เปิดบ้านหรูสไตล์โมเดิร์นเจแปนนิสของ ‘ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล’ ผู้บริหารหนุ่มแห่ง ‘อยู่เจริญ เอสเตทส’
หนาวแรกเมื่อต้นธันวาคมปีกลายนำพา HELLO! ไปทำความรู้จักกับชายหนุ่มร่างสันทัด ‘ ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ’ ที่บ้านพักของเขาหลังสถานทูตจีน ไม่น่าเชื่อว่าทันทีที่หลุดพ้นจากสภาพการจราจรหนาแน่นบนถนนรัชดาภิเษก ก้าวเข้ามาในบริเวณบ้านทรงกล่อง สไตล์โมเดิร์นเจแปนนิส บนเนื้อที่ 300 ตารางวา เราจะได้พบกับความสงบที่งดงาม หินแกรนิตใหญ่ใต้ต้นมะเม่าตั้งตระหง่าน ดูแกร่งและแน่นหนักเมื่อจัดวางอยู่บนเนินดินปูพรมหญ้า ถมความสูงท่วมกำแพง นี่กระมังที่เสียงจอแจจากภายนอกยากจะเล็ดลอดเข้ามา

ด้านซ้ายของตัวบ้าน ต้นล่ำซำยืนรายรอบสระปูนเปลือยทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ฐานระนาบไปกับรั้วด้านทิศตะวันออก ส่วนยอดปลายแหลมสามเหลี่ยมจดรั้วกำแพงทิศตะวันตก ก้นสระตื้นเหนือตาตุ่ม แต่เดิมเคยระบายเป็นสีดำ ทว่าเข็มเวลาวิ่งผ่านนับสิบปี เซาะจนเห็นร่องรอยของฝีแปรงบนพื้นปูน ดูสวยแปลกเหมือนจิตรกรอิมเพรสชั่นนิสต์ตวัดปลายพู่กันเร็ว
ขั้วเหลืองใบล่ำซำค่อยๆ ปลิดตัวเองปลิวคว้างลงบนผิวน้ำ หลายคนเห็นแล้วเหงา แต่เจ้าของบ้านที่เราขออนุญาตเรียกชื่อเล่นสั้นว่าคุณนะ แทนชื่อจริงอ่านตามนามบัตร ชะ-นะ-ถะ-นบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด ผู้บริหารหนุ่มแห่ง ‘อยู่เจริญ เอสเตทส’ ไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย
พูดคุยกับตัวเอง
ทุกเช้าคุณนะจะตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 ขึ้นมาสวดมนต์นั่งสมาธิ เขาเชื่อว่าสมาธิช่วยให้ได้มาซึ่งหลากหลายคำตอบในการงานและชีวิตประจำวัน “สมาธิช่วยผมมากในเรื่องของโฟกัส บางทีตื่นนอนแล้วรู้สึกมีหลายเรื่องราวรบกวน โดยเฉพาะเรื่องงาน แต่พอได้สวดมนต์ทำสมาธิ ข้างในเรานิ่ง เราเงียบ จะคิดอ่านออกได้เองว่าต้องทำอย่างนี้สิ ต้องแก้ไขตรงนี้ ต้องทำตรงนั้น คุยกับภายในตัวเอง ผมชอบตั้งคำถามและมักจะได้คำตอบในตอนเช้าเสมอ”
เขาสวดมนต์ทำสมาธิจนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่อายุ 20 กว่า หลังเรียนจบปริญญาโท และเอกด้านกฎหมายระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยโกลเดนเกต รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าตัวได้มีโอกาสบวชเรียน ศึกษาธรรมะที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
