นาทีนี้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ‘คุณแชมป์-ศิรเดช โทณวณิก’ หลานย่าของ ‘ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย’ ผู้สร้างตำนานยิ่งใหญ่ให้โรงแรมดุสิตธานีให้รู้จักไปทั่วโลก ที่กำลังถูกจับตาในฐานะทายาทคนสำคัญรุ่น 3 ที่ต้องขับเคลื่อนภาคต่อแห่งความสำเร็จของอาณาจักรดุสิตตามรอยคุณพ่อ (คุณชนินทธ์ โทณวณิก) ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มโรงแรมอาศัย
ด้วยผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ที่มีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากมายมหาศาล ทำให้ต้องคุยถึงภารกิจอันหนักอึ้งที่ต้องนำพาธุรกิจก้าวข้ามผ่านความยากลำบากนี้ให้ได้ “ยากมากจริง ๆ ครับ ยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย ผมคุยกับคุณพ่อท่านยังบอกเลยว่า ทำงานในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 40 ปี เจอสภาวะวิกฤติมาหลายครั้ง ครั้งนี้คือที่สุดที่ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างหยุดไปทั่วโลก แต่ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในวิกฤตินี้กลับสะท้อนให้เรากลับมาย้อนมองตัวเอง กลับมาพัฒนาให้ทุกอย่างดีขึ้น เมื่อก่อนพอเราอยู่กับความคิดที่มุ่งมั่นแต่จะสร้างให้ธุรกิจเติบโต ขยายฐานไปอย่างกว้างใหญ่ แต่วิกฤตินี้เหมือนเป็นตัวจุดประกายให้เราได้คำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”

ในวันที่อาณาจักรดุสิตธานีที่มีขุมกำลังสำคัญของธุรกิจโรงแรมเป็นอันดับหนึ่งกำลังก่อร่างสร้างความหลากหลายให้ธุรกิจในเครือที่แตกแขนงกันไป อีกทั้งยังมีโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ต้องไปต่อท่ามกลางวิกฤติช็อกโลกนั้น คุณแชมป์มีมุมมองการขับเคลื่อนธุรกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนและพลิกฟื้นตัวเองให้เห็นโอกาสในทุกวิกฤติ
“ธุรกิจเราต้องเปลี่ยนวิธีคิด ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนในแง่ของวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนต้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสำคัญมาก แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับองค์กรที่มีอายุมากกว่า 6 ทศวรรษ เราต้องฝึกคน ต้องให้โอกาสทุกคน ต้องสามารถเพิ่มทักษะบุคลากรของเรา ส่วนด้านการขับเคลื่อนธุรกิจนอกจากเน้นในแง่ของธุรกิจโรงแรมแล้ว ยังมีการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เราก็ไม่ได้ลงแค่ด้านการบริการอย่างเดียวแล้ว แต่เราสร้างและออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ของดุสิต เรายังจับมือกับเครืออนันดา ซึ่งจะให้เราเข้าไปร่วมบริหารคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เพื่อมอบประสบการณ์สุดหรูให้กับลูกบ้าน
นอกจากนี้ เรายังมีธุรกิจอาหาร ผ่านบริษัท ดุสิต ฟู้ด (Dusit Food) ที่เราร่วมกับพันธมิตรหลายแห่งผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสนับสนุนเกษตรกรและชุมชนพื้นถิ่น ส่วนธุรกิจการศึกษา เรามุ่งเน้นพัฒนาโรงเรียนสอนทำอาหาร ที่ช่วยเสริมทักษะที่สามารถพัฒนาศักยภาพของคน โดยในไตรมาสที่ 2 ปีหน้า เราจะเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารและศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพแห่งใหม่ที่ชื่อว่า The Food School ซึ่งมีพาร์ตเนอร์จากโรงเรียนชั้นนำของทั่วโลกมาช่วยการสร้างโมเดลใหม่ ๆ ที่คิดว่าพอเปิดประเทศแล้ว เราจะให้เชฟที่มีชื่อเสียงมาช่วยเป็นทีมพี่เลี้ยงทำมาสเตอร์คลาสให้นักเรียน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เข้ามาเช่าใช้ครัวในการพัฒนาสูตร หรือสร้างนวัตกรรมด้านอาหารรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย และยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านวางแผนธุรกิจให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพด้านอาหาร ผมอยากให้โรงเรียนของเราเป็นพื้นที่สำหรับคนรักการทำอาหารมารวมตัว แลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อช่วยกันพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารบ้านเรา
“นี่เป็นอีกไอเดียที่อยากทำให้ได้ ซึ่งเทรนด์โลกจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้มากขึ้น อย่างที่บอกครับว่า การที่เจอปัญหาหรือวิกฤติแล้วสามารถก้าวผ่านความยากลำบากได้นั้น เราต้องเห็นโอกาสที่จะกระจายหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเป็นแบบอื่นได้”
เนื่องจากคุณแชมป์มีแพสชั่นและยึดหลักบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ จึงมีคำกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “วันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมมันเป็นอะไรที่ต้องเปลี่ยนและต้องทำให้ดีขึ้นในยุคของเรา เพราะมันเป็นสิ่งที่กระทบทั้งตัวเรา กระทบกับแบรนด์ กระทบกับกลุ่มลูกค้า ใช่ครับเราใส่ความลักซ์ชัวรีเข้าไปในธุรกิจ แต่ความลักซ์ชัวรีในวันนี้ไม่ใช่พูดถึงเรื่องความหรูหราสะดวกสบายเหนือกว่าคนอื่นอย่างไร แต่มันคือเรื่องสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ อากาศ การสร้างคุณภาพชีวิต ผมคิดในทุกๆ วันว่า เราต้องอยู่ในโลกวันนี้อย่างมีความรับผิดชอบต่อโลกในอนาคต เพื่อให้คนในยุคต่อไปได้มีแบบที่พวกเรามีหรือไม่ก็ต้องดีกว่าทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับทัศนคติการบริหารธุรกิจในแบบฉบับของผม”

ติดตามบทสัมภาษณ์คุณแชมป์ฉบับเต็ม รวมถึงแนวคิดในการทำธุรกิจของเซเลบริตี้ผู้บริหารรุ่นใหม่ทั้ง 9 คนได้ใน นิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนธันวาคม 2564′ วางแผงแล้ววันนี้
? ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
? สั่งซื้อออนไลน์ที่
shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth