7 YOUNG WONDERS: ‘คุณบิ๊กกี้-คณิน นันทาภิวัฒน์’ หนุ่มวิศวะสุดเข้มกับรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบ Work Life Balance
หนุ่มวิศวะเครื่องกลคนรุ่นใหม่ ‘คุณบิ๊กกี้-คณิน นันทาภิวัฒน์’ ผู้ผันตัวเองสู่โลกดิจิทัล ทายาทคนกลางของ ‘คุณวรพงศ์ – คุณปิยดา นันทาภิวัฒน์’ เจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่รอให้ลูกๆ กลับมาต่อยอด ทว่า เจ้าตัวขอเลือกหาประสบการณ์การทำงานจากโลกภายนอก ก่อนกลับมาทุ่มเทพลังให้กับครอบครัว กว่าสิบปีที่ผ่านมา คุณบิ๊กกี้ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพราะเขาบินลัดฟ้าตามพี่สาว (อภิชญา นันทาภิวัฒน์) พี่ชาย (นนทพัทธ์ นันทาภิวัฒน์) ไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลียตั้งแต่ 11 ขวบ ก่อนย้ายไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาตอน 13 ขวบ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นยาว กระทั่งจบปริญญาตรี Mechanical Engineering จาก Boston University
ขอสามคำบ่งบอกความเป็นเรา
“ผมใช้ชีวิตเรียบง่าย ลุยๆ ชอบทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ อย่างเช่น ดำน้ำ ขี่มอเตอร์ไซค์ เดินป่า คล้ายคุณพ่อ เพราะท่านพาผมลุยตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมไม่กลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ อย่างเช่น ในการทำงาน อยากทำสิ่งไหน ก็ลองทำดูเลย ส่วนตัวผมค่อนข้างตรงไปตรงมา และมองว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคุยกันรู้เรื่อง เข้าใจกัน จะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุด”

เป็นสายลุยเหมือนที่กำลังลุยงานอยู่ตอนนี้ใช่ไหม
เขายิ้มกว้างและตอบว่า “ผมโชคดีที่ช่วงใกล้จบ มีเพื่อนแนะนำว่าบริษัท Accenture Solutions รับนักศึกษาฝึกงาน จึงลองสมัครดู พอฝึกจบ พี่ๆ ให้มาสัมภาษณ์และรับผมเข้าทำงานเป็น ‘Digital Marketing Analyst’ (Technology Consultant) เป็นที่ปรึกษาให้บริษัทลูกค้าต่างๆ ที่ใช้บริการบริษัทฯเรา เช่น ลูกค้าทำธุรกิจรีเทล เราก็จะทำแอพพลิเคชั่นให้ วิเคราะห์ดาต้าเบสหลังบ้านให้ เชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อนำมาวิเคราะห์และพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง หรือถ้าลูกค้ามีโจทย์ว่าอยากทำแคมเปญอะไร เรามีหน้าที่ในการหาวิธีมานำเสนอว่าทำอย่างไรได้บ้าง จนถึงตอนนี้ผมทำมาเกือบสองปีแล้ว และยังสนุกกับงานนี้ทุกวัน ทั้งที่ไม่ใช่สิ่งที่เคยเรียนมา ต้องศึกษาและเรียนรู้เอง ส่วนวิชาที่เรียนมา อาจช่วยในแง่ของหลักการคิด และเหตุผลต่างๆ แต่ในการลงมือปฏิบัติ เรายังต้องเรียนรู้ไปกับมันทุกวัน”
หลักคิดการดำเนินชีวิตคุณบิ๊กกี้คืออะไร
“สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอน และกลายมาเป็นหลักการใช้ชีวิตของผมคือ รักสัตว์ รักธรรมชาติ มีเมตตา ใช้ชีวิตเรียบง่าย ต้องรู้จักอดทน อย่ายอมแพ้ง่ายๆ รู้จักเป็นผู้ให้และผู้รับ อย่างเราคอยช่วยเหลือเพื่อน ขณะเดียวกันเราก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนเช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาความพอดีในชีวิต แบ่งแยกเวลาระหว่างเรื่องส่วนตัว ครอบครัว และการงานให้ดี โดยเฉพาะคนใกล้ชิด ต้องมีความพอดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เพราะผมเชื่อว่ามิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ”
คุณบิ๊กกี้มองคนรุ่นใหม่กับการช่วยเหลือสังคมอย่างไร
“อย่างที่บอกว่าคนเรารู้จักรับแล้ว ต้องรู้จักให้ด้วย ไม่ใช่ทำงานหาเงินอย่างเดียว ต้องรู้จักแบ่งปันให้สังคมและผู้อื่นด้วย ชีวิตจะได้บาลานซ์กันในทุกมิติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวผมเน้นสอนมาตลอดตั้งแต่เด็ก อย่างปีที่แล้ว ช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก มีการปิดตลาดคลองเตย ห้ามชาวบ้านในชุมชนเข้า-ออก จึงออกมาทำมาหากินไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในบ้านคุณพ่อคุณแม่คุยกับผมตลอดว่าชุมชนที่อยู่ใกล้บ้านเราเขาเดือดร้อน น่าเห็นใจ ถ้าเราช่วยได้ก็ควรช่วย ผมจึงประกาศระดมเงินบริจาคในอินสตาแกรมส่วนตัว ปรากฏว่าเพื่อนๆ ที่รู้จักพากันโอนเงินบริจาคมาให้ผม 300,000 บาทภายในเวลาสามสัปดาห์ จากนั้นผมสั่งร้านอาหาร ให้ทำอาหารส่งชุมชนคลองเตย และบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นรอบๆ เช่น รอบนี้ให้ทำอาหารกี่กล่อง ให้ไปส่งที่ไหน แล้วเราก็ประสานงานกับร้านอาหารเป็นรอบๆ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พร้อมกับอัพเดตให้เพื่อนๆ รู้ว่าเราทำอะไรไปแค่ไหนอย่างไรแล้วบ้าง ก็ดีใจนะที่เพื่อนเชื่อถือ และรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ที่ดีใจมากขึ้นคือมีคนอื่นมาร่วมกับเราในการช่วยเหลือสังคม”
เรียกว่าเป็น ‘พลังคนรุ่นใหม่’ ที่ช่วยสร้างสรรค์สังคมจริงๆ
เขายิ้มก่อนเปรยว่า “สังคมโซเชียลและเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาในชีวิต ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ได้มากขึ้น ซึ่งข้อมูลความรู้นี่แหละ ที่กลายเป็นอาวุธของคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันต้องรู้จักใช้ให้ถูกทางด้วย เพราะทุกวันนี้มีข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก จนอาจทำให้ผู้คนแตกแยกกันได้ง่าย จึงต้องรู้จักแยกแยะให้ได้ว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด สิ่งไหนเชื่อถือได้หรือไม่ได้ คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องกลั่นกรองข้อมูลให้ดี และเชื่อมโยงเทคโนโลยีเหล่านั้นเข้ากับการศึกษาและการทำงาน จะได้นำไอเดียใหม่ๆ มาสร้างประโยชน์ และพัฒนาพื้นฐานของสังคมเพื่อคนรุ่นต่อไป”

ติดตามบทสัมภาษร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ 7 Young Wonders: พลังของคุนรุ่นใหม่ หนุ่มสาว
ทายาทตระกูลดังกับแนวคิดสุดล้ำจากมุมมองที่แตกต่าง
ได้ในนิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนมีนาคม 2565′ วางแผงแล้ววันนี้
? ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
? สั่งซื้อออนไลน์ที่
shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth