แม้คนไทยหลายคนยังไม่รู้ว่าเราสามารถผลิตเรือรบสัญชาติไทยไปล่องอยู่ในวิถีน่านน้ำของตลาดโลก ทว่าในแวดวงอุตสาหกรรมต่อเรือหรือพาณิชย์นาวีชื่อของ ‘มาร์ซัน’ ได้อวดผลงานไว้อย่างโดดเด่นมากว่า 40 ปี มีทั้งภารกิจผลิตเรือรบ เรือช่วยรบ ให้กับกองทัพเรือ และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเรือพาณิชย์ทั้งเรือที่ใช้ในการสนับสนุนด้านการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ด้านการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมกลางทะเล เรือเฟอร์รี่ และเรือยอชต์ ฯลฯ โดยกว่า 18 ปีของการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตถึงปัจจุบันนั้น เป็นภารกิจหนึ่งเดียวของ ‘คุณโบ๊ท-ภัทรวิน จงวิศาล’ ซีอีโอแห่งบริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) ทายาทรุ่น 2 ด้วยคำกล่าวว่า
‘มาร์ซันพร้อมปักธงและสยายปีกในตลาดโลก’

คุณโบ๊ท เผยถึงความท้าทายในการบริหารธุรกิจว่า “ความท้าทายของผมตอนนี้ เป็นการสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์อันดับต้น ๆ ขยายฐานของตลาดให้กว้างใหญ่ขึ้นและลึกขึ้นด้วยโจทย์ของผมคือ ทำอย่างไร…ถ้าเราจะปักธงไทยในฐานะอู่ต่อเรือคนไทยด้วยศักยภาพของคนไทยในประเทศอื่น ๆ ภูมิภาคอื่น ๆ และในตลาดโลก เป็นความท้าทายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้เราเติบโตไปได้ในทศวรรษต่อ ๆ ไปหรือยาวเป็นศตวรรษเลยยิ่งดี
“ทำธุรกิจยังไงให้มีความยั่งยืนไปได้ในอนาคต ถือเป็นอีกความท้าทายสำหรับผม เพราะธุรกิจนี้เป็นพละกำลังของหลายคน เป็นบ้านของคนหลายคน เป็นความยั่งยืนของอีกหลาย ๆ ชีวิต ฉะนั้นความท้าทายที่เป็นอีกโจทย์ใหญ่คือ เราต้องคิดธุรกิจที่ต่อยอดทั้งองค์ความรู้ ศักยภาพในการแข่งขัน และความมั่นคงอย่างยั่งยืนนั้น บางทีเราต้องคิดนอกกรอบไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อเรือบ้าง หรือแม้จะเป็นบริษัทต่อเรือแต่มีขยายไปทางซ่อมเรือบ้าง ไปในเรื่องของเซอร์วิสบ้าง รวมถึงด้านการเดินเรือและขยายตลาดออกไปจากประเทศไทย ซึ่งมาร์ซันเริ่มทำมาในช่วง 5 – 7 ปีที่ผ่านมาแล้ว”
ในความเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ คุณโบ๊ท กล่าวว่า ธุรกิจของมาร์ซันมีความตรงไปตรงมาของ 3 เรื่อง ทั้ง Environmental (สิ่งแวดล้อม) Sustainability (ความยั่งยืน) และ Governance (ธรรมาภิบาล) อันเป็นแนวทางพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง “ธุรกิจเราจะไม่สร้างภาระหรือปัญหาให้สิ่งแวดล้อม อย่างเดิมที่ผลิตเรือใช้น้ำมันอย่างเดียว ก็ถูกพัฒนาขยับมาเป็นเรือไฮบริด หรือเรือที่ Clean ต่อโลกมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีที่ลดการสร้างคาร์บอน อย่างตลาดเรือตอนนี้การพูดถึงเรือไฮบริดเป็นเรื่องปกติแล้ว ด้านความยั่งยืนของธุรกิจก็ต้องมีแผนธุรกิจที่ต่อยอด ยั่งยืนในแง่การหารายได้ มีประเภทธุรกิจต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป แต่มีแนวคิดจากธุรกิจต่อเรือที่เป็นเสาหลัก
“มันก็เลยมาส่งเสริมและเกื้อกูลกัน สร้างสมดุลพอร์ตของธุรกิจให้สอดคล้องกันไป จริงๆ มันก็เป็นธรรมดานะครับ ถ้าเราอยู่กับธุรกิจหนึ่งธุรกิจใดเพียงอย่างเดียว เวลาเกิดวิกฤติที่ไม่สามารถกระจายความเสี่ยงในธุรกิจอื่น ๆ ได้เลย ก็อาจจะเสียหายหนักมาก แต่ถ้าเรามีธุรกิจที่หลากหลาย มีกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ก็จะได้รับผลกระทบในบางส่วน โดยส่วนอื่นยังสามารถเติบโต ประคองกันไปได้”
คิดแบบคนยุคใหม่ ต้องออกจากกรอบเดิม ๆ
“มาร์ซันเดินทางมากว่า 40 ปี มาตั้งแต่ยุคคุณพ่อและคุณแม่แล้วก็มาถึงยุคของผมที่เป็นคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ (หัวเราะ) ด้วยธุรกิจเรามีคนหลายเจเนอเรชั่นที่เข้ามาร่วมสร้างความสำเร็จให้บริษัทฯ แต่ถ้าให้โฟกัส ‘การคิดแบบคนรุ่นใหม่’ ผมมองว่า เป็นการเดินออกจากกรอบความคิดเดิม ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ง่าย ยึดติดกับขนบธรรมเนียมน้อยลง มีกรอบปฏิบัติน้อยลง ผมว่านี่เป็น Nature ของคนรุ่นใหม่ ๆ ที่ผมเห็นและเป็นเรื่องมิติที่ดี การออกนอกกรอบทำให้มีอิสระทางความคิด กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ผมชอบการทำงานของเด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่กล้าลองผิดลองถูก หน้าที่เราคือให้โอกาส ให้เขาสร้างแซนด์บ็อกซ์ขึ้นมาแล้วได้ลองทำดู ถ้าเสียหายมันก็เสียหายแค่นั้น มันเป็นการให้โอกาสที่ไม่ไปปิดกั้นความคิด สำหรับการบริหารธุรกิจถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย การแข่งขันก็คงสู้ใครไม่ได้ ตัวเราจึงต้องอย่าหยุดที่จะเปลี่ยนแปลง พร้อมให้การสนับสนุนแนวคิดใหม่ ๆ”
ระหว่างทางในทุกธุรกิจย่อมมีช่วงที่ยากลำบาก เช่นเดียวกับ ‘มาร์ซัน’ แต่ด้วยมุมนักบริหารที่มองว่าทุกปัญหาแก้ไขได้หมด ด้วยความซื่อสัตย์ในการแก้ไขปัญหา มีอะไรต้องบอกแล้วบริหารจัดการไป “ถ้าเราปูเรื่อง ทุกแง่มุม ทุกอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วแก้ไปทีละเปลาะ ๆ มันก็จะมีทางออกในเรื่องนั้นๆ อย่าไปยึดติดกับปัญหา”
นอกจากถ่ายทอดที่กล่าวมา คุณโบ๊ทยังถ่ายทอดแนวคิดการบริหารธุรกิจผ่านการนิยามตัวเองว่า ‘ม้าที่กำลังวิ่ง ที่อยากวิ่งให้เร็วขึ้นในทุกวัน’ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ซึ่งสามารถติดตามแบบเต็ม ๆ พร้อมกับแรงบันดาลใจจากซีอีโอรุ่นใหม่อีก 8 ท่านได้ในนิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนธันวาคม 2564′
ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
สั่งซื้อออนไลน์ที่ shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth