ครั้งแรก! เปิดโรงรถสุดรักของ ‘ธีระ ซอโสตถิกุล’ ชม 7 ยนตรกรรมแห่งยุค และรถคลาสสิกที่จะพาย้อนอดีตไปไกลถึงปี 1969
เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ เพราะวันนี้ HELLO! จะชวนทุกคนไปบุก โรงรถ สุดรักของ ‘คุณธีระ ซอโสตถิกุล’ นักธุรกิจผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของงานดีไซน์และความเร็วของรถยนต์แบรนด์ดังระดับโลก ที่ยอมเปิดโรงรถให้นิตยสาร HELLO! ได้มาตื่นตาตื่นใจเป็นนิตยาสารแรก พร้อมพูดคุยถึงความเป็น ‘คนรักรถ’ และพาชม 7 ยนตรกรรมแห่งยุค และรถคลาสสิกที่จะพาย้อนอดีตไปไกลถึงปี 1969

“Hello เป็นนิตยสารฉบับแรกที่ได้มาเยือน โรงรถ ของผม ต้องออกตัวก่อนว่าจริงๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะติดติน ไม่สะสมอะไรเลย รถก็ถือว่าผมไม่ได้สะสม คือเล่นรถตามที่ตัวเองชอบมากกว่า ไม่ได้เล่นตามความนิยม หลายคนอาจจะมองว่าผมซื้อรถบ่อยมาก แต่ที่จริงคือซื้อมาขายเข้าขายออกตามภาษาคนชอบลองอะไรใหม่ๆ รวมทั้งรถคลาสสิคด้วย ที่เห็นจอดในโรงรถนี้ผมขับบ่อยๆทุกคัน ถ้าคันไหนปีหนึงขับน้อย ก็จะปล่อยออก แต่ก็เลือกบ้านที่เค้าจะไปอยู่ต่อนะคับ
ส่วน โรงรถ นี้ไม่ได้ทำเพื่อจะโชว์รถแต่อย่างใด ทำไว้เก็บรถจริงๆ บวกกับผมเป็นคนที่ชอบทำรถเองด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่นี่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆมากมาย ที่พร้อมสำหรับการแต่งและการดูแลรถ รู้สึกว่าได้ทำแล้วมีความสุข”

ภายในโรงรถไม่ได้มีเพียงรถที่จอดรอให้ได้ไปสัมผัสความงามใกล้ๆ หากยังมีโล่และถ้วยรางวัลจากการแข่งขันมากมายที่ช่วยยืนยันว่า สุภาพบุรุษผู้รักความเร็วผู้นี้ยังมีความสุขกับการแข่งรถมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
“ล่าสุดผมเพิ่งไปแข่งรถ 25 ชั่วโมงที่สนามช้างจังหวัดบุรีรัมย์มา ร่วมกับเพื่อนๆอีก5คน ซึ่งทุกคนเป็นนักแข่งเก่าที่คบกันมานาน แข่งครั้งนี้ได้รางวัลที่ 2 ของรุ่นมา โดยจะผลัดกันขับคนละชั่วโมงครึ่งถึง2ชั่วโมงต่อครั้ง ชื่อทีมผมมีชื่อว่า PCT ซึ่งย่อมาจาก Porsche Club Thailand ที่เราทุกคนเป็นสมาชิกอยู่ ช่วงปลายปีนี้มีแผนจะลงแข่งกันอีก ทุกครั้งที่ไปลงแข่งรางวัลเป็นแค่ผลพลอยได้ เราเน้นไปที่ความสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนมากกว่า”
หลังอุ่นเครื่องบทสนทนาจนได้ที่ ก็ถึงเวลาที่คุณธีระได้พาเดินชมรถทั้งหมด พร้อมเผยถึงที่มาของการเลือกเป็นเจ้าของ รวมไปถึงความพิเศษของรถแต่ละคัน
‘หนึ่งในรถแรงที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของโลก’
2022 Porsche GT4RS
เปิดด้วยรถคันล่าสุดที่คุณธีระได้มาครอบครองเมื่อปีที่แล้วอย่าง Porsche GT4RS สีแดงสะดุดตา
“Porsche GT4RS เป็นที่ฮือฮาไปทั้งโลก มีความต้องการสูงมาก ในวงการคนเล่นรถที่ชอบรถแรงๆ จะตามหากัน ด้วยความพิเศษหลายอย่างและมีประวัติเยอะ ต้องเล่าว่า Porsche จะมีรถสปอร์ตรุ่นพี่กับรุ่นน้อง โดยรุ่นพี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุค 70 ตัวเครื่องยนต์จะถูกวางไว้ที่ตำแหน่งด้านหลังสุดของรถหรือเรียกว่าวางหลัง แต่พอผ่านมาถึงประมาณปี 1999 Porsche เริ่มมาทำรถรุ่นน้องขึ้นมา เนื่องจากประสบปัญหา จึงพยายามหา product มาช่วยให้สถานการณ์ของแบรนด์ให้ฟื้นตัวกลับมา

สำหรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในรถรุ่นน้อง คือการย้ายเครื่องยนต์มาอยู่บริเวณเหนือเพลาล้อหรือเรียกว่าวางกลางหลัง ซึ่งทำให้การขับดีขึ้น Porsche ต้องพยายามกดคุณสมบัติของรุ่นน้องไม่ให้เทียบได้กับรุ่นพี่ แต่ปรากฏว่ามีการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับมลพิษเกิดขึ้น ทำให้อีก 2 ปีข้างหน้า รถรุ่นน้องจะกลายเป็น EV 100% ด้วยเหตุนี้ Porsche จึงอนุมัติให้จัดเต็ม โดยนำเครื่องรถแรงของรุ่นพี่มาใส่ไว้ในรถรุ่นนี้ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน จึงทำให้เป็นที่ต้องการมากๆ บวกกับปีที่แล้วมีรถออกมาน้อยด้วย ผมเองรับมาช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยตัวแทนในเมืองไทยนำเข้าทั้งหมด 4 คัน แต่ก็พอทราบมาว่าปีนี้จะเข้ามาเพิ่มอีกเล็กน้อย และโดนจองหมดแล้ว
นอกจากความโดดเด่นของเครื่องยนต์ตัวนี้แล้ว รถรุ่นนี้ยังมีเสียงที่ไพเราะในแบบที่คุณธีระชื่นชอบ “รถรุ่นนี้ออกแบบมาอย่างดีมาก โดยเฉพาะการดูดอากาศที่จะผ่านไส้กรองไปยังตัวเครื่องทำให้เกิดเสียงเร้าใจดีกว่า เป็นอีกอย่างที่ Porsche ไม่เคยทำมาก่อนเลย ถือว่าเป็นไฮไลต์ของรุ่นนี้อีกอย่างหนึง”

และสิ่งที่ยิ่งส่งให้รถของคุณธีระไม่เหมือนใคร คือลวดลายด้านหน้าฝากระโปรงและหลังคาตัวรถที่ออกแบบขึ้นเอง “อย่างที่พูดไปว่าความสุขของผม คือการมีส่วนที่ได้ลงมือทำเอง ออกแบบเอง อย่างลวดลายของรถคันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของตัวเอง จริงๆ แล้วรถรุ่นนี้คนมักจะตกแต่งฝากระโปรงเป็นสีดำ แต่ผมไม่ชอบอะไรที่เหมือนใคร จึงเลือกทำเป็นลาย และเว้นตรงกลางไว้โดยผมเติมขลิบทองเข้าไปนิดหน่อย ช่วยให้ดูฉีกออกมา”
‘เสน่ห์รถเปิดประทุน’
2021 Ferrari 812 GTS
ด้วยความชื่นชอบในรถเปิดประทุนตั้งแต่ช่วงที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ เมื่อได้พบกับรถยนต์ที่มีความพิเศษอย่าง Ferrari 812 GTS คุณธีระจึงไม่พลาดการเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เลือกรถในเฉดสีแดง

