BEAUTIFUL 16: วิกกี้ – อรธิรา ภาคสุวรรณ เผยสกิลการค้ากับธุรกิจแรกในวัยเพียง 16 ปี
ใครจะคิดว่า ความทรงจำวันวานวัย 16 ปี ของเซเลบริตี้อารมณ์ดีอย่าง ‘คุณ วิกกี้ – อรธิรา ภาคสุวรรณ’ จะขมขื่นจมอยู่ในกองน้ำตาได้ ทว่าเหตุเกิดจากเป็นปีแห่งการออกไปเผชิญโลกกว้างครั้งแรกในชีวิต “ตั้งแต่เกิดกี้ไม่เคยห่างจากอ้อมอกคุณพ่อคุณแม่ไปไหนไกลนานๆ เลย จนกระทั่งอายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ ที่บ้านส่งไปเรียนต่อไฮสคูลที่อังกฤษ ประมาณปี 1986 กี้จำตัวเลขนี้ได้ขึ้นใจเลยค่ะ เพราะเป็นปีที่โหดร้ายมากสำหรับตัวเอง ต้องย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำใน เมืองเคนท์ ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ
จริงๆ ก็ไม่ไกลจากลอนดอนเลย แต่เป็นเมืองที่เงียบสงบมาก คือเรียกง่ายๆ ว่าโรงเรียนล้อมรอบไปด้วยป่าเขา ไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย แค่จะออกไปนอกรั้วโรงเรียน ยังต้องปั่นจักรยานไกลเป็นกิโล แรกๆ ที่ย้ายไปอยู่ที่นั่น ร้องไห้ทุกวัน งอแงเหมือนเด็กอนุบาลหมีน้อยเลยค่ะ แล้วบรรยากาศที่อังกฤษยิ่งช่วงฤดูหนาว ก็จะครื้มๆ ชวนเหงาสุดๆ คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัวตลอดเวลา”

หลังเกริ่นนำความเศร้าที่ได้พบเจอให้ฟังกันตั้งแต่แรก จากนั้นคุณวิกกี้ก็บอกถึงความเข้าใจที่ครอบครัวส่งไปเรียนต่างประเทศต่อเลย “ตอนนั้นเรารู้ว่า คุณพ่อคุณแม่หวังดี อยากให้เราไปเรียนรู้การใช้ชีวิต ออกไปหาประสบการณ์ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้โกรธอะไร แต่แค่รู้สึกเหงาในช่วงแรก จากเด็กที่ไม่เคยไกลบ้าน จะให้ตัดใจในวันสองวันคงทำไม่ได้ ร้องไห้อยู่นานเป็นเดือนสองเดือนเลยค่ะ อีกอย่างสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารก็ใช่ว่าจะง่ายเหมือนเดี๋ยวนี้ ไม่มีโทรศัพท์ให้กดโทร.หาเล่าเรื่องราวปรับทุกข์ได้ในทันที ต้องนั่งเขียนจดหมายหากัน อีกหลายวันกว่าจะถึง
ทุกวันพอมีเวลาว่างกี้ก็จะนั่งเขียนจดหมายหาทุกคนในครอบครัว แล้วก็ลามไปจนถึงเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่เมืองไทยด้วยกัน มันเหงามากจริงๆ ค่ะ ไม่รู้จะแก้เหงาด้วยวิธีไหน และยังจำได้ว่า มีครั้งหนึ่งตอนที่เขียนจดหมายหาคุณพ่อคุณแม่แล้วน้ำตาก็ไหล แล้วหยดลงบนกระดาษ จนกลายเป็นคราบ เราก็เอาปากกามาวงคราบน้ำตานั้นไว้ พร้อมเขียนข้อความกำกับว่า ‘นี่คือน้ำตาของลูก’ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไปเพื่ออะไร จะเรียกคะแนนสงสารก็ไม่ใช่ จะขอความเห็นใจก็ไม่เชิง เพราะรู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะได้กลับบ้าน”



อย่างไรก็ตามคุณวิกกี้ยังบอกด้วยว่า ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ที่วันนั้นไม่ยอมใจอ่อน แล้วมารับเธอกลับเมืองไทย เพราะหลังจากที่เริ่ม ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้แล้ว เธอก็เริ่มสนุกกับการใช้ชีวิต พยายามหาอะไรเยียวยาจิตใจไม่ให้คิดถึงบ้าน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ปลอบประโลมเธอได้ดีเลย คือ ‘มาม่า’ รสชาติต่างๆ ที่จัดส่งไปจากเมืองไทย ที่นอกจากจะคลายความหิวให้เธอได้แล้ว ยังช่วยให้หายคิดถึงอาหารไทยไปชั่วขณะ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของวีรกรรม ที่ไม่เพียงแค่คุณวิกกี้ที่จำได้ไม่ลืมเลือน แต่คุณพ่อคุณแม่ของเธอเอง ยังเอาเรื่องวัยเยาว์ของลูกสาวไปเล่าต่อกันอย่างสนุกสนาน แถมไม่แปลกใจกันเลยที่ตอนนี้ลูกสาวจะแฮปปี้ กับการทำงานในศูนย์การค้าฯเอามากๆ



“ตอนนั้นกี้ชอบกินมาม่ามาก ดังจะเห็นจากในภาพเก่าที่กำลังนั่งกินมาม่าอยู่ คุณพ่อคุณแม่ส่งไปให้เป็นลังๆ เลยค่ะ และด้วยความที่เป็นคนหัวการค้าตั้งแต่เด็กๆ เราก็เอามาม่าที่คุณพ่อคุณแม่ส่งมาให้ ไปขายต่อให้เพื่อนๆ ชาวต่างชาติ สมัยนั้นห่อละ 5 บาท แต่เราเอาไปขายในราคา 1 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยก็น่าจะประมาณ 50 บาท กำไรล้วนๆ พอของหมดก็เขียนจดหมายบอกที่บ้านให้ส่งมาเพิ่มอีกเรื่อยๆ ซึ่งทุกคนก็คิดว่าเรากินเก่ง ที่ไหนได้เอาไปขายเกร็งกำไร แล้วเอาเงินที่ได้ไปช้อปปิ้งต่อ จนทุกวันนี้ยังโดนแซวไม่เลิกเลยค่ะ (หัวเราะ)” คุณ วิกกี้ – อรธิรา ทิ้งท้ายความทรงจำที่แสนสุขใจ
ติดตามบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟย้อนวันวาน
‘Beautiful 16 ของ 16 เซเลบริตี้คนดัง’
ได้ในนิตยสาร HELLO!
‘ฉบับเดือนมีนาคม 2565′ วางแผงแล้ววันนี้
📞 ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
🛒 สั่งซื้อออนไลน์ที่
shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth