Home > Celebrity > Exclusive Interviews > ครั้งแรกกับการบุกคอนโดของ ‘คุณนันทินี แทนเนอร์’

เห็นหน้าตาผ่านสื่อต่างๆอยู่ไม่บ่อยนักสำหรับผู้หญิงเก่งที่หลงใหลในอาชางามอย่าง ‘คุณพู่-นันทินี แทนเนอร์’ สตรีผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตนที่ชัดเจนอย่างยิ่งทั้งความชื่นชอบการขี่ม้าและมีสไตล์การแต่งตัวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงยาวลายสก็อต

และนี่เป็นครั้งแรกกับการบุกคอนโดหรูที่ถูกปรับให้เป็นเป็นบ้าน 2 ชั้นย่านสาธร ที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงในสไตล์จีนที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสจึงดูไม่แข็งและไม่เชย บนตั่งเต็มไปด้วยหนังสือปกแข็งเกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้เป็นเจ้าของบ้านมายาวนาน ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยโซฟาคู่สีขาวสะอาดตา พร้อมหมอนอิงลายริ้วสีน้ำเงินขาว และหมอนใบเล็กพิมพ์ตัวอักษรเขียนข้อความว่า ‘If I can’t play polo in heaven then I’m not going’

บ้านซึ่งอยู่มากว่า 30 ปี และยังไม่เคยเปิดให้ใครชมมาก่อน เราสะดุดตากับความขาวสะอาดของพื้น ผนัง และเพดาน “ตั้งแต่อยู่มาทาสีไป 2 ครั้งเองค่ะ” คุณพู่เผยเคล็ดลับต่อว่า “ที่ต้องทำผนังปูนให้ขรุขระเพราะตอนหลานเล็กๆ มาที่บ้านจะได้ไม่กล้าจับๆ มันไม่สบายมือ มันก็เลยไม่เลอะ และส่วนมากใช้แต่สีขาวไม่ว่าจะออกแบบอะไร บางคนบอกว่าเหมือนโรงพยาบาล อยากจะบอกความลับของสีขาวว่าเราดูแล้วเป็นสีขาวแต่ที่จริงมีหลายสีในตัวเขามากเลย เดี๋ยวแสงส่องมาตรงนี้ เดี๋ยวตรงนี้มืด จะทำให้บ้านเรามีหลายมู้ดไม่ใช่ขาวโพลน แต่มันจะมีเฉดต่างกัน”

ความเป็นแอนทีกที่อยู่ยงไม่ล้าสมัยจึงทำให้บ้านหลังนี้สวยงาม ดูดีมีรสนิยมทุกมุมมอง ประกอบกับที่คุณพู่ร่ำเรียนมาทางด้านศิลปะ แม้ไม่ได้นำไปใช้ทำงานโดยตรงแต่ก็นำมาปรับใช้ในการตกแต่งบ้านแต่ละหลังได้ดีเยี่ยม และแฝงความเป็นไทยไว้ในเส้นสายต่างๆ เช่น กรอบประตูแบบไทยคว่ำ ทำให้เข้ากับงานประติมากรรมปูนปั้นหญิงแต่งกายแบบโบราณที่อยู่ในช่อง หากสังเกตใกล้ๆ ที่ตัวหุ่นจะมีรอยปากกาจุดเป็นระยะๆ เพราะใช้เป็นเครื่องวัดความสูงของหนุ่มน้อย ‘อุทร แทนเนอร์’ ลูกชายของ ‘คุณโรนัลด์ แทนเนอร์’ สามีของคุณพู่ที่เธอได้เห็นหน้าค่าตาเมื่อเขาอายุได้ 2 ขวบ “เดี๋ยวนี้เข้าตรงนั้นไม่ได้แล้ว” คุณพู่หมายถึงช่องที่หุ่นตั้งอยู่เพราะหนุ่มน้อยอุทรสูงถึง 174 ซม.แล้ว

แม้จะไม่ได้อุ้มท้องมาด้วยตัวเองแต่ความรักที่ถ่ายทอดถึงกันและกันระหว่างคุณพู่และน้องอุทรนั้นสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน ช่วงนี้หนุ่มน้อยอุทรวัย 16 ปี ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านคุณป้าเพื่อติวเข้มเรื่องการเรียน อุทรเล่าอย่างเปิดใจว่า “พ่อสปอยล์ ผมถึงมาอยู่ที่นี่ไง ป้าสปอยล์ผมแต่ก็มีลิมิท ถ้าเทียบกับเพื่อนผมเขาสปอยล์มาก 2 เดือนได้คอมพ์ใหม่หมด ตอนแรกผมจะมาแค่วันหยุด เพราะแถวนี้ใกล้ข้าวสาร กับทองหล่อ หลังจากที่ผมสอบได้ C, D ผมก็ไปถามครูว่าทำไมทำไม่ได้ ครูบอกว่าต้องจำ word ให้ได้ ป้าก็บอกว่าต้องเอาติวเตอร์ อาทิตย์นึง 6 ครั้งๆ ละ 2 ชั่วโมง โอ้โห ไม่ได้กลับบ้านเลย ต้องมาอยู่ที่นี่” เขาร้องครวญแต่ก็ยินยอมเพราะเห็นผล “พอมาสอบเล่นๆ ใน mock up exam ผมได้บี” เขาเล่าต่อว่า “อยู่บ้านพ่อผมไม่เคยเที่ยวเลย อยู่บ้านเล่นเกมทุกชั่วโมง มีการบ้านก็ทำ ทำเสร็จเล่นต่อเลย ตั้งแต่ผมมาบ้านนี้ผมเลิกติดเกม ไปคุยกับเพื่อน ไปหาเพื่อน คือบ้านพ่อไกลอยู่แจ้งวัฒนะ แล้วที่นั่นไม่มีอะไรให้ทำ”

