“เหมือน Miracle” คุณทาทาบอกความรู้สึกครั้งแรกที่รู้ตัวเองตั้งครรภ์
“พอท้องเร ความกลัวว่าเราอาจจะสูญเสียอีกก็เข้ามา กลัวมาก แต่ก็มารู้สึกเราต้องฮึดเราต้องสู้ เขามาแล้ว เราต้องทำยังไงก็ได้ให้เขาอยู่ บอกกับตัวเองฉันจะไม่สับสนอย่างนั้นอีก ทาก็พูดกับลูกในท้องเลย ว่าแม่อยากให้หนูอยู่นะ แม่จะทำทุกอย่าง แม่ขอให้เราเดินไปด้วยกันให้เป็นการตั้งครรภ์ที่สนุก แล้วเราเดินทางไปด้วยกันตลอดเก้าเดือนนี้”
คุณทาเริ่มพูดกับลูกตั้งแต่ลูกยังเล็กมาก อัลตราซาว์ดเห็นเรตั้งแต่มีขนาดเพียงสองมิลลิเมตร เป็นเพียงแค่จุดเล็กๆและยิ่งมีกำลังใจพูดกับลูกมากขึ้นเมื่อเธอได้คุยกับคุณแม่ท่านหนึ่ง
“ทาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล คุณแม่ท่านหนึ่งก็นั่งรอตรวจเหมือนกัน ลูกเขาเป็นเด็กเรียบร้อยมาก น่ารักมาก ก็ถาม ‘เลี้ยงยังไง จะขอเคล็ดลับ’ เขาบอก “น้องทารู้ไหมคะ พี่พูดกับลูกตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง พี่ออยากให้เขาเป็นเด็กยังไง ก็บอกเขาไปเลย บอกเขาดีๆ พูดกับเขาดีๆ ว่าเราอยากได้อะไร’ ก่อนหน้านี้เราก็คุยกับลูกอยู่แล้วแต่พอเจอพี่คนนี้ทากับหมอยิ่งคุยกับลูกตลอด เราสองคนมีความผูกพันบางอย่างกับเขาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้ากัน ทาคุยกับลูกทุกวัน บางอย่างหมอก็ไม่ได้ยินเพราะทาคุยกับเขาเงียบๆในใจ วันนี้เราจะทำนั่นทำนี่กันนะ ก็บอกลูก”
ด้านคุณหมอขอเล่าต้อว่า “เราบอกลูกตั้งแต่เขาอยู่ในท้องว่าเกิดมาขอให้ผมเยอะๆ เพราะว่าแม่กับพ่อเกิดมา ตอนเด็กๆไม่มีผมกันทั้งคู่ หน้าตาให้เหมือนฝรั่งทางแม่นะ ไม่ต้องหน้าเหมือนพ่อ เอาหุ่นมือเท้าของพ่อก็พอ”
คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ช่วยกันเลี้ยงลูกเอง ไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มีพยาบาล มีเพียงคนช่วยดูแลบ้านแบบเช้าไปเย็นกลับหนึ่งคน สองคนช่วยกันตื่นมาดูลูกทุก 2-3 ชั่วโมง
“ทาเขามีสัญชาตญาณของแม่สูงมาก” คุณหมอบอก “และตัวเขาเองก็อยากเป็นคุณแม่มาตลอด ของลูกที่เขาเตรียมตั้งแต่ยังไม่คลอดเขาคิดของเขาทุกอย่าง เห็นเขาดูแลลูกผมชื่นใจ แต่บางเรื่องทาก็จะก็จะคิดเยอะมากห่วงไปหมด เราต้องคอยสะกิดให้เขาดึงตัวเองกลับมา”
“แต่มันเป็นความเหนื่อยที่มีความสุขมาก” คุณทาทาบอก “คำว่าพ่อแม่ เหนื่อยตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ามีเขา และจะเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ แต่ ‘เหนื่อย พร้อมมั้ย พร้อม! ลุย!’ เป็นอารมณ์นั่นคะ จากที่เราเป็นคนแข็งแกร่ง พอเราเจอลูก เราอ่อนไหวมาก กังวลมาก เพราะเรามีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแลและรับผิดชอบเขา เมื่อก่อนทำงาน ยังมีโอ้เอ้บ้าง ‘ขออีกสักครึ่งชั่วโมงน่า’ แต่เวลาเป็นแม่คน ไม่มีโอ้เอ้นะ เพื่อลูก ต้องทำเลย”
“ลูกสอนให้เราเสียสละ” คุณหมอบอก “เมื่อก่อนผมไม่คิดเรื่องมีลูกเลย แต่ทาเขาอยากมีลูกมาโดยตลอด การมีลูกสอนให้คุณเสียสละ ทุกอย่างตอนเราโสด ‘อะไรก็ฉัน อะไรก็ฉัน ฉัน ฉัน และฉัน เป็นโฟกัสของทุกสิ่ง ฉันเหนื่อย ฉันก็ไม่ทำ’ แต่พอเรามีเขา เรากลับทำได้โดยอัตโนมัติ โดยเราไม่ต้องคิดเลย”

“พรหมลิขิต นำพาเราให้ต้องมาอยู่ด้วยกัน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งสามีภรรยา” คุณทาทาบอก “ความรักของเราไม่ได้เป็นความรักที่เพิ่งเริ่มต้น แต่เป็นรักที่ยาวนานมากกว่าจะถึงวันแต่งงานก็ 18 ปี ทาเอนจอยทุกช่วงชีวิตของทา ทาไม่ได้เอนจอยช่วงที่พีคที่สุดอย่างเดียว ทาเอนจอยในทุกๆช่วง และทาดีใจที่มันมีตอนที่ลงมาบ้าง เพราะทาเองก็รู้สึกตลอดเวลาว่า ถ้าเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ทาคงไม่มีความสุขแน่ๆ เพราะในที่สุดทาก็เอนจอยในความเป็นจริงที่เราจับต้องได้ ช่วงที่พีค ก็ดังมาก ดังมากจริงๆ แบบฉุดไม่อยู่ และทาก็รู้สึก appreciate กับชีวิตของทาในวันนี้ ทาเลือกเองที่อยากให้เป็นแบบนี้ แล้วก็มีความสุขกับมันมากเหมือนเกิน ที่ได้มีลูกน่ารัก ได้มีสามีที่น่ารัก มีครอบครัว รวมถึงครอบครัวของสามีที่รักเรามากๆ รักมากจนบางทีเข้าข้างเรามากกว่าเข้าข้างสามี ซึ่งเป็นความรักที่เราสัมผัสได้ ไม่ได้ต้องมีอะไรเกิดขึ้น แต่บางอย่างเรารู้ เรารู้สึกปลอดภัย เสมอที่มีครอบครัวอยู่เคียงข้าง ”
“ทาเป็นคนจริงใจกับความรู้สึกของเขา” คุณหมอบอก แล้วพูดต่อว่า “ถึงจุดนี้ของชีวิต ทำให้รู้ว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร บางคนอาจจะเกิดมาเพื่อมีเงินมากมาย บางคนเกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อีกคนอาจจะอยากเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ส่วนผม ชีวิตนี้ผมเกิดมาเพื่อดูแลทา ดูแลเร และดูแล ครอบครัวของผม ผมมีความสุขที่จะทำอย่างนั้น ไม่ใช่ผมเป็นคนดีอะไรมากมาย ผมแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความสุขในการดูแลภรรยาและลูกของผม เพราะถ้าไม่มีความสุข ผมคงทำแบบนี้ไม่ได้”
…. ทุกอย่างดุจจัดวางไว้แล้ว ความรักของทั้งคู่ที่ต่างคนต่างต้องเดินทางผ่านช่วงต่างๆ ก็เพื่อจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน