เซเลบริตี้สาวมั่นคนเก่งที่ห่างหายไปจากแวดวงสังคมอยู่พักใหญ่ เพื่อทุ่มเทแรงกายใจสุดตัวให้กับ ‘หมวกใบใหม่’ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบ้านปาร์คนายเลิศ
คุณเล็กเล่าให้เราฟังว่า หลังจากที่ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ หรือคุณยายของเธอได้จากไปเมื่อ 4 ปีก่อน ทางครอบครัวปรึกษาหารือกันว่าควรเปิดเรือนหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดวิถีชีวิตของคนยุคคุณทวดคุณยายไว้เป็นมรดกของคนไทยสืบไป จึงมอบตำแหน่งและความรับผิดชอบนี้ให้สาวมากความสามารถอย่างคุณเล็ก
“เมื่อครอบครัวมอบตำแหน่งและความรับผิดชอบนี้ให้เล็กแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะบ้านปาร์คนายเลิศมีอายุนับร้อยปี การที่ไว้วางใจให้เจเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นเหลนอย่างเรามาดูแล ต้องไม่ทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง เล็กเป็นคนลงลึกในทุกรายละเอียด ตั้งแต่สั่งไม้จิ้มฟัน ออกแบบบัตรจอดรถกระทั่งจัดระบบคนทุกตำแหน่ง เล็กอยากจัดวางระบบพื้นฐานให้ดีตั้งแต่ต้น ต่อไปใครจะมารับช่วงต่อก็สามารถทำได้ง่าย”
ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่เริ่มตั้งแต่ให้ช่างจากอยุธยามาดีดบ้านให้สูงขึ้น ปรับปรุง ตกแต่ง กระทั่งลูกหลานช่วยกันจัดบ้านให้ย้อนกลับไปมีบรรยากาศเหมือนเมื่อครั้งคุณทวด พระยาภักดีนรเศรษฐ (นายเลิศ เศรษฐบุตร) พำนักอยูได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ขลุกขลัก หรือติดขัดอะไร คุณเล็กเชื่อว่าเพราะท่านผู้หญิงเลอศักดิ์เห็นถึงความตั้งใจจริงของลูกหลานที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทุกคนยังคงยึดถือปฏิบัติตามในสิ่งที่ท่านเคยฝากฝังไว้ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่าง ‘ต้นไม้’ “คุณยายพูดเสมอว่า ‘อย่าตัดต้นไม้ยายนะ’ เราไม่เพียงไม่ตัดต้นไม้ที่มีมาแต่ดั้งเดิมบนที่ดินผืนนี้ แต่ยังปลูกเพิ่มเติมขึ้นอีก เพื่อตกแต่งให้สวยงามต้อนรับแขกผู้มาเยี่ยมเยือนบ้านเรา”
อันที่จริงแล้ว ต้องนับถือความใจกว้างของลูกหลานท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ที่ยอมเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้บุคคลภายนอกได้มีโอกาสมาซึมซับบรรยากาศในสมัยก่อน ได้ชมของเก่าที่เก็บสะสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งได้ร่วมชื่นชมในความเสียสละเพื่อส่วนรวมของบรรพบุรุษสายสกุลเศรษฐบุตร ที่เกิดจากการเป็นผู้มีความคิดก้าวหน้านำสมัยของพระยาภักดีนรเศรษฐซึ่งล้วนเป็นประโยชน์แก่สังคม ไม่ว่าจะเป็นการริเริ่มการเดินรถโดยสารประจำทางสายแรกของกรุงเทพฯ กิจการเดินเรือ การนำเข้ารถยนต์จากยุโรปและอเมริกา รวมถึงการสร้างโรงน้ำแข็งแห่งแรกในกรุงเทพฯ หรือการสร้างโรงพยาบาลเลิดสิน
เมื่อถามถึงความคาดหวังของโครงการนี้คุณน้องเล็กเปิดใจว่า “เล็กไม่อยากโฆษณาชวนเชื่อให้ใครๆ ต้องมาชมพิพิธภัณฑ์บ้านปาร์คนายเลิศ เพราะเรือนไทยหรือของเก่าหาชมที่ไหนก็ได้ แต่ที่นี่ทุกอย่างมีเรื่องเล่า มุมนี้คุณทวดเคยกางมุ้งนอน คุณยายเคยจิบน้ำชายามบ่ายที่ระเบียงนั้น เครื่องเรือนทุกชิ้นคือของเก่าเก็บที่ตกทอดกันมา นำมาจัดวางเหมือนเมื่อครั้งอดีตตามที่คุณยายเคยเล่าให้ฟัง อยากให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง” คำเอ่ยชวนคนไปเยือนบ้านอย่างตรงไปตรงมา อาจไม่ใช่คำสละสลวย หากทุกคำส่งตรงจากใจของเธอ
มีโอกาสได้เจอคุณน้องเล็กทั้งที จะไม่อัพเดตเรื่องของหัวใจก็กระไร “ความรักตอนนี้แฮปปี้ดีค่ะ ไม่หวือหวา เล็กว่าความรักของเล็กโตขึ้นตามวัย เหมือนเล็กได้ผ่านหลายอย่างในเรื่องของความรัก สุดท้ายแล้วเล็กต้องการคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ คบกันแบบไม่ต้องพยายามมากจนเกินไป เพราะเล็กไม่สามารถเปลี่ยนความเป็นตัวเองได้เล็กจะบอกให้เขารู้เลยว่าเล็กเป็นคนแบบนี้นะ เขารับได้ไหม เราจะต่างเป็นตัวของตัวเองกันทั้งคู่ เพราะการต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้าหากัน บางครั้งก็เหนื่อยเกินไปที่จะต้องปรับตัวในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา ที่สำคัญเล็กเป็นคนทุ่มเทให้งานเยอะ นี่คือสิ่งที่เล็กจะบอกตั้งแต่แรก ส่วนคนที่เล็กมองหา คือผู้ชายที่เป็นคนทำงาน เล็กต้องการคนที่ไม่ยอมเล็กเราต้องชาเลนจ์กันได้ ที่สำคัญเราต้องคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งตอนนี้เล็กเจอคนที่ว่าแล้ว เป็นชาวต่างชาติค่ะ เรามีความเป็นเพื่อนต่อกันค่อนข้างสูง ไม่ได้มีแต่ความโรแมนซ์เดินจับมือกันตลอดเวลา ชีวิตเล็กตอนนี้เลยแฮปปี้ทุกอย่าง”