ด้วย passion ที่มีความมุ่งหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าอยากจะปกป้อง ‘ชีวิตคน’ อันถือเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่สุดในสังคม คุณปรางค์– อภินราศรีกาญจนาจึงเข้าร่วมทุนกับอีก 3 พาร์ตเนอร์ปลุกปั้นแจ้งเกิดธุรกิจ U Drink I Drive โดยขออาสาส่งพลขับทำหน้าที่ขับรถพาเหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีที่มักดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำทั้งหลายกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพทั้งเจ้าของรถและรถ ซึ่งไม่เพียงปกป้องชีวิตเขาคนนั้น ทว่ายังสามารถปกป้องอีกหลายๆคนที่อาจโดนคร่าชีวิตจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวมากมายผ่านสื่อต่างๆ
“ปรางค์เคยได้ตัวเลขหนึ่งมาว่า…ประเทศไทยเราในทุกๆ 3 วินาทีมีคนโดนชนแล้วเสียชีวิตจากเมาแล้วขับค่ะ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก แล้วคนที่เสียชีวิตเนี่ยไม่ใช่คนเมาที่อยู่ในรถนะคะ แต่กลายเป็นคนบนท้องถนน ซึ่งคนที่ถูกชนนั้นคุณไม่รู้หรอกว่า เขาเหล่านี้อาจเป็นพ่อ เป็นเสาหลักของครอบครัว นั่นส่งผลให้ภรรยาและลูกจะดำเนินชีวิตกันต่อไปยังไง มันทำให้ระบบนิเวศชีวิตของครอบครัวพังไปหมด ดังนั้นวันนี้…ทุกๆ เที่ยวที่มีบริการของเราส่งออกไป สมมุติคืนละ 200 เที่ยว แปลว่าคนไทย 200 คนไม่เสียชีวิตในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงทำให้หลายๆ ครอบครัวไม่สูญเสียคนที่พวกเขารัก”
จาก passion ข้างต้นได้สร้างธุรกิจสดใหม่แนวใหม่ในสังคมไทยเป็นที่กล่าวขานถึงวงกว้าง ใครจะนึกว่า U Drink I Drive ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงงานวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาตรี (คุณสิ-สิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์ หนึ่งในพาร์ตเนอร์ของธุรกิจนี้และเป็นเจ้าของวิทยานิพนธ์) แต่วันนี้ได้เกิดเป็นรูปธรรมที่ให้การช่วยเหลือสังคมในมุมเล็กๆ ทว่าผลลัพธ์กลับยิ่งใหญ่เพราะให้คุณค่าในชีวิตคน ทำให้ The Victor’s Society ภายใต้การดูแลของธนาคาร CIMB THAI ต้องขอเชิญคุณปรางค์มาบอกเล่าเรื่องราวการก่อร่างสร้างตัวธุรกิจจนสามารถช่วยเหลือสังคมได้ในอีกด้านหนึ่ง
ความสำเร็จจากส่วนผสมที่ลงตัวของ 4 พาร์ตเนอร์
