“ใครๆ ชอบคิดว่าเบอร์ดี้เป็นลูกคุณหนูค่ะ คิดว่าเบอร์ดี้ต้องคอยให้คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยเหลือตลอดเวลา แต่อันที่จริงเบอร์ดี้ออกมาทำงานหาเงินเองมาตั้งแต่เรียนจบเลย” ‘คุณเบอร์ดี้-ปาวา นาคาศัย’ เผยความในใจแรกกับ HELLO! ในวันที่เราเจอกัน เซเลบสาวสวยที่รักกิจกรรมกลางแจ้งแนวสปอร์ต แต่นั่นเป็นเพียงหนึ่งในแพชชั่นที่คุณเบอร์ดี้หลงใหล เพราะอันที่จริงแล้ว เธอเป็นดีไซเนอร์ที่เพิ่งมีแบรนด์ของตัวเอง แถมยังรับงานถ่ายแบบและเดินแบบที่ทำได้ดีมากไม่แพ้หน้าที่อื่นๆ เลย ถือเป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ และบริหารจัดการเวลาได้ดีจนน่าอิจฉา!


“ตอนนี้เบอร์ดี้ทำงานเป็น Personal Shopper อยู่ด้วยค่ะ เป็นโปรเจกต์พิเศษกับแบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งซึ่งเขารู้ว่าเรามีความสามารถด้านแฟชั่น เลยร่วมงานกันโดยให้เราทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำด้านการแต่งตัวให้กับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือ” คุณเบอร์ดี้เล่าเรื่องต่อไปอย่างสนุกสนาน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าหลงใหลในแฟชั่นมากแค่ไหน!


เมื่อบทสนทนาของเราเริ่มเข้ามาถึงเรื่องไลฟ์สไตล์ “เบอร์ดี้ชอบช็อปปิ้งค่ะ รู้ตัวเองดีเลยว่าเราเป็นคนซื้อของเก่งมาก กระเป๋าใบไหนใหม่ รองเท้าคู่ไหนสวย เราก็จะซื้อมาเป็นเจ้าของทันที จริงๆ แล้วเบอร์ดี้สามารถแต่งตัวได้หลายสไตล์เลย สมัยก่อนจะชอบแบบร็อกหน่อยๆ ดูเท่ เป็นผู้หญิงที่มั่นใจ พอโตขึ้นมาอีกนิด ก็ชอบการแต่งตัวในลุคเฟมินินนิดหนึ่ง” เรามองไล่ตามคำบรรยายการแต่งตัวของคุณเบอร์ดี้ จนกระทั่งมาสะดุดกับนาฬิกาเรือนสวยที่เธอใส่มาในวันนี้


“นี่เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่เบอร์ดี้เก็บเงินซื้อเองค่ะ ต้องเล่าก่อนค่ะว่าคุณพ่อ (คุณอนุชา นาคาศัย) เป็นนักสะสมนาฬิกาอยู่แล้ว ซึ่งแบรนด์ที่คุณพ่อชอบมากๆ คือ Audemars Piguet สารภาพเลยว่าในตอนนั้นเบอร์ดี้ยังไม่สนใจเรื่องนาฬิกา ไม่รู้ว่าความสวยงามของนาฬิกาคืออะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเราเดินเข้าไปในช็อป เห็นนาฬิการุ่น Royal Oak แล้วรู้สึกว่าสวยคลาสสิกจัง อยากได้ขึ้นมาทันที ซึ่งคุณพ่อเสนอว่าจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ส่วนหนึ่ง แต่เบอร์ดี้บอกท่านไปว่าจะขอซื้อเอง เป็นของขวัญให้กับตัวเองจากการทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา”


ถึงตรงนี้ เราอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนรุ่นใหม่อย่างคุณเบอร์ดี้ ถึงยังหลงใหลในเสน่ห์เรือนเวลาแบบคลาสสิกอยู่ “เบอร์ดี้มองว่านาฬิกาเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่บ่งบอกสไตล์ของแต่ละคนได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เขาไม่ได้มีหน้าที่แค่บอกเวลา แต่ยังสั่งสมเรื่องราวร้อยและนวัตกรรมเป็นร้อยปีกว่าจะพัฒนามาถึงวันนี้ จากที่ได้เดินดูโซนต่างๆ ในนิทรรศการ From Le Brassus to Bangkok จะเห็นเลยว่านาฬิกาหนึ่งเรือนนั้นประกอบไปด้วยกลไกต่างๆ มากกว่า 300 ชิ้น ซึ่งเบอร์ดี้ชอบโซนการสาธิตประกอบนาฬิกามากเพราะเราได้ลงมือหยิบจับชิ้นส่วนต่างๆ มาลองประกอบด้วยตัวเอง โดยมีช่างทำนาฬิกาจากสวิสมาอธิบายอยู่ข้างๆ อย่างใกล้ชิด ประทับใจมากๆ เพราะโอกาสที่จะได้ทำแบบนี้มันมีน้อยมากเลยค่ะ”

คิดเหมือนกันมั้ยคะว่าเธอเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนในเจเนอเรชั่นใหม่ที่ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจกับอะไรง่ายๆ แต่กลับทำสิ่งที่รักอย่างแน่วแน่และตั้งใจ ทั้งหมดนี้คือแรงบันดาลใจขนาดใหญ่ที่เชื่อเหลือเกินว่าคนรอบๆ ตัวเธอจะได้รับไปอย่างเต็มเปี่ยม และพร้อมที่จะทำตามฝันตัวเองให้เป็นจริงสักครั้ง!!