Home > Celebrity > Celebrity News > New Year’s Resolution 2022: บูบี-วารีนิธิ เปิดใจครั้งแรกหลังประกาศจบชีวิตคู่

เรียกว่าชีวิตเป็นดั่งเทพนิยายมาตลอดคงจะไม่ผิด สำหรับเซเลบริตี้สาวสวย ‘คุณบูบี -วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์’ ที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งชีวิต หน้าที่การงาน และความรักที่ใครๆ ต่างอิจฉา แต่ล่าสุดเธอได้ประกาศจบชีวิตคู่กับ ‘คุณบูม – ชาคริต เอื้อวิศาลสิน’ ปิดตำนานคู่รักซุปเปอร์คาร์ลงเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมถือโอกาสเปิดใจพูดถึงเรื่องนี้ให้ HELLO! ฟังเป็นที่แรกว่า “จริงๆ แล้วบูบีใช้เวลาในการทบทวนเรื่องราวต่างๆ มาสักระยะแล้ว และเป็นการพูดคุยตัดสินใจร่วมกันของทั้งสองอย่างแน่ชัดแล้ว ก่อนจะตัดสินใจประกาศให้ทุกคนทราบผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นการให้เกียรติคนที่เรารัก และครอบครัวทั้งสองฝ่ายที่บูบีเคารพ แม้คนอื่นจะมองเรายังไง จะด่าว่าเราเสียๆ หายๆ บูบีไม่สนใจ ขอแค่ครอบครัวและเพื่อนคนสนิทของเรารับรู้และเข้าใจก็เพียงพอแล้วค่ะ”

เมื่อถามถึงสาเหตุของการตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ เซเลบริตี้สาวสวยบอกว่า “ที่ผ่านมาบูบีอาจจะผิดที่เป็นคนเงียบๆ รู้อะไรมา เห็นอะไรมา ก็จะไม่ค่อยพูดเลย เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะมีปัญหาและทะเลาะกัน หรือถ้าถามอะไรออกไป เขาจะไม่พอใจเราหรือเปล่า ทำให้บูบีเงียบมาตลอด และพยายามบอกตัวเองว่าเดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แต่จริงๆ แล้วเป็นความคิดและการกระทำที่ผิดมากๆ เพราะชีวิตคู่ เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องช่วยกันตัดสินใจ

“บูบีเคยคิดว่าเดี๋ยวถ้าเราแต่งงานกันแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น วันเวลาอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้ จึงเก็บทุกอย่างไว้ในใจมาตลอด แทนที่จะพูดออกมาว่า เราไม่โอเคกับอะไร หรือไม่ชอบใจสิ่งไหน การใช้ชีวิตคู่ คือการที่คนสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นเราต้องเปิดใจคุยกัน คอยอัพเดทเรื่องราวต่างๆ ของกันและกันตลอด และสิ่งที่บูบีเขียนไว้ในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า บูบีผิดพลาด นั่นก็คือ การที่บูบีเงียบมาตลอดและไม่พูดอะไรเลย ปล่อยให้ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นและสะสมไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมาถึงจุดที่เรารับกันไม่ไหวแล้ว ความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถไปต่อได้ ด้วยความที่เรารู้สึกว่า เราห่างกัน ไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน และไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนอย่างเคย ต่างคนต่างใช้ชีวิต  และยุ่งอยู่กับการทำงาน”

นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า “การคุยกันการพูดกันไม่ใช่เรื่องผิด ทุกคู่ต้องปรับความเข้าใจกัน เราไม่ชอบอะไร เราไม่โอเคกับอะไร เราต้องพูด เพราะอีกฝ่ายไม่มีทางรู้เลยว่าเราคิดยังไง และยิ่งปล่อยไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนเราต่างก็มองไม่เห็นอนาคตร่วมกัน และก็ไปต่อกันไม่ไหวจริงๆ เพราะปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิด แต่ว่าสะสมมาตั้งแต่ก่อนที่เราจะหมั้นกันด้วยซ้ำ น่าจะประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างจึงสะสมมาเรื่อยๆ เป็นความผิดของบูบีเอง ที่ปล่อยให้ปัญหานี้สะสมและไม่ยอมแก้ไข ซึ่งปัญหาหลักๆ คือความไม่เข้าใจกัน และการละเลยในปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม บูบีว่าชีวิตคู่จะละเลยกันไม่ได้ เราต้องดูแลใส่ใจกัน เพราะเราไม่ได้ใช้ชีวิตตัวคนเดียวกันแล้ว มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกัน แต่คู่ของเราผิดพลาดที่การไม่พูดกัน และต่างคนก็ต่างเงียบค่ะ

“บูบียอมรับว่าตัวเองไม่เคยเล่าปัญหาชีวิตให้คนรอบข้างรับรู้เลย แม้กระทั่งครอบครัวหรือเพื่อนสนิท เพราะบูบีไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงและกังวลใจ ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย จนวันที่เราชัดเจนทุกอย่าง และพร้อมบอกกับทุกๆ คน ซึ่งทุกคนรอบข้างก็เสียใจไปพร้อมกับเรา โดยเฉพาะครอบครัว ไม่ต่างกับเพื่อนสนิทที่แอบน้อยใจกันว่า ทำไมบูบีไม่มาปรึกษา ไม่มาแชร์เรื่องราวต่างๆ เวลาทุกข์ใจให้พวกเขาฟังเลย ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ บูบีอยากจะขอโทษทุกๆ คน ที่ทำให้เป็นห่วงและไม่สบายใจไปด้วย”

อย่างไรก็ตามคิดว่า การตัดสินใจครั้งนี้ก็เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย เพราะต่างก็อายุยังน้อย ยังมีเวลาได้พบเจอผู้คนอีกมากมาย “บูบีอยากให้พี่บูมเจอคนที่ดี และใช้ชีวิตกับคนที่เขารักอย่างมีความสุข”

เพราะ ‘ความรัก’ มีหลากหลายรูปแบบ

ถึงแม้ว่าการถอยหลังคนละก้าวของคุณบูบีและคุณบูมครั้งนี้ จะเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่ทั้งคู่ยังคงความเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่คอยห่วงใยกันเสมอ “ถือเป็นความทรงจำดีๆ ที่เราสองคนได้ใช้เวลาร่วมกัน แม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และไม่ได้ไปต่อจนสุดทางก็ตาม แต่เราก็ยังหวังดีต่อกันเสมอค่ะ ถึงสถานะจะเปลี่ยนไป ตอนนี้เราสองคนกลับคุยกันเข้าใจมากกว่าตอนที่คบกันซะอีก

“เชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเจอเรื่องราวชีวิตคู่ผิดพลาดแบบนี้ เช่นเดียวกับบูบีที่ชีวิตเกิดมาไม่เคยต้องการอะไรไปมากกว่าความรักของชีวิตคู่ที่ดี เพราะครอบครัวของบูบีให้ทุกอย่างมาครบหมดแล้ว เมื่อก่อนเคยคิดว่าสเต๊ปของชีวิต จะต้องได้แต่งงานตอนอายุ 30 ปี และพร้อมมีทายาทตอนอายุ 32 ปี แต่พอเราผ่านเรื่องราวชีวิตอะไรมามากมาย เราจะรู้และเข้าใจว่า ตัวเลขไม่สามารถกำหนดอะไรให้แน่นอนได้ ฉะนั้นอย่าไปเร่งรัด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะของชีวิตดีกว่า และบูบีอยากจะแนะนำทุกคนที่กำลังใช้ชีวิตคู่อยู่กับคนรัก บูบีอยากเอาความผิดพลาดของชีวิตคู่ตัวเองมาแบ่งปันประสบการณ์ อยากให้คุยกันมากขึ้น มีอะไรก็แชร์กัน มีปัญหาอะไรก็เคลียร์กัน อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียวเด็ดขาด”