แม้จะเป็นลูกเศรษฐี แต่เขาก็ถูกจำกัดเรื่องการใช้เงินอย่างเคร่งครัด “พ่อให้เงินใช้น้อยมากอาทิตย์ละ 500 บาท ไม่พอที่จะเที่ยว นั่นจันทร์ถึงศุกร์เลยนะ” เขาโอดครวญอีกครั้ง “ตอนนี้ผมไม่ซื้อเกมแล้ว แต่ผมซื้อของแพงมากกว่า ต้องขอเงินป้าเพราะพ่อบอก nonsense พ่อไม่เข้าใจวัยรุ่น เพราะพ่อไม่ชอบแต่งตัว”

วันธรรมดาที่ไปโรงเรียนเขาต้องใส่ยูนิฟอร์ม ส่วนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คือวันที่เขาจะได้แต่งตัวตามแฟชั่นวัยรุ่นเต็มที่ แต่ก็ไม่พ้นสีดำเป็นหลักพร้อมโชว์รองเท้าผ้าใบสีดำคู่โปรดอย่างภูมิใจ แล้วชี้ให้ดูว่าเขาดูกันตรงไหนถึงจะเรียกว่าเจ๋ง ระหว่างนั้นคุณพู่นั่งมองดูอย่างปลื้มใจ เมื่อถามถึงวิธีการเลี้ยงลูก คุณพู่ตอบว่า “ไม่มีวิธี เขาเป็นเด็กเปิดเผย เราก็ให้เขาพูดไป เขาถามว่าคุณป้าจะให้ผมทำยังไงเมื่อรู้ว่า HELLO! จะมาถ่ายรูป เราก็บอกว่า ป้าอยากให้หนูเป็นตัวของหนูเองมากที่สุด” เราหันไปถามอุทรว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร “ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นนักบิน แต่พอความฝันผ่านไปผมไม่ได้คิดอะไรต่อ ผมชอบเรียน Economy Biology กับ Chemistry แต่ Physics ไม่ชอบ

“วันหยุดผมไปซื้อเสื้อผ้าที่สยามเซ็นเตอร์”คุณป้าแอบแซวว่า “กำลังบ้ารองเท้า” “เวลาซื้อก็ขอสตางค์คุณป้า พ่อก็ขอแต่พ่อต้องคุยนาน เขาบอกว่าซื้อทำไม ผมต้องบอกว่าหายาก ถ้าไม่บอกว่าหายากจะไม่ให้ซื้อ” อุทรเล่าอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา อันเป็นเสน่ห์ส่วนตัวของเขาที่ทำให้ผู้ใหญ่เกิดความเอ็นดู

คุณพู่เล่าว่า “เขาเป็นคนช่างพูด หัวเราะเก่ง แต่เวลาถ่ายรูปทีไร ชอบทำหน้านิ่ง” ทุกวันนี้คุณพู่ให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น แต่โครงการล่าสุดคุณพู่ก็ยังให้กับสังคมในเรื่องดนตรี นั่นคือการสร้างคอนเสิร์ตฮอลล์บนถนนวิทยุที่ได้มาตรฐานระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จในปลายปี 2020 ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางทางดนตรีและศิลปะที่ได้มาตรฐานโลก และทำโดยผู้ที่มีจิตใจรักดนตรีและศิลปะอย่างแท้จริง และให้การสนับสนุนวงการคนตรีไทยมาโดยตลอดนับเนื่องมาหลายสิบปี

“ดิฉันจะเป็นผู้ลงทุนให้ ปกติก็ให้ BSO อยู่แล้วปีละล้าน เมื่อเสร็จแล้วจะให้ BSO เป็นผู้ดูแล และจะให้เปียโนสไตน์เวย์อีก 2 หลัง เป็นเปียโนเก่าอายุ 80 ปีเพิ่งซ่อมเสร็จ เปียโนต้องมีคนเล่นไม่อย่างนั้นมันฝืด ยิ่งเล่นยิ่งดี” ด้วยมอตโตในชีวิตที่ว่า “คนเราต้องรู้จัก give and take” ทำให้ชีวิตที่ผ่านมาทุกอย่างก้าวเต็มไปด้วยสีสันของความสุข แม้กระทั่งยามทำงานก็ได้ทำงานในสิ่งที่ชอบมาโดยตลอด และมีสิ่งดีๆ ที่เข้ามาโดยบังเอิญอยู่เสมอ

…………………………………………………………………………………………….

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ นิตยสารเฮลโล ฉบับวันที่ 30 มีนาคม 2560

หรือ https://shop.burdathailand.com/

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.