เข้าสู่ทำเนียบ ‘มหาเศรษฐี’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับป๊อปสตาร์ชื่อดังอย่าง ‘ริอานน่า’ โดยนิตยสาร ‘ฟอร์บส์’ เปิดเผยการประมาณมูลค่าทรัพย์สินของริอานน่าล่าสุดว่ามีมากถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.6 หมื่นล้านบาท) ทำให้ริอานน่ากลายเป็นนักดนตรีหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และเป็นสตรีในวงการบันเทิงที่ร่ำรวยเป็นอันดับสองรองจาก ‘โอปราห์ วินฟรีย์’ ทว่าอาชีพในวงการบันเทิงกลับไม่ใช่รายได้หลักที่ทำให้ริอานน่ากลายเป็นมหาเศรษฐี ความร่ำรวยของริอานน่ามาจากธุรกิจเครื่องสำอางและแฟชั่นอย่าง ‘เฟนตี้ บิวตี้’ (Fenty Beauty) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์

โรบิน ริอานน่า เฟนตี้ หรือ ‘ริอานน่า’ เกิดในประเทศบาร์เบโดส ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ด้านตะวันออกสุดของทะเลแคริบเบียน ตลอดชีวิตวัยเด็กของริอานน่าเป็นไปเฉกเช่นเด็กสาวชาวเกาะธรรมดา ที่ไปเรียนและมีโอกาสได้แสดงความสามารถด้านดนตรีบ้างเป็นครั้งคราว กระทั่งพบกับ ‘อีวาน ร็อดเจอร์ส’ โปรดิวเซอร์เพลงจากนิวยอร์กที่เดินทางไปพักร้อนกับภรรยาชาวบาร์เบโดส ซึ่งหลังจากเห็นความสามารถด้านการร้องเพลงอันโดดเด่นของริอานน่า ก็ตัดสินใจชักชวนริอานน่าไปทดลองอัดเสียงที่สหรัฐอเมริกา และทำให้ชีวิตของสาวชาวเกาะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

รอดเจอร์สได้พาริอานน่าเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อพบกับ ‘เจย์ซี’ (Jay-Z) ซีอีโอของค่าเพลงเดฟ แจม เรคอร์ด (Def Jam Records) ก่อนริอาน่าตัดสินใจเซ็นสัญญาตั้งแต่อายุ 16 ปี และประสบความสำเร็จมาโดยตลอด หลายคนอาจเริ่มรู้จักริอานน่าจากเพลง ‘อัมเบรลลา’ (Umbrella) แต่แท้จริงแล้วนักร้องสาวมากความสามารถออกอัลบั้มมาก่อนหน้านั้นถึง 2 ชุดและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งในอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลก

เพลง ‘พอน เดอ รีเพลย์’ (Pon de Replay) จากอัลบั้ม ‘มิวสิค ออฟ เดอะ ซัน’ ในปี 2005 ซึ่งเป็นผลงานอัลบั้มแรกของริอานน่าติดอันดับ 2 บิลบอร์ดชาร์ตในสหรัฐ ขณะที่เพลง ‘เอสโฮเอส’ (SOS) จากอัลบั้มที่ 2 ‘อะ เกิร์ล ไลก์ มี’ ในปี 2006 ทะยานสู่อันดับที่ 1 ของบิลบอร์ดชาร์ตในสหรัฐ และออสเตรเลีย และติดอันดับท็อป 5 ใน 11 ประเทศ

ก่อนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในอัลบั้มที่ 3 ‘กู๊ด เกิร์ล กอน แบด’ (Good Girl Gone Bad) ในปี 2007 กับเพลง ‘อัมเบรลลา’ ที่ฮิตจนติดอันดับ 1 ถึง 13 ประเทศ หลังจากนั้นริอาน่าก็มีเพลงฮิตออกมาให้แฟน ๆ ติดตามและกวาดรางวัลไปมากมายจากหลายเวที รวมถึงการทัวร์คอนเสิร์ต และงานด้านการแสดง

กระทั่งปี 2017 ริอานน่าเปิดตัวธุรกิจเครื่องสำอาง ‘เฟนตี้ บิวตี้’ ภายใต้การดูแลของ ‘แอลวีเอ็มเอช’ (LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นที่ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายเฉดสีเหมาะกับทุกสีผิว จนนิตยสารไทม์ยกให้เฟนตี้ บิวตี้เป็นหนึ่งใน 25 นวัตกรรมที่ดีที่สุดในปี 2017 (25 Best Inventions of 2017)

ต่อมาในปี 2018 ริอานน่าได้เปิดตัวแบรนด์ชุดชั้นในชื่อ ‘ซาเวจ x เฟนตี้’ (Savage X Fenty) ซึ่งยังคงความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายเฉดสีเพื่อให้เข้ากับโทนสีผิวและไซซ์ต่าง ๆ ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดของฟอร์บส์ที่ได้รับการยืนยันว่าริอานน่าถือหุ้นของเฟนตี้ บิวตี้อยู่ถึงร้อยละ 50 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เธอขึ้นสู่ทำเนียบมหาเศรษฐี ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจชุดชั้นใน ‘ซาเวจ x เฟนตี้’ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 270 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการเป็นนักดนตรีและนักแสดง
ภาพจากทวิตเตอร์ Rihanna