นอกจากนี้คุณนะยังให้ความสำคัญกับสมดุลการทำงานและชีวิต “ผมชอบดูแลตัวเอง ชงกาแฟเอง ทำอาหารเช้ากินเอง เป็นคนไม่ชอบใช้คนอื่นทำให้ ล้างจานก็ล้างเอง โดยเฉพาะเก็บที่นอนนี่ไวมาก เพราะมีวิธีปูที่นอนให้ง่ายกับการเก็บ ก่อนอาบน้ำ แต่งตัว และออกไปทำงาน ส่วนเวลาที่เหลือจะหมดไปกับการอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย เวทเทรนนิ่ง ถ้ามีวันหยุดยาวก็จะชอบไปดำน้ำ ชอบแบ็กแพ็กเที่ยวคนเดียว เพราะติดนิสัยทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กคุณพ่อคุณแม่สอนว่าการทำโน่นทำนี่ด้วยตัวเองจะทำให้เราไม่เป็นอัมพาต (หัวเราะ)” เคล็ดลับนี้น่าจดจำและบอกต่อ
ลูกไม้ (เกือบ) ไกลต้น
ในจำนวนพี่น้อง 7 คน ดร.ชนฐนพค์ เป็นบุตรคนที่ 5 ของคุณอุดม – คุณสุมาลี รุ่งโรจน์ธนกุล ซึ่งคุณอุดม บิดาของคุณนะ เป็นนักธุรกิจผู้บุกเบิกและสร้างตำนาน ‘อยู่เจริญ’ โครงการหมู่บ้านจัดสรรคุณภาพแห่งหนึ่งของเมืองไทย แม้ว่าท่านจะล่วงลับไปนานกว่า 20 ปี แต่ช่วงชีวิตการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของคุณอุดม ได้สั่งสมชื่อเสียง ความไว้เนื้อเชื่อใจ ตลอดจนวางรากฐานที่ดีในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กับลูก โดยที่ผ่านมาพี่ๆ ของคุณนะเป็นผู้สืบต่อ ปล่อยให้น้องชายคนนี้ได้ทำงานตามสายงานที่ร่ำเรียนจบ
คุณนะเริ่มต้นชีวิตทำงานด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และดำรงตำแหน่งกรรมการ บริษัทอยู่เจริญ วิสาหกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
“เรียกแพสชั่นก็ได้ครับ ผมเรียนจบมาสายกฎหมายระหว่างประเทศ เขามักจะบอกว่าต้องเป็นนักการทูต จึงฝังใจมาว่าอยากทำงานกับองค์กรระหว่างประเทศ นี่เป็นที่มาที่ไปให้มีโอกาสได้ทำงานในสถานทูตอยู่พักหนึ่ง และได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา”
เขากลับมาเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหา วิทยาลัยศรีปทุม และมหาวิทยาลัยรังสิต ก่อนดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด ในเวลาต่อมา “ที่จริงคือเข้ามาบริหารตามวาระ พี่ชายคนโตเข้ามาก่อน ตามด้วยพี่สาว เพราะเป็นธุรกิจกงสีของครอบครัว กระทั่งถึงเวลาที่ผมต้องลองแสดงฝีมือ และรับช่วงต่อ”
ประสบการณ์จากการทำงานก่อนหน้านั้นช่วยได้มาก “สมัยทำงานสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กองที่ผมทำเป็นกองวิเคราะห์การลงทุน แม้ตัวงานจะไม่ใช่การทำธุรกิจโดยตรง แต่ก็เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ จึงได้โนฮาวในการทำธุรกิจและการลงทุน ซึ่งชอบ และทำได้
ที่ผ่านมาเรามีที่ดินปล่อยให้เช่า แปลงโน้นแปลงนี้ แต่ไม่เคยได้พัฒนาเหมือนอย่างที่คุณพ่อเคยทำในอดีต ผมจึงตัดสินใจเอ่ยปากขอที่ดินแปลงเล็กๆ สักแปลงหนึ่ง ลองเอามาทำตลาดดูนี่เป็นที่มาที่ผมผันตัวมาเป็นดีเวลลอปเปอร์ ปัญหาคือธุรกิจเดิมของคุณพ่อ เราทำบ้านราคาไม่แพง กระทั่งผมเข้ามาทำเมื่อสิบปีก่อน เราคงทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ดูตัวเลขการลงทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าจะทำบ้านขายก็ขอทำเป็นลักซ์ชัวรี จึงเป็นที่มาของแบรนด์พันนา”
พันนาเป็นภาษาบาลี เมื่อเขียนเป็นอังกฤษอ่านว่า pan-ya หรือปัญญา ซึ่งคุณนะตั้งใจใช้คำไทยอ่านง่าย เหมือนที่คุณพ่อเคยใช้ชื่อ ‘อยู่เจริญ’ “ทำไมไม่ใช้ชื่ออยู่เจริญ” ชายหนุ่มนิ่งคิด และทวนคำถาม “ผมตอบคำถามนี้กับนายธนาคารบ่อยมาก ตอนแรกก็ว่าจะใช้แบรนด์อยู่เจริญละครับ แต่เขาถามต่อว่าอยู่เจริญไม่ได้ทำมาตั้งนานแล้ว เพราะคุณพ่อของผมเสีย จากนั้นครอบครัวเราไม่ได้ทำอะไรนอกจากปล่อยเช่าที่ดิน พอจะลุกขึ้นมาทำบ้านขายในราคา 20 กว่าล้าน…จะไหวหรือ
“เราต้องดีเฟนด์เพราะไปขอเงินกู้เขา และเขาก็ซัดตรง แต่ก็สอนผมนะ ทุกธนาคารตั้งคำถามเหมือนกันหมด เขาไม่มั่นใจว่าจะคืนเงินเขาได้ไหม และคืนภายในกี่ปี ผมจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนว่าจะเอาเงินมาคืนเขาได้อย่างไร”

แรกเริ่มพันนา
โครงการแรกของพันนาเป็นบ้านราคาเริ่มต้น 24 ล้านบาท อยู่ในย่านทาวน์อินทาวน์ ทว่ายังไม่ทันได้เปิดขาย ก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่มาติดต่อขอซื้อไปเสียก่อน “เขาบอกว่าอยากจะได้ทั้งโครงการ ผมจึงขายใบอนุญาตก่อสร้างให้ ซึ่งก็ได้กำไรมาตั้งตัวได้พอสมควร เป็นกำลังใจที่ดีในการเป็นดีเวลลอปเปอร์ต่อ แต่คาใจเพราะโครงการแรกยังไม่ได้ก่อสร้าง จึงมาขอที่ดินของที่บ้านอีกผืนหนึ่ง
“โครงการที่สอง ผมตั้งใจทำเป็นบ้านพักอาศัยจริงๆ แต่ลูกค้าพอซื้อบ้านไปแล้วทำเป็นโฮมออฟฟิศกันหมด พอมาถึงโครงการที่สาม ได้ที่ดินมา 9 ไร่ ลูกพี่ลูกน้องผมให้ชาเลนจ์ว่าถ้าจะทำขาย โครงการนี้ต้องทำเป็นบ้านราคา 40 – 50 ล้านบาท ผมตั้งใจทำเป็นโฮมออฟฟิศลักซ์ชัวรี 5 ชั้น มีลิฟต์อยู่ในตัว ออกแบบเป็นโมเดิร์น ทรงกล่องแบบบ้านหลังนี้เลยครับ ทั้งหมด 27 หลัง พอขึ้นบิลบอร์ดปั๊บ ดีเวลลอปเปอร์ทุกคนตบเท้าเข้ามาดู ถือว่าเรากล้าและเสี่ยงมาก แต่โชคดีที่ทำเลของเราได้เปรียบ เพราะติดห้างฯ และทางด่วน แถมรองรับการคมนาคมในอนาคตที่มีทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีเทา สีชมพู ผมโชคดี เพราะตลาดให้ฟีดแบ็กที่ดี ลูกค้าเก่าของคุณพ่อเองก็มีลอยัลตี้ เขาจำคุณพ่อได้ ว่าโครงการของคุณอุดมมีข้อดีอย่างนี้ๆ ยอมรับว่าผมได้ลูกค้าเก่าจากคุณพ่อเยอะมาก”
ลูกไม้ใต้ต้นเท้าความเล่าปรัชญาการทำงานของคุณพ่อว่า ยึดหลักความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ใกล้ชิดลูกค้า และจริงใจ “จึงเกิดไอเดียรีแบรนด์ เอาอยู่เจริญของคุณพ่อมาเมิร์ชกับพันนาของผม เอาแบรนด์ใหญ่มาครอบแบรนด์เล็กของเราครับ ใช้ชื่อ ‘อยู่เจริญ
เอสเตทส’ ซึ่งกำลังจะเกิดโครงการใหม่ขึ้นในปีนี้