“สำหรับ Ferrari รุ่นนี้ในไทยมีทั้งหมด 8 คัน และทั่วโลกผลิตมาแค่ประมาณ1000 คัน สำหรับความพิเศษก็ต้องเล่าย้อนอีกเช่นกัน คือในยุคเริ่มต้นเครื่องยนต์ของรถ Ferrari จะอยู่ด้านหน้า จนมาถึงยุคกลางๆ เครื่องยนต์ถูกย้ายไปอยู่ด้านหลัง เพราะเริ่มมีการแข่งรถ และรถแบรนด์อื่นเริ่มนำเครื่องยนต์ไปไว้ด้านหลัง แล้วทำเวลาในการแข่งขันได้ดี Ferrari เลยทำตาม ประเด็นสำคัญคือรถรุ่นนี้คือรุ่นสุดท้ายก่อนจะปิดจบ
เครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร 800 แรงม้า เป็นรถที่ขับสบาย และแรงพอที่จะทันใจผม และด้วยความที่เป็นรถเครื่องหน้า ด้านหน้ารถจึงยาวกว่ารถ Ferrari ทั่วไป เวลาออกทริปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เมื่อจอดเรียงกัน รถผมเลยดูแตกต่างไม่เหมือนกับใคร แถมด้านหลังยังขนสัมภาระได้อีกเยอะด้วยคับ”
‘ขับเล่นในเมืองอย่างยูนีค‘
2020 Lamborghini EVO rwd

Lamborghini EVO rwd รถอีกหนึ่งคันที่สวยเด่นไม่แพ้ใคร ซึ่งคุณธีระเลือกไว้เป็นรถที่ใช้ขับเล่นในเมือง เพราะไม่ค่อยมีที่เก็บสัมภาระสำหรับเดินทางไกล
“โดยในรุ่น Huracan จะมีแบ่งเป็นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง กับขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งผมเลือกแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง เพราะชอบมากกว่า และคันนี้เป็นตัวขับหลังคันแรกในไทย เครื่องยนต์เป็นแบบวางกลางหลัง V10 5.2ลิตร 610แรงม้า ซึ่งให้เสียงที่เร้าใจ เน้นขับเล่นสนุกมากกว่าคับ”
‘เติมเต็มจิตวิญญาณนักแข่ง’
2016 Alfa Romeo 4c
จากความชอบในการแข่งรถ แน่นอนต้องมีรถที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง หนึ่งในนั้นคือ Alfa Romeo 4c ที่โดดเด่นด้วยห้องโดยสารแบบชิ้นเดียว หรือ monocoque ซึ่งใช้ในวงการรถแข่งหรือวงการซูเปอร์คาร์ที่มีราคาสูง

“ความพิเศษของ Alfa Romeo 4c คือแบรนด์ที่ไม่ได้ทำการตลาดมาเป็น 10 ปี จึงตั้งใจทำให้รถรุ่นนี้ เพื่อเกิดใหม่ในอเมริกาอีกคร้ง เป็นรถออกแบบเพื่อการวิ่งเล่นในสนามแข่งเป็นหลัก แต่ก็สามารถขับเล่นบนท้องถนนได้ แต่คนส่วนใหญ่จะรับไม่ได้ต่อความแข็งกระด้างของช่วงล่าง ในไทยมีอยู่ประมาณ 6-7 คัน เป็นรถที่วางเครื่องยนต์ในตำแหน่งกลางหลัง มีส่วนช่วยสร้างบาลานซ์ในการขับที่ดี”
‘ชุบชีวิต Porsche รุ่นพิเศษแห่งยุค 80’
1973 Porsche 911 Horngrill RSR replica

