‘โจ ไบเดน’ จากพรรคเดโมแครต วัย 77 ปี เตรียมก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา หลังได้รับคะแนนเสียงเกิน 270 ในรัฐเพนซิลเวเนีย จากศึกเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
ไบเดนได้ทวิตข้อความแรกหลังได้รับชัยชนะว่า “อเมริกา เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกคุณเลือกผมให้มาทำหน้าที่นำประเทศที่ยิ่งใหญ่ แม้งานข้างหน้าของเราจะยากลำบาก แตผมสัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกผมหรือไม่ก็ตาม ผมจะเก็บศรัทธาที่คุณให้ผมไว้กับตัว”

คะแนนเสียงของไบเดนพลิกนำโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเฉียดฉิวจากรัฐเพนซิลเวเนีย ด้วยคะแนน 273 คะแนน ในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนน 214 คะแนน ยิ่งไปกว่านั้นไบเดนยังมีคะแนนนำอดีตผู้นำสหรัฐฯ ในรัฐรัฐเนวาดา แอริโซนา และจอร์เจียที่มีคะแนนเสียงถึง 7,000 คะแนน แม้ว่าที่จอร์เจียอาจจะต้องนับคะแนนใหม่อีกครั้งในสัปดาห์นี้
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ไบเดนได้สร้างประวัติศาสตร์หลายอย่าง ทั้งเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดของผู้เคยสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และยังเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดด้วย ไบเดนยังได้ รองประธานาธิบดีหญิง ‘คาลามา แฮร์ริส’ มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์เป็นรองประธานาธิบดีหญิงผิวสีชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียนคนแรกของสหรัฐอเมริกาด้วย

โจ ไบเดน เกิดที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย ในปี 1942 จบการศึกษาปริญญาตรีที่ University of Delaware และด้านกฎหมายจาก Syracuse University นิวยอร์ก ปี 1968 โดยระหว่างเรียนด้านกฎหมายไบเดนได้แต่งงานกับเนลเลีย ฮันเตอร์ มีลูกด้วยกัน 3 คน หลังจากเนลเลียเสียชีวิต ก็ได้แต่งงานกับ จิล เคคอบส์ ในปี 1977
ไบเดนเข้าสู่การเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ตั้งแต่ปี 1973 จนถึง 1987 ไบเดนยังเป็นประธานการพิจารณนาเสนอชื่อผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ ในช่วงปี 1995 -1997 ก่อนที่จะมาร่วมชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2008 แต่ก็ต้องถอนตัว และกลับมาชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับบารัค โอบามาแทน จนกระทั่งในปี 2020 ได้กลับมาลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งและครั้งนี้ก็สมใจหมาย ในที่สุด ‘โจ ไบเดน’ ก็ได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้น