คุณแม่สุดจี๊ด อทิตา สุธาดารัตน์ เผยรอยสักไม่ซ้ำใครบนแผ่นหลัง “มาเริ่มสักตอนอายุ 21-22 สักเป็นลายดอกไม้เล็กๆ เริ่มจากสักลายดอกไม้กับผีเสื้อ อยากได้ลายที่ดูแฟรี่เทลน่ารักๆ ให้ดูเป็นงานศิลปะสวยๆ จนเติมลายมาเรื่อยๆ 3-4 ครั้ง เลยเป็นรอยสักที่ใหญ่เยอะขึ้น สีสันอยากให้เป็นสีอ่อนๆหวานๆ เซ็กซี่ เฟมินิน เคยมีช่วงอายุที่ไม่ชอบ ก็จะไม่เปิดรอยสัก ใส่เสื้อผ้าปิดไว้ ขอแนะนำว่าอย่าทำตามแฟชั่นหรือสักลายใหญ่เต็มตัว มันแก้ไขยาก”
นอกจากรอยสักสุดเปรี้ยวแล้ว การแต่งตัวของเธอก็ไม่แพ้กัน ในวอล์กอินคลอเซ็ทที่มีตู้รองเท้าเรียงรายจากเพดานถึงพื้น ไปจนถึงราวแขวนเรียงเสื้อผ้าเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด “ปกติจะชอบโทนสีขาวดำเรียบนิ่ง คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับแนวหวาน หรือเป็นผู้หญิงน่ารักเลยค่ะ“
แต่ถึงจะเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ ใครจะไปคาดคิดว่าเธอคนนี้ทำขนมไทยเก่งมาก เพราะเธอเป็นเจ้าของธุรกิจโฮมเมดระดับพรีเมียมที่ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ และยังเป็นแม่ค้าที่มีบริการเดลิเวอรีเป็นรถจากัวร์สุดหรูขับไปส่งเองถึงที่อย่างแบรนด์ Atita Sweet Home
“เข้ามาสู่วงการขนมได้เพราะ รุ่นพี่ที่รู้จักกันเขาแนะนำให้ไปเรียนทำขนมไทยก่อนลูกไปเรียนเมืองนอก ซึ่งอทิตา ได้ยินปุ๊บ ความคิดบรรเจิดปั๊บ (หัวเราะ) เลยหาที่เรียน หาสูตรมากมายมาทดลองทำ เททิ้งไปไม่รู้เท่าไหร่กว่าจะได้มาเป็นขนมที่ทำขายทุกวันนี้” ได้ชิมขนมสารพัด ทั้งกรอบเค็ม สาคูไส้หมูและขนมชั้นสีพาสเทลสวย ต้องบอกเลยว่ารสมือคุณจ้ออร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ
Atita Sweet Home แตกต่างที่รสชาติกำลังดี ไม่หวานเลี่ยนเพราะตัวคนทำรักสุขภาพ และรูปลักษณ์แปลกตาราวกับงานแกะสลัก ด้วยคอนเซ็ปต์ว่า อาร์ตแอนด์ดีไซน์ และเป็นพรีเมียมกิ๊ฟท์ให้คนเห็นขนมเราแล้วรู้สึกว่านำขนมไทยไปมอบเป็นของขวัญได้ไม่อายใคร คนอื่นอาจใส่เป็นกระจาดหรือห่อใบตอง แต่เราเป็นสาวเปรี้ยว คงไม่เหมาะจะมาแต่งชุดไทยแล้วมาขายขนมไทยใส่ใบตอง ฉะนั้นชัดเจนไปเลยว่าขนมเราเป็นสไตล์โมเดิร์น”
.

.
ทำขนมมาได้สักพัก มีแต่คำชมที่ทำให้ใจฟู แต่มีอยู่คำหนึ่งที่เป็นกำลังใจบ่อใหญ่ที่เมื่อนึกถึงทีไร หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทุกที “วันนั้นเป็นวันเด็กค่ะ คุณแม่คนหนึ่งสั่งขนมเรา พอรู้ว่าจะเอาไปให้ลูกทาน แหม อยากจะแถมให้อีก 5 กล่องจังเลย ลูกชายว่าเราเสมอว่าแม่ชอบใจดี แล้วจะได้กำไรหรอ (หัวเราะ) ก็เขาอุตส่าห์อุดหนุนเราน่ะ ขอโทษนะที่ต้องเล่าว่าขับรถจากัวร์ไปส่ง ไม่ได้อยากจะใช้รถหรูหรา แต่มีอะไรก็ใช้อย่างนั้น บางคนถามทำไมลงทุนจัง ไปเองทำไม ก็แล้วมันไม่ใช่หนึ่งในงานเหรอ ถ้ารักจะทำต้องอย่าเกี่ยงงาน มันเป็นบททดสอบตัวเรา
เป็นที่มาของฉายาศิลปินขนม-จาร์กัวดิลิฟเวอร์รี่ ที่บางคนสั่งขนมเพราะอยากชิมของอร่อยบวกกับอยากเห็นกับตาว่าคนทำขนมไฮโซขับรถหรูมาส่งขนมด้วยตัวเองจริงๆ “เป็นประเด็นแซวกันเล่นๆ มีคนนึงโทรมาสั่ง คงจะเห็นข่าวแซวในหนังสือพิมพ์หรือไงไม่ทราบ ปรากฎว่าคนที่โทรมาสั่งยังมาไม่ถึงออฟฟิศ เราขับรถสวนกับเขาแต่เราไม่รู้ว่าเขาคือคนสั่งขนม พอเห็นรถเราขับสวนออกไป เขารีบโทรมาเลย ออกไปแล้วเหรอพี่คนสวย หนูอยากเจอพี่ เขาตื่นเต้นอยากเจอตัวเราเป็นๆ เราแอบดีใจแต่ก็ขำๆ ตายแล้วอย่างกับดารา เป็นเรื่องดีที่เราได้สัมผัสอะไรแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์หรือเป็นสีสัน แต่ปัจจัยเรามีอย่างนี้ ถ้ามีมอเตอร์ไซค์คงขับไปส่งแล้วล่ะค่ะ”