“ตอนนี้เรามี 4 โครงการด้วยกันครับ เป็นโฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น ตรงทาวน์อินทาวน์ และคอนโดฯ สไตล์โมเดิร์น เจแปนนิส อีกโครงการหนึ่งอยู่ตรงเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ ตกแต่งแบบโมเดิร์นตะวันตก และอีกโครงการกำลังจะคลอดครับ ดีไซน์เสร็จเรียบร้อยแล้ว สวยเชียว น่าจะออกตลาดได้กลางปีนี้ ตั้งอยู่ที่รามอินทรา 57”
ใส่ใจรายละเอียด
ม้า Sculpture ของศิลปินเชื้อสายโคลัมเบียน เฟอร์นานโด โบเตโร ยืนนิ่งสงบอยู่บนโต๊ะกระจกข้างโซฟา นอกจากนี้ยังมีหอไอเฟลจำลอง ถ้วยชามรามไหโบราณของเมืองจีน รวมถึงของประดับอื่นและรูปถ่ายคุณพ่อคุณแม่ของคุณนะในวันแต่งงาน ทั้งคู่ดูสวยหล่อ โดยเฉพาะชุดแต่งงานของคุณแม่ที่เห็นเป็นเดรสสั้น บนศีรษะสวมมงกุฎ ดูละมุนไปกับรอยยิ้มเปี่ยมความสุข
“คุณบุญเลิศ (บุญเลิศ เหมวิจิตรพันธ์ แห่งบูรณ์ดีไซน์) สถาปนิกช่วยไกด์ไลน์ วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ ก่อน ส่วนของตกแต่งชิ้นเล็กนี่ส่วนใหญ่เป็นของที่ผมสะสม ชอบสะสมพวกของเก่า อย่างไหจากเมืองจีน หากมีโอกาสจะชอบไปเดินร้านของเก่า มีสอยกลับมาบ้าง ถ้าราคาพอได้ (ยิ้ม) ผมชอบดูหนังสือบ้าน และอาศัยถามผู้รู้ว่าควรตกแต่งอย่างไรให้มีบาลานซ์ หรือสีควรจะเป็นโทนไหน” ไม่ผิดถ้าพูดว่าการตกแต่งบ้านของเขามีรายละเอียดและบาลานซ์เหมือนกับการใช้ชีวิต

“อย่างที่บอกแต่ตอนต้นว่าเป็นคนชอบเที่ยวคนเดียว เป็นคนชอบสำรวจ มีเวลาสังเกตโน่นนี่นั่น เป็นคนชอบสังเกต บ้านทุกหลังที่ผมทำต้องมีดีเอ็นเอผมอยู่ในทุกโครงการ เป็นคนตรวจสอบรายละเอียดเยอะตามประสานักกฎหมาย เพราะไม่อยากให้คนอยู่รู้สึกไม่สบาย เราใช้วัสดุมีคุณภาพ เหล่านี้คือสิ่งที่ผมใส่ใจและมักตั้งคำถามเสมอ การรักษาชื่อเสียงนั้นยากและผมให้ความสำคัญมากกว่าการสร้าง ต้องทำให้ได้ดีกว่าที่คุณพ่อเคยทำไว้” เป้าหมายลำดับถัดไปของ ดร.ชนฐนพค์ คือการนำบริษัท อยู่เจริญ เอสเตทส เข้าตลาดหลักทรัพย์ “ถ้าเราไม่มีความฝันอะไรเลย ใช้ชีวิตการทำงานไปวันๆ ก็คงอยู่แบบเลื่อนลอย เลยคิดว่าลองนำ อยู่เจริญ เอสเตทส เข้าตลาดหลักทรัพย์ดูไหม ที่ผ่านมาผมเคยพลาดอะไรหลายอย่างในชีวิต” เขาถ่อมตัว “ถ้าไม่ฮิตทาร์เก็ตก็ให้ตั้งทาร์เก็ตใหม่ ไม่เคยกลัวการล้ม เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
ทุกบทพิสูจน์ของชายหนุ่มมีความท้าทายและต้องการไปถึงเป้าหมายอย่างชัดเจน เขาใช้ความตั้งใจจริงโดยวาดหวังให้ ‘อยู่เจริญ ยิ่งอยู่ ยิ่งเจริญ’ ดร.ชนฐนพค์กล่าวมอตโต้ที่เจ้าตัวจำแม่นมาแต่ครั้งคุณพ่อ…รอยยิ้มบนพิมพ์หน้าทำเราเห็นจริงตามนั้น
ติดตามเรื่องราวสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูกซีฟได้ใน
นิตยสาร HELLO! ฉบับเดือนมกราคม 2565 วางแผงแล้ววันนี้ !!!
ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
สั่งซื้อออนไลน์ที่ shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth