ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คุณตุ่ย -ปิยะ ตันติเวชยานนท์ เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มารับไม้ต่อธุรกิจซุปเปอร์ริช 1965 จากคุณพ่อวิบูลย์-คุณแม่พจมาลย์ ตันติเวชยานนท์ เปิดบ้านพักร้อนของครอบครัวที่เชียงรายให้ HELLO! ได้ชมกัน เป็นบ้านสไตล์ล้านนาอันกว้างใหญ่ทั้งสี่หลังซึ่งตั้งอยู่ลดหลั่นกัน


ก่อนจะถึงยุคซุปเปอร์ริชอย่างทุกวันนี้ นายตั้งเกาเตี้ยคุณปู่ของคุณตุ่ยนั้นทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวนในแถบบ้านหม้อซึ่งเป็นแหล่งค้าเพชรพลอยมาก่อน แต่ภายหลังไม่ได้ทำอีก จนมาถึงรุ่นคุณพ่อวิบูลย์ ท่านได้เล็งเห็นช่องทางการแลกเปลี่ยนเงินตราหลังจากทำงานกับบริษัททัวร์อยู่ระยะหนึ่ง แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึงเมื่อรุ่นลูก คุณตุ่ยได้เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ จากนั้นเขาเดินทางไปเรียนต่อทางด้าน MBA ที่ Chapman University รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมาก็ได้นำซอฟท์แวร์มาใช้กับทางร้าน เพื่อให้งานในร้านมีระบบมากขึ้น

คุณตุ่ยและคุณอ้อบนพื้นที่ของคู่ชีวิตที่ใช้เวลาด้วยกันมายาวนาน
“ผมเอาโลตัส 123 มาใช้ควบคุมสต็อกคงเหลือที่ร้าน การนำเอาโปรแกรมและคอมพิวเตอร์มาใช้ในบริษัทของป๊า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะถูกแรงต้านจากพนักงานแทบทุกคน แม้ว่าผมจะเป็นถึงลูกเจ้าของร้าน ก็ไม่ใคร่มีใครยอมรับในสิ่งใหม่ๆที่ผมนำมาใช้มากนัก เกิดแรงกดดันให้หลายคนไม่อยากร่วมงานกับผม ประกอบกับป๊าไม่ค่อยสบาย ผมเลยถือโอกาสปฏิรูปบริษัท และขอบริหารงานต่อจากป๊าและม้า มีพนักงานเก่าของป๊าลาออกเกือบหมด ผมเหมือนต้องรวบรวมกำลังจัดตั้งคนทำงานใหม่ทั้งหมด คนเก่าออกไปหมดเหลือพนักงานบัญชีที่รู้จักการทำงานของผมแค่สามคน
“ตอนนั้นนึกในใจว่าผมทำได้ แม้ว่าจะรู้สึกเครียดเล็กน้อย ผมศึกษาและเรียนรู้จากประสบการณ์จริงที่เคยช่วยป๊าทำงานมาโดยตลอด ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย จนสุดท้ายผมคิดว่าต้องสู้เพื่อป๊ากับม้า ผมเริ่มศึกษาและหาหนทางนำพาธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอื่นๆ ผมใช้โลตัส123ในการคำนวณราคาแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศเทียบเป็นสกุลเงินบาทเพียงแค่กดปุ่มไม่กี่ปุ่ม ผมคิดเรทได้เร็วกว่าร้านอื่นๆ ผมหาความร่วมมือกับร้านรับแลกเปลี่ยนเงินหลายร้านจากคู่แข่งให้เป็นคู่ค้า ผมเปิดเว็บไซต์เพื่อสื่อสารกับลูกค้า ให้ลูกค้าทราบว่าเรากำลังมีอะไรที่ดีกว่าให้กับลูกค้า”
ขณะนี้ซุปเปอร์ริชมีอยู่ 40 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดนั้นเป็นในรูปหุ้นส่วนกับเพื่อนสนิทในท้องที่นั้นๆ ปัจจุบันมูลค่าธุรกิจของซุปเปอร์ริชอยู่ในระดับ 500 ล้านบาท และมีความคิดที่จะผลักดันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต แต่แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่สำหรับวิถีชีวิตประจำวันของคุณตุ่ยนั้นกลับเรียบง่าย
วิถีชีวิตเรียบง่าย
“เป็นคนใช้เท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่อยากได้ ผมเพิ่งซื้อนาฬิการาคาห้าแสนบาทมา ยังตกใจตัวเองอยู่เลย เพราะเขาเขียนว่าแปดหมื่น ผมก็นึกว่าแปดหมื่นบาท ปรากฏว่ามันกลายเป็นแปดหมื่นโครน ยังไม่แกะเลย ไม่กล้าใส่ เพราะปกติผมใส่นาฬิกาโอเรียนท์ราคาไม่กี่พัน ไม่เกินนั้น”
ความรักและครอบครัว

อีกมุมหนึ่งของบ้านที่ทอดตัวออกไปเห็นแม่น้ำสลอง ได้ยินเสียงน้ำขับกล่อมตลอดเวลา
คุณตุ่ยสารภาพว่าไม่ใช่คนโรแมนติกเอาเสียเลย เพราะความขี้อาย ทำให้ไม่ค่อยกล้าแสดงออกแม้ความรักจะท่วมท้นใจก็ตาม “วันเกิดวันครบรอบก็ไม่ได้ฉลอง เวลาเดินอาจจูงมือกันบ้าง แต่ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปไหนด้วยกันบ่อยๆ เพราะคนหนึ่งออกไป อีกคนต้องอยู่ คืนแรกของการแต่งงาน ผมนอนหลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเช้าทำงาน เย็นรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอาสูทใส่กระเป๋าไปเปลี่ยน ตื่นเช้ามางง เขามานอนตรงนี้ได้ไง เพราะเราเคยนอนคนเดียว เลยนึกขึ้นได้ว่าแราแต่งงานแล้ว” คุณตุ่ยพูดพลางหัวเราะเบาๆ
เมื่อถามว่าชอบใจอะไรในตัวภรรยา เขาตอบแบบสบายๆว่า “ชอบเขาตรงความขยัน อยากได้รถ ก็เข้าเวรจนได้รถ อยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเอง แล้วก้เป็นคนอารมณ์ดี แถมยังสวยกว่าคนที่เราเคยชอบด้วย” เขาตอบยิ้มๆ “แต่ระยะหลังมานี้ผมให้เขาทำงานแทนผม เขาก็เครียดขึ้น ขณะที่ผมเครียดน้อยลง เขาจะอารมณ์เสียหงุดหงิดง่าย เวลาผมมองเขาเหมือนเราเห็นตัวเองสมัยก่อน แต่ไม่รู้จะบอกเขายังไง บอกไปก็ไม่ค่อยเชื่อ ก็เลยพยายามหาลูกน้องไปช่วยเขา จะได้ให้เขาออกมา แต่ต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าเขาจะกลับเป็นคนเดิม”


พร้อมหน้าครอบครัวตันติเวชยานนท์
ปัจจุบันคุณตุ่ยมีลูกชายหญิงที่น่ารักอยู่สามคน เจ๋งเจ๋ง (ญาณวุฒิ ตันติเวชยานนท์) ลูกชายคนโตวัย 18 ปี ขณะนี้เรียนอยู่ชั้นปี1 ที่ญี่ปุ่น จริงจริง (วิธวิทย์ ตันติเวชยานนท์) ลูกชายคนรองวัย 17 ปี เรียนไฮสคูลอยู่ที่สิงคโปร์ กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนขนมจีน ( ปิยธิดา ตันติเวชยานนท์)ลูกสาวคนสุดท้อง ขณะนี้อายุ 15 ปี เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ลูกสาวลูกชายน่ารักสมวัยกันทุกคนเลยทีเดียว