และสำหรับใครตกอยู่ในสถานการณ์หรือเผชิญปัญหาเช่นเดียวกัน เธอฝากบอกว่า “ก่อนอื่นเราก็ต้องกลับมาทบทวน ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามหาสาเหตุของปัญหา โดยเฉพาะปัญหาของชีวิตคู่ ยกตัวอย่างคู่ของบูบีเอง ที่เราไม่คุยกัน เราไม่เคยเคลียร์กัน ปล่อยให้ปัญหาต่างๆ สะสม จนถึงวันที่ต่างคนต่างไม่ไหว ฉะนั้นหากใครเจอปัญหาเดียวกันกับบูบี แนะนำให้เปิดใจคุยกัน และค่อยๆ แก้ไขไปพร้อมกันคนละจุด ลดทิฐิของตัวเองลง รับฟังกันมากขึ้น และปรับปรุงในสิ่งที่เคยผิดพลาด ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงอะไรอาจทำได้ยาก แต่ถ้าเราค่อยๆ ปรับ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน ขอแค่ทั้งคู่เปิดยอมใจรับกันและกัน

“อีกอย่างบูบีคิดว่า ถ้าเราพยายามทำทุกอย่างให้ดี ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วัน เชื่อว่าสิ่งดีๆ จะเข้ามาหาเราเอง ชีวิตคนเราคงไม่เจอเรื่องแย่ๆ ไปตลอดชีวิตหรอก แต่อาจจะเป็นแค่ช่วงจังหวะที่เราอ่อนแอเท่านั้นเอง อยากให้ทุกคนที่กำลังเผชิญเรื่องแย่ๆ เข้มแข็ง และสู้ๆ แล้วเราจะผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ไปด้วยกันนะคะ”

ก้าวผ่านมรสุมชีวิต

 แม้เป็นเรื่องไม่ง่ายในการก้าวผ่านเรื่องราวหนักหน่วงที่สุดในชีวิต แต่วันนี้เซเลบริตี้สาวสวยก็มีรอยยิ้มให้เห็นบ้างแล้ว พร้อมบอกความตั้งใจว่า “ปีใหม่ปีนี้บูบีขอสัญญากับตัวเองว่า ‘จะรักตัวเองให้มากขึ้น’ และ New Year’s Resolution อีกหนึ่งอย่างที่บูบีตั้งใจจะทำ นั่นก็คือ การใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด จากที่เราเจอปัญหาหนักที่สุดในชีวิตมา เรารู้เลยว่าใครที่คอยอยู่เคียงข้างเรา ใครที่เป็นห่วงเรา และใครที่รักเราจริงๆ บูบีพยายามพูดกับตัวเองเสมอว่า ‘จะใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขที่สุด’ ทำในสิ่งที่อยากทำ หรือสิ่งไหนทำแล้วมีความสุข ก็ลงมือทำเลยไม่ต้องรอเวลา เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไปอีกนานแค่ไหน  เช่น บูบีมีความสุขกับการขับรถ ก็ออกไปขับรถเล่น ทำอะไรตามที่ใจตัวเองต้องการ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ไม่สร้างความเดือนร้อนให้คนอื่น และมีความสุขในทุกๆ วัน เพราะถ้าบูบีไม่เข้มแข็งและใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุข ณ วันนี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวของเราเองแล้ว ยังมีครอบครัว เพื่อนๆ ที่รักและเป็นห่วงเราด้วย”

นอกจากนี้เธอยังมุ่งมั่นโฟกัสกับงานให้มากกว่าเดิม จากที่ทุ่มเททำงานช่วยพี่สาว (คุณเปเป้ – วาริธร กันท์ไพบูลย์) สร้างแบรนด์เสื้อผ้า Varithorn Boutique ให้เติบโตมากยิ่งขึ้นอยู่แล้ว “ในปีนี้เราเตรียมแผนขยายแบรนด์ไปต่างประเทศ เพราะตอนนี้โลกของเราหมุนไปเร็วมาก ถ้าเราคิดช้าทำช้าเราอาจจะตามโลกไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น Trend Fashion, Social Lifestyle. Online Shopping ฯลฯ คิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่เราต้องลุยงานกันอย่างหนักแน่นอนค่ะ”

อย่างไรก็ตาม HELLO! ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณบูบีนะคะ สู้ๆ ค่า…

———————————————————————————————————————————————————————————————

ติดตามเรื่องราวสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูกซีฟได้ใน

นิตยสาร HELLO! ฉบับเดือนมกราคม 2565 วางแผงแล้ววันนี้ !!!

ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678

สั่งซื้อออนไลน์ที่ shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.