ไม่เพียงรถรุ่นใหม่ที่ถือเป็นแพสชันส่วนตัว รถคลาสสิกก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบความสุขที่คุณธีระคลุกคลีมาเกือบ 30 ปี และการแปลงโฉมรถยนต์ Porsche ปี 1971 ให้กลายเป็นรถรุ่นพิเศษปี 1973 คือหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงที่เขาภูมิใจ
“ผมเป็นคนที่เล่นรถคลาสสิกมานานมาก จุดเริ่มต้นก็มาจากความชอบรถ แต่สมัยก่อนเรายังไม่พร้อมจะซื้อรถมือหนึ่ง เลยต้องเลือกเป็นรถมือสองก่อน ทุกครั้งก็จะเลือกรุ่นที่เรารู้สึกพิเศษ บวกกับการที่ทำรถเป็นด้วย ผมสามารถลงมือทำเอง แต่งเอง มุดใต้ท้องรถเอง การอยู่กับรถคลาสสิกจึงไม่ใช่เรื่องยาก
สำหรับการแปลงโฉมรถคลาสสิกคันนี้เริ่มต้นจาก Porsche ปี 1971 เดิมๆ เป็นรถในประเทศไทย ส่วนตัวผมชอบรถรุ่นพิเศษปี 1973 ที่ทั้งโลกมีไม่กี่สิบคัน และไม่สามารถตีมูลค่าได้แล้ว เลยมีความคิดที่จะทำรถที่มีอยู่เลียนแบบให้เหมือนทุกจุด ซึ่งผมมีเพื่อนรักที่สามารถทำได้ ก็เริ่มหาอะไหล่และสั่งเข้ามา ใช้เวลาในการทำทั้งภายนอก ภายในประมาณ 3 ปี มองแล้วจะเหมือนกับรถรุ่นพิเศษปี 1973 แบบ 100% ทุกอย่างอยู่ในลุคคลาสสิกหมด พวงมาลัย เบาะ ผ้า ออกมาจากโรงงานปี 1973 ทั้งหมด แต่ภายในอย่างเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบรก เป็นสมัยใหม่หมด แต่สมัยใหม่ในที่นี้คือปี 1995นะครับ”
‘ย้อนเวลาไปกับรถแข่งสุดคลาสสิก’
1969 Alfa Romeo GTAm replica
รถคลาสสิกอีกคันเป็นรถแข่งดาวเด่นในปี 1969 ของแบรนด์ Alfa Romeo ซึ่งนับเป็นทรงรถที่คุณธีระชื่นชอบมากที่สุด
“ถ้าให้เลือกอย่างเดียวระหว่างรถสมัยใหม่กับรถคลาสสิก ผมขอเลือกรถคลาสสิก และต้องบอกว่า Alfa Romeo GTAm เป็นทรงรถที่ผมชอบมากที่สุด ด้วยความที่ผมโตมากับรถ BMW E30 จึงนิยมรถทรงนี้

…รถ Alfa Romeo คันนี้ได้ทำเป็นรถแข่ง 100% อายุ 56-57 ปี ไม่มีเบรกมือ ไม่มีพรม ประตูไม่มีล็อก กระจกเป็นพลาสติกทั้งหมด เพื่อความเบา ถังน้ำมันเป็นถังน้ำมันแบบรถแข่ง เวลาจะเช็กว่าน้ำมันเหลือเท่าไร ต้องใช้ก้านไม้จิ้มลงไป แล้วคำนวณว่าเราต้องเติมน้ำมันเท่าไร รถวิ่งจะได้เท่าไร เพราะเป็นถัง safety ที่ไม่เกจ์น้ำมันบอก กระจกก็จะเลื่อนออกได้นิดเดียว คันนี้ผมใช้แข่งในรุ่นคลาสสิกจนได้ถ้วยมาหลายใบแล้ว
เชื่อว่ารถแข่งคลาสสิคที่เก่าขนาดนี้ หลายคนยังไม่เคยเห็นแน่นอน”
‘รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใช่’
2022 Mustang Mach-E GT Performance

ปิดท้ายด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่คุณธีระมองว่าจะเป็นเทรนด์หลักในอนาคตอันใกล้ และตัวเลือกที่ทำให้ติดใจ เลือกใช้งานในทุกวันคือ Mustang รุ่น Mach-E GT Performance สีเหลืองมัสตาร์ด
“ผมใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาได้ 4 ปีแล้ว เรื่องแนวโน้มส่วนตัวคิดว่าอย่างไรก็มาแน่นอน ตามการคาดการณ์ส่วนตัว 5 ปีข้างหน้ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นที่แพร่หลายทั่วไป สิ่งที่ยังต้องพัฒนาต่อคือเรื่อง charging station ส่วนของตัวรถน่าจะเป็นแบตเตอรี่ ที่ต้องเพิ่มขีดความสามารถ ชาร์จแล้วต้องสามารถวิ่งได้ไกลขึ้น ปัจจุบันจะอยู่ที่ 300-500 กิโลเมตร แต่ถ้าขยายให้เป็น 1,000 กิโลเมตรได้ การเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าก็จะสะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Mustang ที่ผมใช้อยู่ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี เป็นรถ 4 ประตูระบบไฟฟ้าแบบ 100% ที่ขับสบาย กำลัง 500 แรงม้า ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งได้ 500 กิโลเมตร”