‘เบบี้พอล’ แก้วตาดวงใจแห่งความผูกพัน 3 เจเนอเรชั่นของ อลิสา พันธุศักดิ์และ ดร.ภูวนาท คุนผลิน
เมื่อพูดว่า ‘เบบี้พอล’เชื่อเลยว่านอกจากทุกคนจะต้องร้องอ๋อ และ ใบหน้าจะต้องปรากฏรอยยิ้มขึ้นอย่างม่ทันรู้ตัวอย่างแน่นอน เพราะ ‘น้องพอล-ภูริท พันธุศักดิ์ คุนผลิน’ หรือ ‘เบบี้พอล’ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหนุ่มหล่อมากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร ดีเจ ซึ่งไม่ใช่ใครที่นั้นนั่นคือ ‘คุณอั๋น-ดร.ภูวนาท คุนผลิน’และศรีภรรยาหญิงแกร่งคุณแม่ของสาวๆข้ามเพศ ที่คุณอั๋นมักพูดเสมอว่า เธอมีความแมนมากกว่าตัวเอง‘คุณจ๋า-อลิสา พันธุศักดิ์’ วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ทั้ง 3 ว่างตรงกันเลยเปิดโอกาสให้ HELLO! ได้พูดคุยอัพเดตกันสักหน่อยว่าจากชีวิตที่มีแต่การทำงาน ปัจจุบันนี้มีลูกแล้วเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน…?
“ตั้งแต่มีน้องพอล รู้สึกบ้านมีชีวิตชีวานะคะ ทั้งวันมีแต่เสียงหัวเราะ เป็นความสุขที่บอกไม่ถูกนะคะ” คุณย่า (ดร.มาลีรัตน์ คุนผลิน)
“มีน้องพอล เหมือนมีพลังงานที่เคลื่อนไหวอยู่ในบ้านมากขึ้นมากๆ เลยครับ” คุณพ่อมือใหม่ ยอมรับ
“ลูกกลายเป็นศูนย์รวมให้พี่น้องได้มาเจอกัน และได้ใช้เวลาร่วมกันบ่อยขึ้น มีกิจกรรมครอบครัวร่วมกันมากขึ้น Family Room จะย้ายตามลูก” คุณจ๋าเสริม

“สิ่งที่ดีของการเป็นครอบครัวใหญ่ มีอะไรคุณย่าคุณป้าช่วยกันเลี้ยงน้องพอลตลอด” คุณจ๋าบอก “ตั้งแต่เช้ากระทั่งหัวถึงหมอน ไม่คุณป้า ก็คุณย่าจะผลัดมือกันมาตลอด ตื่นเช้ามา คุณป้าแอน (ดร.ภูวนิดา คุนผลิน พี่สาวคนโตและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร) ก็มาหา คุณป้าเอ๋นี่วิ่งมาหาทุกเช้าอยู่แล้ว ให้จ๋าได้มีเวลาส่วนตัวไปอาบน้ำแต่งตัว มีอะไร เราพึ่งพากันได้หมด นี่กำลังไปดูโรงเรียนให้น้องพอล คุณป้าเอ๋ก็ช่วยไปดูด้วย”
“พอผมมีลูก ผมนึกในใจบ่อยมากว่า ใครก็ตามที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ มหัศจรรย์มากครับ เค้าต้องมีมือสัก 8 มือที่จะเลี้ยงเด็กสักคน น้องพอลไม่เคยอยู่นิ่งเลย”
“เมื่อก่อนนะคะ ลูกๆ กลับบ้าน ทุกคนจะขึ้นไปหาคุณแม่ที่ห้อง เดี๋ยวนี้ คุณแม่จะถูกลืมแล้ว ทุกคนกลับบ้านเดินไปหาน้องพอลที่ห้อง” คุณย่าย้อนความหลัง
“เพราะใครไปหาคุณแม่ที่ห้อง จะไม่ค่อยเจอ คุณแม่ไปอยู่ที่ห้องน้องพอลตลอด” คุณอั๋นยังเล่าความเห่อหลานสุดๆ ของคุณย่าไม่จบ “คุณแม่ผมที่ห้องเค้าจะมีทีวีวงจรปิด เหมือนอยู่ในห้อง รปภ. อารมณ์ประมาณนั้น วันหนึ่ง เขากดหาน้องพอลที่ห้องขึ้นจอใหญ่ตึ้งๆๆ ไม่เห็นน้องพอล ‘น้องพอลอยู่ไหน’สั่งพักก็สั่งมาในกรุ๊ปไลน์ของครอบครัวเลยครับ ‘ติดกล้องวงจรปิดทุกจุด ถ้าน้องพอลไม่อยู่ที่ห้อง แม่เปิดจอ ต้องเห็นทันทีว่าอยู่ที่ไหน ทุกทางเดินในบ้านต้องเห็นหมด’แม้แต่สนามก็ยังมีกล้องครับ พี่เลี้ยงพาไปเดินที่สนาม คุณย่าก็ยังต้องเห็นครับ”
“แม่ติดเพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่อะไร” เสียงคุณย่าที่เอ่ยแก้ตัวมามีแววเขินอยู่ “ถ้าหลานไม่อยู่บ้าน” คุณจ๋าเสริม “เราต้องรีบส่งรูปมาให้ดูว่าอยู่ที่ไหน”
“ผมเป็นลูกคนเล็ก” คุณอั๋นบอก “ผมได้รับความสนใจมากในบ้าน ไม่ได้ลำเอียงนะ คุณแม่จะถามตลอด ‘หิวไหม กินหรือยัง’แต่ตั้งแต่ผมมีลูกนะ ผมตกกระป๋องอย่างสมบูรณ์แบบ เรารู้ว่าคุณแม่รักนะ แต่มันคนละเรื่องกับน้องพอลเลยจริงๆ เจอหน้าผม 99% ของบทสนทนาเป็นเรื่องน้องพอล”
“ผมจะออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพื่อให้ทันเริ่มจัดรายการวิทยุตอนตีห้า ฉะนั้นช่วงเข้าผมจะไม่เจอใครทั้งสิ้นในโลก น้องพอลจะตื่นช่วงเจ็ดโมงเช้า กินนมเสร็จ พี่เลี้ยงก็จะอุ้มออกมาหาคุณปู่ที่ลานหน้าบ้าน คุณพ่อผมจะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ มีอยู่วัน คุณพ่อเคาะประตูเข้ามาหาเราตอนดึกๆ เราก็ ‘ป๊ามีอะไร’คุณพ่อบอก ‘เมื่อเช้าไม่เห็นพอลมาหา ก็เลยมาดูว่ามีอะไรหรือเปล่า’ผมงี้แอบยิ้ม เห็นคุณพ่อนิ่งๆ ‘อือ…ก็เห่อเหมือนกันเนอะ’” คุณปู่-ร้อยเอกชม คุนผลิน ก็ดูจะเห่อหลานไม่แพ้คุณย่า
2 Supermoms
ครอบครัวคุณจ๋าเองก็เห่อหลานยายไม่ได้น้อยหน้าคุณย่ามาลีรัตน์ เวลาน้องพอลไปอยู่บ้านคุณยายอรวรรณที่พัทยา ผู้ใหญ่ทั้งบ้านจะเดินกันให้ว่อนรอบๆ ตัวน้องพอล พอหลานจะกลับกรุงเทพ คุณยาย คุณป้า และอาโกซึ่งต่างคนก็ต่างอายุมากและเดินไม่ถนัด ก็ยังเดินถือไม้เท้าออกมาส่งน้องพอลกันถึงประตูรถ ผลัดหอมผลัดกอดจนหลานจะน่วม แล้วก็ทรุดนั่งเรียงกัน 3-4 คนยกมือบ๋ายบายหลานน้อยกันเป็นแถว เป็นภาพที่คุณจ๋าถ่ายคลิปเก็บไว้ เปิดดูทีไร เธอก็ยังชื่นใจ
ต้องเล่านิดว่า คุณจ๋าเองปัจจุบันยังรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีเอส โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ของครอบครัวเธอ ซึ่งมีธุรกิจครอบคลุมทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึง ‘ทิฟฟานีโชว์ พัทยา’‘ทิฟฟานีโชว์’ถือเป็นแลนด์มาร์กของเมืองพัทยาที่ทั่วโลกรู้จักกันมากว่า 40ปี ทุกอาทิตย์ คุณจ๋าจะต้องวิ่งร่อนไปกลับกรุงเทพ-พัทยาเพื่อทำหน้าที่ CEO บริษัท ควบตำแหน่งภรรยา และคุณแม่น้องพอล ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ทั้งคู่คบกันมา 9ปี คุณอั๋นขอคุณจ๋าแต่งงานหลายครั้งกว่าเธอจะเซย์เยส
“คุณจ๋าเป็นผู้หญิงทำงานตลอดทั้งชีวิต” คุณอั๋นบอกอย่างคนเข้าใจภรรยา “และเหตุผลที่เราแต่งงานกันช้า หรือเกือบจะไม่แต่ง เพราะเธอให้ความสำคัญกับงานเป็นอันดับแรกๆ เธอคงให้ครอบครัวเธอมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นงาน ผมอยู่หลังๆ แต่เราไม่ได้น้อยใจ ตอนเป็นแฟน ออกงานด้วยกัน ผมจับมือ เธอยังสะบัดมือผมทิ้ง ต่างคนต่างเดิน บังเอิญเราโตแล้ว มันโตมากจนรู้สึกขี้เกียจจะโกรธ แต่ก็ตระหนักอยู่ในใจ แต่พอเราแต่งงานกัน จ๋าเค้า Reorganize ชีวิตใหม่หมดเลย เธอจัดอันดับความสำคัญในชีวิตใหม่ ซึ่งผมรู้ว่า สำหรับจ๋าที่ผมรู้จัก นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอมากในการที่เธอให้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตกับครอบครัวและลูก นี่คือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิงคนนี้ เธอเปลี่ยนไปมาก เธอให้เวลากับผม และตั้งใจกับการเป็นภรรยา”
“เมื่อเรา commitในการแต่งงาน เราก็ commitในการเป็นภรรยา” คุณจ๋าบอกตรงๆ “ทำอะไรก็เลยกลายเป็นสองคน ทำอะไรก็ต้องให้เกียรติเขา เพราะเราเป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน กลายเป็นว่า เราต้องทำงานโดยจัดเวลาตามเขากับลูก”
“ผมเองว่างเมื่อไร” คุณอั๋นบอก “ก็จะไปพัทยา ไปขับรถให้จ๋าก็ได้ อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน ความรักถ้าจะทอนลงมาให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้มากที่สุด คือคุณรักใคร คุณให้เวลากับคนๆ นั้น เมื่อไรที่ผมว่าง ผมก็จะพัทยา ซึ่งเวลาไปที่นั่น จ๋าเค้าจะมีอาณาจักรเค้าที่นั่น เค้าจะมีโรงแรม มีร้านอาหาร เดี๋ยวกินร้านนี้ เดี๋ยวไปกินร้านนู้น เฉพาะในโรงแรมก็หลายร้านแล้ว ข้างนอกอีกหลายร้าน ทั้งวันวนอยู่ในอาณาจักรของเค้า”
ติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 14 ฉบับที่ 10 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 2562
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com