กลายเป็นข่าวทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในช่วงหนึ่งเลยทีเดียวหลังจาก คุณน้องเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด ประกาศปิดกิจการโรงแรม ปาร์คนายเลิศ หรือที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น “โรงแรมสวิสโฮเท็ล ปาร์ค นายเลิศ” ภายในสิ้นปีนี้ โดยได้ดำเนินกิจการมานานกว่า 36 ปี ผ่านจดหมายจดหมายเปิดผนึกที่มีการแชร์ต่อกันผ่านโซเซียลอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอรับโทรศัพท์ไม่หวาดไม่ไหวกับคำถามที่ถามไถ่กันเข้ามาจากหลากหลายแห่ง เพื่อขอความชันเจนของกระแสข่าวดังกล่าว
ช่วงที่รู้สึกเครียดมีวิธีผ่านมันไปได้อย่างไร
“ยอมรับว่าเครียดมาก เพราะต้องดีลกับจิตใจคน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกับเล็กมาก จิตใจพนักงาน คือ จะเป็นตึก จะเป็นอิฐ จะเป็นปูน อันนั้นไม่มีความรู้สึก อยู่ที่ความรู้สึกของเราคนเดียวแล้ว แต่นี่อีก 400 คนที่เราต้องดูแล อันนี้เครียด สปีตที่เล็กต้องคุยกับพนักงานวันนั้น ลำบากใจมาก แต่ก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องมีความมั่นคง มีสติ เราต้องเก็บความเครียดไว้ไประบายที่บ้าน แต่เวลาอยู่ต่อหน้าพนักงานเราก็ต้องเข็มแข็ง
แผนที่จะทำต่อไปในอนาคต ?
“อยากจะต่อยอดความเป็นปาร์คนายเลิศ โดยจะสร้างแบรนด์โรงแรมของปาร์คนายเลิศขึ้นเอง เพราะสมัยก่อนโรงแรมสวิสโฮเทล ปาร์คนายเลิศ เคยบริหารงานเริ่มแรกโดยฮิลตัน ก่อนจะมาเป็นสวิสโฮเทล ตอนนี้เราอยากบอกว่า เราอยากทำแบรนด์ของตัวเอง คือแบรนด์ ‘ปาร์คนายเลิศ’ โดยจะไปสร้างในที่ดินที่ของคุณยายและครอบครัวที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งที่แรกที่จะเริ่มในเวลาอันใกล้นี้ คงเป็นที่หัวหิน โดยใช้ชื่อว่า ปาร์คนายเลิศ หัวหิน อยู่ติดชายหาด มีพูลวิลล่า มีร้านอาหารคล้ายๆ ‘มาเมซอง’ ที่เป็นสูตรของครอบครัวเรา คุณยายท่านชอบทำให้ทานกันมา และเราคิดว่าการจัดเลี้ยงของเรายังเป็นที่หนึ่งอยู่ และถือเป็นธุรกิจที่ดีมาก ฉะนั้นบ้านปาร์คนายเลิศยังเป็นสถานที่ให้ทุกท่านได้แวะเวียนเข้ามาจัดงาน โดยจะมีการเพิ่ม White Bus Catering เข้ามาเสริม”
การสร้างโรงแรมใหม่จะยังคงคอนเซปต์สวนพฤกษาเหมือนที่คุณยายทำไว้ไหม ?
จุดประสงค์หลักเราคงความเป็นปาร์คนายเลิศ คือ การที่เรามีสวนอยู่ในทุกๆ ส่วนของโรงแรม ทุกแห่งที่เราสร้างเป็นโรงแรมจะมีบ้านเก่าของคุณยายอยู่แล้ว เช่น เชียงใหม่ และหัวหิน ซึ่งเป็นบ้านพักอากาศ ตอนนี้เราจะพัฒนาเป็นโรงแรม และยังคงเก็บบ้านเก่าเอาไว้ เหมือนเป็นบ้านอยู่ในสวน ติดทะเลก็ติดได้ แต่ยังคงมีสวน เพราะเราเรียกตัวเองว่า ปาร์คนายเลิศ
โรงแรมแห่งใหม่นี้ ลงทุนไปเท่าไหร่
อย่างที่บอกว่าเราทำให้ที่ดินของคุณยาย ไม่ได้มีการลงทุนซื้อที่ดินมาจากใคร จะมีการเรื่องทุนการพัฒนาที่ดิน ซึ่งน่าจะอยู่ที่ราวๆ 400-500 ล้านบาท เราอยากจะทำให้เป็นไฮเอ็น ทำห้องพักให้มีขนาดใหญ่หน่อย ไม่ได้อยากเรียกว่าเป็นโรงแรม 5 ดาว 6 ดาว หรือ 7 ดาว แต่อยากจะให้ลูกค้าที่มาพักได้รับความสะดวกสบาย และได้อารมณ์เหมือนพักอยู่ที่บ้าน มีความหรูหรา แต่เป็นกันเอง
ก่อนจากสาวสวยแอบกระซิบว่าปี 2561 เตรียมติดตามผลงานชิ้นโบว์แดงของเธอได้เลยพร้อมยังทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เธอเปี่ยมไปด้วยความเก่งและความแกร่งอย่างแท้จริง
“เล็กเชื่อว่าทุกๆ คน รวมถึงตัวของเล็กเองมีความใจหาย บางคนก็คิดเสียดายเหมือนกัน แต่ขอบอกว่า เราไม่ทิ้งปาร์คนายเลิศไป ที่ทุกคนพูดว่าปิดตำนาน หรือปาร์คนายเลิศจบแล้ว อยากจะบอกว่า เล็กดีใจนะที่ทุกคนเรียกตรงนี้ว่าเป็นตำนาน คืออยู่ดีๆ ใครจะมาเรียกเราว่าตำนานคงไม่ใช่ อันนี้คือเราสร้างปาร์คนายเลิศมา 120 ปี วันแรกที่นายเลิศ สร้างเป็นโรงน้ำแข็ง เป็นรถเมล์ขาว ซึ่งก็ผ่านมา 120 ปี กลายเป็นตำนานของปาร์คนายเลิศ แต่เราไม่ได้ปิดตำนาน เราจะเอาไปต่อยอด เล็กมีอีกหลายธุรกิจที่มีแพลนจะทำและจะเกิดขึ้นในอนาคต”