เพราะรักในการวาดรูป ถ่ายภาพ เล่นดนตรี ทั้งเล่นระนาดเอกและเป่าแซกโซโฟนมาตั้งแต่เด็กๆ ‘น้องลูกหนู – ไพรำ ชุมพล ณ อยุธยา’ ทายาทรุ่นที่ 5 ของราชสกุลชุมพล หลานสาว วัย 19 ปี ของคุณปู่ ม.ร.ว.จาตุรีสาณ ชุมพล จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถหลากหลายด้าน อีกทั้งเธอยังเป็นเด็กสาวที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และกล้าลองทำทุกอย่างด้วยตัวของเธอเอง จากการเลี้ยงดูแบบให้อิสระทางความคิดกับลูกสาวเพียงคนเดียวของ ‘คุณพ่อหนู – ม.ล.สุภสิทธิ์ ชุมพล และ ‘คุณแม่บีบี้ – อาภา ชุมพล’

“ความจริงต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เคยบังคับ หรือกำหนดเส้นทางชีวิตให้เราเดินแบบตรงเป๊ะๆ แต่ท่านจะขีดเส้นบางๆ ไว้เป็นการเตือนว่า บางอย่างอาจจะทำแล้วเกิดผลไม่ดีกับเรานะ แต่บางอย่างถ้าคิดว่า เมื่อทำลงไปแล้ว ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นก็ทำไป อย่างตอนที่ตัดสินใจย้ายโรงเรียน จาก Shrewsbury International School ไปเรียนต่างประเทศ เพราะอยากเข้าเรียน Fine Art ซึ่งท่านก็ไม่ได้ห้ามอะไร กลับสนุนอย่างเต็มที่”

จากตอนแรกตั้งใจไปเรียนศิลปะที่อังกฤษ แต่พอเจอระบบการเรียน O Level ตามแบบฉบับของอังกฤษ ที่มีการบังคับธีม สวนทางกับแนวความคิดที่เธอมองว่า ศิลปะไม่มีขอบเขตหรือการตีกรอบที่ชัดเจน “ณ เวลานั้น รู้สึกสับสนมากๆ จึงกลับไปเรียนสายวิทยาศาสตร์ แต่สุดท้ายไม่รู้อะไรทำให้ตัวเองหันกลับมาทางศิลปะอีกครั้ง อาจเพราะเราชอบศิลปะจริงๆ และยังคงไปดูงานแสดงศิลปะของคนอื่นๆ อยู่ตลอด”
ขีด ‘เส้นทางชีวิต’ ด้วยตัวเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่สาวน้อยคนนี้รักและหลงใหลไปไม่แพ้กับศิลปะและดนตรี นั่นก็คือ ‘การถ่ายภาพ’ ที่ได้ทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะบางครั้งเธอลงทุนจ้างนางแบบมืออาชีพ มาเป็นแบบให้ถ่ายภาพฝึกปรือฝีมือ และเก็บเป็นผลงาน “การถ่ายภาพบุคคลต่างๆ ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น บ้างครั้งก็ช่วยกันหามุมมองใหม่ๆ ในการถ่ายภาพ ต่างจากการวาดรูปที่บางครั้งต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาผ่านเส้นสายและสีสัน ส่วนการเล่นดนตรี ก็เป็นการผ่อนคลายอารมณ์จากเพลงที่เราได้เล่นเอง”