“คนเรามี passion ไม่เหมือนกัน บางคนรับรู้ปัญหาแล้วนั่งเฉยๆ บางคนรู้แล้วลงมือทำ ซึ่งปรางค์และพาร์ตเนอร์ทั้งหมดเป็นอย่างหลัง และแม้ว่าพวกเรามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เรากลับสามารถเติมเต็มกันและกัน เปรียบพวกเราก็เหมือนรถยนต์คันหนึ่ง คนแรก คุณสิ (สิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์) เป็นซีอีโอ เธอเป็นคนเก่ง เป็นคนไขว่คว้าหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้เธอเหมือนน้ำมันเครื่องที่ดี ส่วนอีกคนคุณพีท (จิรายุ พิริยะเมธา ) ดูแลฝ่ายบุคคล และมีความรู้ด้านเทคโนโลยี ทำหน้าที่เลือกเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดให้กับธุรกิจทั้งหมด ก็เหมือนเป็นกูเกิลแม็ปทำหน้าที่พารถดีๆ เติมน้ำมัน แล้วไปวิ่งบนถนนทางเรียบในเส้นทางที่ถูกต้อง และเรายังมีคุณแอ๊พ (อัครเดช ประกิตสุวรรณ) อยู่ในส่วนของการตลาดและพีอาร์ เป็นคนที่รู้ว่าต้องขับรถคันนี้ไปที่ไหนก่อน ต้องเจอใครบ้าง ต้องบริหารจัดการอย่างไร ส่วนตัวปรางค์คือ Body ของรถที่ถ้าจอดอยู่เฉยๆ แต่ไม่มีเชื้อเพลิงก็ไม่มีคุณค่า ปรางค์ทำหน้าที่บริหารจัดการ รับปัญหาลูกค้า เรียนรู้ และแก้ไข เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าของเรา และนี่คือความเป็นเราสี่คนที่จะขับเคลื่อนพา U Drink I Drive ไปด้วยกันค่ะ”
มองเห็นปัญหาแล้วลงมือแก้ไข
คุณปรางค์เล่าว่า แรกเริ่มธุรกิจเธอเคยมีวันที่มีเงินทุนเหลือหลักพันเท่านั้น ทว่าจากนั้น 3 ปีธุรกิจก็เริ่มส่งสัญญาณตอบรับมีแนวโน้มสดใสขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของรถทั่วไป แต่ตอนนี้มีถึงรถระดับซูเปอร์คาร์ มีทั้งลัมโบร์กินีและเฟอร์รารี ทำให้ที่นี่ต้องมีพนักงานขับรถได้ในทุกรูปแบบ ซึ่งนั่นหมายถึงหลายคนเริ่มมองเห็นว่า ธุรกิจคนขับรถเช่นนี้เป็นทางเลือกเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง
“ทุกวันนี้ที่ทำจึงไม่ใช่เรื่องเงินแล้วล่ะ แต่เป็นเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งของตรงนี้ หากมองในระดับประเทศ ระดับโลกแล้ว สิ่งที่เราทำมันเล็กมากค่ะแต่ทุกๆครั้งที่มีคนบอกปรางค์ว่า ‘แม่ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่งลูกแม่เมื่อคืน แม่มีลูกชายคนเดียวอายุ 18 ถ้าไม่มาส่งลูกแม่ แม่ก็ไม่รู้จะอยู่ได้ไหม’ หรือมีภรรยาคนหนึ่งโทรมาบอกว่า สามีทำงานบริษัทญี่ปุ่นและเอนเตอร์เทนลูกค้าหนักมาก แล้วเขาเพิ่งมีลูก ไม่เคยนอนหลับสักคืน จนกระทั่งมีธุรกิจ U Drink I Drive ทำให้เขาหลับได้ เพราะรู้ว่าสามีจะปลอดภัย คำพูดเหล่านี้ทำให้เรามีกำลังใจตื่นมาทำงานในทุกๆ วันค่ะ
ซึ่งงานตรงนี้พูดได้เลยค่ะว่า ไม่ได้สวยงาม เป็นงานที่ต้องส่งคนขับรถออกไปให้บริการช่วงกลางคืน 3 ทุ่มถึงตี 5 ทุกวัน ต้องแก้ปัญหา เผชิญหน้ากับความเครียด บางคืนเคยเกิดเรื่องพนักงานเราโดนลวนลามตอนเกือบตี 2 ต้องช่วยแก้ปัญหาเขา หรือมีเคสลูกค้าอาละวาดพนักงานเราเรื่องรถโดนข่วน ที่แม้จะเป็นรอยนิดเดียวแต่มันคือเรื่องใหญ่ ก็ต้องรับมือกันให้ได้ เราจึงมีเทรนนิ่งให้พนักงานรับมือในสถานการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ อีกเรื่องที่สำคัญคือพนักงานขับรถของเราต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยหลังจบงานกับลูกค้าด้วยค่ะ เราจึงต้องทำแอพพลิเคชั่นปักหมุดให้รู้ว่าพนักงานเราอยู่ตรงไหน ส่งลูกค้าเสร็จก็เรียก Grab กลับกันได้เลย พวกเราทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำค่ะ ร่างกายเหมือนมีอะดรีนาลีนพุ่งตลอดคืนแทบไม่ได้พัก เรียกว่าสุขภาพก็เสียไปไม่น้อยจากการทำงานหนัก แต่ถามว่าทำไมปรางค์ยอมแลก นั่นเพราะสิ่งที่ได้ตอบกลับมันคือความรู้สึกดีๆจากการทำให้ชีวิตคนปลอดภัย คำพูดขอบคุณจากทุกคนทำให้เราภูมิใจและดีใจที่ได้อยู่ในธุรกิจนี้”
“ปรางค์รู้สึกเหมือนส่งตัวเองไปเรียนมหาวิทยาลัยทำปริญญา U Drink I Drive ซึ่งไม่รู้จะได้เรียนแบบนี้อีกเมื่อไหร่ สำหรับปรางค์ทำอะไรก็ได้ที่ขอให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และธุรกิจนี้มันมีเรื่องใหม่ๆ มาให้ปรางค์ทุกวันค่ะ ถามว่าเครียดไหม? พูดเลยว่าสุขภาพไปแน่นอน แต่ปรางค์เตรียมใจไว้แล้วค่ะ ทำงานตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 5 ร่างกายไม่เหมือนเดิม และไม่ใช่ปรางค์คนเดียว พาร์ตเนอร์เราทั้งหมดมีชีวิตแบบนี้เหมือนกันหมด เนื่องจากเราอายุยังน้อย ยังไหวกับการทำงานที่ทำให้ตัวเองสนุกทุกวันแบบนี้” ทั้งหมดเป็นเพียงประสบการณ์ที่เกิดปัญหาและทำให้คุณปรางค์ต้องแก้ปัญหาในแบบที่เธอบอกว่า เรียนรู้ปัญหาทุกอย่างจากคนทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายเธอมากๆ
และนี่คือความสำเร็จในการรวมพลังแห่งความทุ่มเทของกลุ่มคนที่ไม่เพียงแค่นั่งมองปัญหาสังคม แต่ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมลงมือช่วยเหลือสังคม สร้างธุรกิจที่เกิดจากไอเดียเล็กๆ อันเคยเป็นเพียงผลงานวิจัยบนกระดาษ ทว่าวันหนึ่งถูกสร้างสรรค์ด้วยหัวใจและความรับผิดชอบเกิดเป็น U Drink I Drive ที่ถูกสร้างการบริหารจัดการที่แข็งแรง โดยเฉพาะหัวใจของธุรกิจนี้คือ ‘พนักงานขับรถ’ ที่ไม่เพียงผ่านการอบรมและทดสอบทั้งงานบริการและการขับขี่รถทุกรูปแบบอย่างเข้มงวดเท่านั้น แต่ทุกคนขอทำหน้าที่ประหนึ่งฮีโร่ที่ในทุกๆ คืนได้ออกไปช่วยชีวิตคนให้กลับถึงบ้านปลอดภัย ซึ่งจากการเริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2556 จนถึงวันนี้ ธุรกิจนี้ได้มอบผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตคนไทยไปแล้วหลายร้อยหลายพันชีวิต เราเชื่อว่า …วันหนึ่งคุณจะเป็นอีกคนที่อยากขอบคุณ U Drink I Drive ที่สามารถปกป้องชีวิตคนที่คุณรักปลอดภัยจากการขับรถบนถนนยามค่ำคืน
ติดตามเรื่องราวของ The Victor ได้ที่
Be The Victor by CIMB THAI Bank

bethevictorbycimbthai