ลาร่า คาซาลอตติ ลูกสาวคนโตของดร.สุปัญญา ล่ำซำ กับดร.สเตฟาโน่ คาซาลอตติ หลังจบปริญญาตรีจาก University of Bristol เธอเรียนปริญญาโททางด้าน Global Migration ที่ University College of London เพราะเธอมีจิตใจที่ดี ชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ รักการงานทำอาสาสมัครตามต่างจังหวัด ชอบช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและผู้อพยพลี้ภัย
กระทั่งธันวาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่เธอกำลังเดินทางมาเมืองไทยเพื่อเป็นล่ามให้อาจารย์ชาวอังกฤษที่มาประชุมที่ประเทศไทย คุณลาร่ารู้สึกปวดกล้ามเนื้อด้านซ้าย แต่เพียงช่วงเวลาแค่ข้ามคืนอาการปวดก็ย้ายมาเป็นข้างขวา ประกอบกับอาการเหนื่อยและหัวใจเต้นแรงอย่างผิดปกติ เช้าวันถัดมาคุณเปี๊ยะจึงพาคุณลาร่าไปตรวจ จึงพบว่าคุณลาร่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวขั้นรุนแรง (Acute Myeloid Leukemia)
“ตอนนั้นทุกคนตกใจมากเมื่อทราบข่าว แม่น้องลาร่าบินตรงจากอังกฤษ เพื่อมารับตัวกลับไปรักษาที่อังกฤษ เพราะบ้านอยู่ที่นั่น ได้ไปตรวจร้างกายที่อังกฤษอีกครั้ง หมอบอกว่าลาร่าจะต้องได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ภายใน3-4เดือน คุณเปี๊ยะแห่งบริษัท PIA Interior บอกกับเราถึงอาการของหลานสาวคนนี้ อันเป็นที่มาของแคมเปญ Match4Lara ที่โด่งดังไปทั่วทั้งเกาะอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่
หลังจากแพทย์ที่อังกฤษแจ้งแผนการรักษาโรคมะเร็งของคุณลาร่า ว่าจะต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์แต่การหาแมตช์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะลำพังการจับคู่สเต็มเซลล์ให้กับคุณลาร่าซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี่นั้นเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เพราะโอกาสที่จะพบผู้บริจาคที่มีสเต็มเซลล์เหมือนกันได้มักพบจากคนที่มีเชื้อชาติใกล้เคียงกันเท่านั้น จากจำนวนผู้ลงทะเบียนบริจาคสเต็มเซลล์ 16ล้านคนทั่วโลก มีผู้บริจาคที่เป็นลูกครึ่งอยู่ไม่ถึง 800,000 คน ในขณะที่โอกาสความน่าจะเป็นในการหาคนที่มีสเต็มเซลล์ของคุณลาร่าอาจจะอยู่ที่หนึ่งในล้าน
“จะให้เราไปนั่งเฝ้าลาร่าที่โรงพยาบาลคงไม่มีประโยชน์ สู้เราไปรณรงค์หาผู้บริจาคให้ลาร่าดีกว่า แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากๆ และอาจจะหาผู้บริจาคให้ลาร่าไม่ได้ แต่เราอาจจะโชคดีได้พบเจอผู้บริจาคให้กับผู้ป่วยคนอื่นก็ได้” คุณแป้น หนึ่งในคุณป้าพูด
หลังจากที่แคมเปญ Match4lara ดำเนินการมาครบ 1 เดือน ปาฎิหาริย์ก็มีจริง เพราะได้รับข่าวดีจาก ‘แอนโทนี่โนแลน’ องค์การกุศลด้านผู้ป่วยลูคีเมีย (Anthony Nolan Foundation) ในประเทศอังกฤษว่าได้พบผู้บริจาคที่แมตช์กับคุณลาร่าแล้ว แต่การพบแมตช์แล้วก็ใช่ว่าจะหมดห่วง เพราะยังไม่แน่ว่าจะหายเป็นปกติได้หรือไม่ หากยังไม่หายก็ต้องทำใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องเว้นช่วงไปอีกสี่เดือนถึงจะทำได้
ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคนไทยรวมทั้งฝรั่ง ลูกครึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย แสดงน้ำใจบริจาคสเต็มเซลล์อย่างมากมายเกือบหมื่นคนแล้ว ซึ่งบรรดาญาติๆของคุณลาร่าต่างก็ซาบซึ้งใจ และต้องขอบคุณคนเหล่านั้นที่เสียสละเวลามาช่วยกัน “เราไม่ได้ทำเพื่อลาร่าคนเดียวนะคะ แต่เราทำเพื่อสร้างความรับรู้ให้กับคนทั่วไป เพื่อช่วยผู้ป่วยทั่วโลกอีกต่อหนึ่ง น้องลาร่าพูดกับเราเสมอว่าอยากให้แคมเปญนี้เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยคนอื่นๆ ด้วย
“การที่เราลุกขึ้นมารณรงค์นี่ แม้จะยากกว่านี้ก็ยังต้องทำนะคะ ซึ่งเราได้ความร่วมมืออย่างดีจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เรียกว่าเป็นน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทำให้เรามีศรัทธาในความรักของเพื่อนมนุษย์บนโลกนี้ ดิฉันเห็นพระ เห็นวินมอเตอร์ไซค์ เห็นฝรั่งที่เดินเข้ามาบริจาคโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ เราไม่ค่อยพูดถึงคนดีๆแบบนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ครอบครัวเราทุกคนรู้สึกซาบซึ้งมากค่ะ”
คุณเปี๊ยะสรุปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะเธอรู้สึกศรัทธาในความมีน้ำใจที่มนุษย์คนหนึ่งมีต่อมนุษย์คนอื่นๆแม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม เพราะชีวิตทุกชีวิตมีคุณค่าเสมอ เธอเชื่ออย่างนั้น