แน่นอนว่าเธอสามารถสอบเข้า Pratt Institute สถาบันสอนศิลปะอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกาได้ โดยเธอเลือกเรียนการถ่ายภาพตามความชอบ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ ก็กลับมาเจอข้อจำกัดเดิมๆ กับการกำหนดหัวข้อ สิ่งที่ตัวเองพยายามหลีกหนีมาตลอด ทำให้ความรู้สึกอึดอัดมาเยือนอีกครั้ง และด้วยความที่ไม่อยากเกลียดการถ่ายภาพที่รักมาก จึงต้องยอมถอยออกมาหนึ่งก้าว โดยเปลี่ยนสายไปเรียนด้านวาดรูปแทน และให้การถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกที่รักมาก เมื่อไหร่ที่อยากหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายตอนไหน ก็ทำตามใจอยากดีกว่า ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจะเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 แล้ว
จากช่างภาพ สู่การเป็น ‘นางแบบ’
และงานอดิเรกของเธอก็กลายเป็นประตูโอกาสสู่รันเวย์ระดับโลก ทว่าไม่ใช่ในฐานะช่างภาพแฟชั่น แต่เป็นนางแบบที่เดินเฉิดฉายบนรันเวย์ New York Fashion Week Spring/Summer Collection 2019 “ต้องบอกว่าเป็นความบังเอิญมากกว่าค่ะ เพราะตอนแรกลูกหนูตั้งใจหานางแบบ เพื่อมาเป็นแบบถ่ายภาพเก็บเป็นผลงาน ก็หาข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ แต่ดันไปเจอประกาศรับสมัครนางแบบเดินแฟชั่นโชว์ คิดว่าไหนๆ เราก็ลองทำอะไรมาหลายอย่าง ลองหาประสบการณ์เกี่ยวกับการเดินแบบบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร”

จากนั้นเธอก็ยื่นใบสมัครแบบไม่ลังเล หลังผ่านการปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้ว “วันรายงานตัวก็ไปแบบงงๆ หน้าโล้นๆ ถือใบสมัคร พร้อมรองเท้าส้นสูงหนึ่งคู่ ส่วนคนอื่นๆ ถือแฟ้มผลงานเล่มหน้าปึกมากันหมดเลย ก่อนทีมงานจะให้ลองเดิน พร้อมถ่ายรูปหน้าตรงและด้านข้างเก็บไว้เป็นอันเสร็จ แล้วให้กลับบ้านไปรอฟังผล ถ้าได้รับการคัดเลือกจะมีข้อความส่งไปให้มาฟิตติ้งชุดเย็นๆ แต่ปรากฏว่า ค่ำแล้วก็ยังไม่มีข้อความใดๆ ส่งมา จนกระทั่งตี 1 ของอีกวันถึงมีข้อความแจ้งว่า ได้รับคัดเลือกและให้มาฟิตติ้งชุด”

สุดท้ายเธอได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 5 ที่ขึ้นเดินแบบให้กับแบรนด์ Siani Alexa แม้จะเป็นการเดินแบบครั้งแรก แต่ผลงานออกมาดีไม่แพ้นางแบบมืออาชีพเลย “ลูกหนูมีเวลาซ้อมแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็พยายามซ้อมเดินจนเนื้อที่เท้าเปิดเป็นแผล ก่อนเดินจริง ในใจคิดแค่ว่า นี่เป็นโอกาสของเรา ต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด พอเดินเสร็จมารู้ทีหลังว่า มีสไตลิสต์จากเมืองไทยชมว่าเราเดินโชว์ได้ดี ทั้งๆ ที่เขาไม่ทราบมาก่อนว่าเราเป็นคนไทย รู้สึกดีใจมากๆ เลยค่ะ”
https://www.instagram.com/p/B8aJfI7n-lu/
อย่างไรก็ตาม ถึงเธอจะเลือกเรียนศิลปะ หลงใหลการถ่ายภาพ และเล่นดนตรีอย่างที่ใจรัก แต่เธอกลับไม่ได้คาดหวังว่า ในอนาคตตัวเองจะต้องเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก แค่ใฝ่ฝันจะมี Art Gallery เปิดให้แสดงผลงานศิลปะสักแห่งในนิวยอร์ก เมืองที่ศิลปินจากทั่วโลกต่างแวะเวียนมาหาแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งช่วยโปรโมตงานของศิลปินหน้าใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักด้วย