คุณลูกหนู – ไพรำ ชุมพล ณ อยุธยา คือบุตรีเพียงคนเดียวของ ‘ม.ล.สุภสิทธิ์ ชุมพล’ และ นอกจากจะเป็นลูกหลานราชสกุล ชุมพล ที่สืบสายสกุลจากเสด็จเทียด ‘พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์’ การมาเยือนพระราชวังพญาไทยังมีเรื่องราวที่ผูกพันกับท่านทวดของเธอ ‘หม่อมเจ้าหญิงพวงรัตนประไพ’ (ราชสกุล เทวกุล) ที่ครั้งหนึ่งทรงเคยพำนักอยู่ที่นี่ ภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

READ MORE: เปิดประวัติ 6 ‘นามสกุลพระราชทาน’ จากล้นเกล้า ‘รัชกาลที่ 6’
ความรักความผูกพันที่แม้จะไม่เคยได้พบกันกับบรรพบุรุษทุกท่าน คุณลูกหนูมีอย่างเต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับสายเลือดที่ถ่ายทอดความเป็นศิลปิน พอ ๆ กับความเป็นนักสู้จากเสด็จเทียด ที่เธอได้รับมาเต็ม ๆ เช่นกัน โดยเสด็จในกรมฯ นั้นมีพระปรีชาในด้านงานช่าง ทรงเคยประดิษฐ์เครื่องประดับทองให้หม่อมเจียงคำได้สวมใส่ ในขณะที่หม่อมเจ้าอุปลีสาณมีความสามารถทั้งในด้านการวาดภาพ แกะสลักและการปั้น คุณลูกหนูเองเริ่มวาดภาพตั้งแต่อายุราว 3 ขวบ และตัดสินใจเข้าเรียนด้าน Fine Art Painting ที่ Pratt Institute บรูคลิน นิวยอร์ก
“หลังจากที่ลูกหนูเรียนจบ คล้ายกับว่าเราคั้นความสามารถด้านการวาดภาพไปหมดแล้วตอนทำธีสิส จึงอยากกลับไปหาประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่เคยชอบมาตั้งแต่สมัยมัธยมดูบ้าง เลยขอไปดูงานที่ห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ในโรงพยาบาลของรัฐ ก่อนที่จะกลับไปเรียนขับเครื่องบินหลักสูตร PPL ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย”
เริ่มแรกนั้นเธอตั้งใจจะไปเรียนที่ Long Island ในนิวยอร์ก ก่อนที่จะกลับมาก็ได้ไปดูสถานที่รวมทั้งอพาร์ตเมนต์เอาไว้เรียบร้อยแล้วแต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวาย รวมทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก เธอจึงตัดสินใจเข้าเรียนที่ Bangkok Aviation Center การเลือกที่ตอบโจทย์ความชอบของตนเองทำให้คุณลูกหนูรู้สึกกลับมามีไฟ และสนุกไปกับทุกบทเรียนที่ได้เรียนรู้ ในขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงเลือดของนักสู้ ที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ชอบความท้าทาย

หากถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่ลูกหนูภาคภูมิใจกับการได้เป็นลูกหลานของสายสกุลชุมพล ลูกหนูคิดว่านั่นคือความเป็นนักสู้ของบรรพบุรุษแต่ละท่านในยุคสมัยของสมเด็จเทียด ท่านสู้เพื่อประเทศและประชาชนมามากมาย ลูกหนูก็ภูมิใจที่ได้เป็นลูกหลานของท่าน ส่วนตัวลักษณะนิสัยของลูกหนู จะเป็นคนที่สู้เพื่อคนที่รักเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัว ทำให้คิดว่าเราน่าจะได้ลักษณะนิสัยของบรรพบุรุษมา ในขณะเดียวกันยังเป็นคนที่มุ่งมั่นพุ่งตรงไปข้างหน้า และไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ต่อให้จะยากขนาดไหน ซึ่งคิดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะอยู่ในสายเลือดของตัวเอง”
คุณลูกหนูกล่าว
ในช่วงที่เสด็จในกรมฯ เดินทางไปรับราชการในมณฑลอีสานนานกว่า 17 ปี ดินแดนแถบนั้นนับเป็นพื้นที่ซึ่งห่างไกล มีความเสี่ยงจากการแทรกแซงของต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นท้องที่ใหญ่ซึ่งครอบคลุมจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และจำปาศักดิ์ จึงต้องอาศัยพระปรีชาสามารถในด้านการปกครองประกอบกับความกล้าหาญเป็นหลักสำคัญ ทรงสร้างคุณูปการให้จังหวัดอุบลราชธานี และในเขตพื้นที่ปกครองของท่านมากมาย ทำให้มีพระอนุสาวรีย์ของเสด็จในกรมฯ ตั้งอยู่ในสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทั่วเมืองอุบล เช่น ในค่ายสรรพสิทธิประสงค์ และในโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ นอกจากนี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมายังมีการสร้างพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ณ ทุ่งศรีเมืองภายในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เช่นเดียวกับถนนสรรพสิทธิ์ ถนนที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแห่งพระกรุณาธิคุณ
นอกจากนี้โอรสของพระองค์ท่าน หม่อมเจ้าอุปลีสาณ ชุมพล ยังได้ประทานที่ดินส่วนพระองค์คือ ‘สวนโนนดง’ ให้เป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลประจำจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ พระบิดา ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี

การได้มาเยือน พระราชวังพญาไท ในครั้งนี้นับว่าเป็นส่วนหนึ่งในความผูกพันของครอบครัวคุณลูกหนูเช่นกัน เนื่องจากท่านทวดของคุณลูกหนู หม่อมเจ้าหญิงพวงรัตนประไพ เมื่อมีพระชันษาได้ 2 – 3 ปี ได้ถวายตัวเข้าอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยพำนักอยู่กับพระราชนัดดาและปนัดดาบางพระองค์ เช่น สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 (เมื่อยังดำรงพระยศเป็นหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณกรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์) ณ ปีกตะวันตกชั้นล่างของพระตำหนักสวนสี่ฤดู พระราชวังดุสิต
“ตอนเด็ก ๆ ญาติผู้ใหญ่มักพูดกันว่าลูกหนูหน้าเหมือนท่านทวด” คุณบีบี้-สุอาภา ชุมพล ณ อยุธยา มารดาของคุณลูกหนูเล่า จวบจนเมื่อโตขึ้นความคล้ายอาจจะลดลง แต่ลักษณะนิสัยของการเป็นคนรักครอบครัวมาล้วนไม่ต่างกัน “ลูกหนูให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวเวลาอยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่จะเลี้ยงลูกหนูเหมือนเป็นพี่น้อง ท่านไม่เคยบอกว่าเธอเป็นลูก ต้องทำตามสิ่งที่ฉันบอกทุกอย่าง ในทางกลับกันหากเรามีปัญหา ทำเรื่องดีหรือไม่ดีมา ลูกหนูไม่รู้สึกกลัวที่จะบอกพ่อแม่”
ช่วงเรียนไฮสคูล คุณพ่อคุณแม่ของคุณลูกหนูตัดสินใจส่งลูกสาวคนเดียวไปเข้าเรียนในโรงเรียนประจำที่สหรัฐอเมริกา พอเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็ย้ายไปอยู่นิวยอร์ก หลายคนถามคุณแม่ของเธอว่าเหตุใดจึงกล้าส่งลูกสาวคนเดียวให้ไปอยู่คนเดียวที่รัฐนี้ “แม่เล่าว่าแม่ตอบไปว่า ‘If she can make it there, she’ll make it anywhere.’ ก็คือถ้าเอาตัวรอดที่นั่นได้ จะไปอยู่ที่ไหนก็ไปได้ด้วยความที่เราสามคนเป็นคนลุยอยู่แล้ว และท่านเชื่อมั่นว่าลูกหนูดูแลตัวเองได้ ท่านจึงกล้าปล่อยให้ไปอยู่คนเดียว”.