถต่อยอดสิ่งที่เขาเป็น ไปจนถึงฝั่งฝัน ไม่ท้อถอยหรือล้มเลิกกลางทางง่ายๆ ” คุรหมอจากเพจ หมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก ให้คำแนะนำ
……………………………..
Cr.Jannis Yangpichit Instagram