หากจะเปรียบไปแล้วชีวิตคนเราก็คล้ายกับ ‘อัญมณี’ ที่ถูกกาลเวลาหล่อหลอม สั่งสมประวัติศาสตร์ในตัว จนเกิดเป็นผลึกแร่ที่งดงามในแบบของตัวเอง นิตยสาร HELLO! VOL.18 NO.8 มีโอกาสเชื้อเชิญ ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี, สิริโสภา จุลเสวก, ยูมิ เคียงศิริ, คัทลียา กระจ่างเนตร์ และ พอฤทัย บุณยะจินดา 5 เซเลบริตี้ สุภาพสตรีผู้เฉิดฉายในวงสังคมมาอย่างยาวนาน ผ่านเรื่องราวในชีวิตที่หลอมรวมตัวตนให้เปล่งประกายทั้งเสน่ห์และความงามเฉพาะตัว จนเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงอีกจำนวนมาก เพื่อร่วมจิบนํ้าชายามบ่าย ที่ร้าน House of Tango และแบ่งปันมุมมองความสุขในชีวิตหลังผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 50 ปี พร้อมถ่ายทอดความสวยของเครื่องประดับอัญมณีจาก PRIMA GEMS ที่มาเติมเต็มให้สุภาพสตรีแต่ละท่านโดดเด่น และเปล่งประกายความสง่างามในแบบฉบับของตัวเองยิ่งขึ้น

วัยนี้เราต้องทำอะไรที่ตรงกับใจ อยากให้ทุกคนหาตัวเองให้เจอ และเป็นตัวของเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น
พอฤทัย บุณยะจินดา
เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด
อายุจากเลข 4 สู่ เลข 5 ฟังดูอาจไม่แตกต่างมากมาย แต่มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย คุณดาว – พอฤทัย บุณยะจินดา อธิบายว่า “ทางด้านร่างกาย แน่นอนว่า เมื่ออายุเรามากขึ้นสภาพร่างกายย่อมโรยราไปตามกาลเวลา แต่ในขณะเดียวกันกลับสวนทางกับสภาพจิตใจ ที่สงบนิ่งและแข็งแรงมากขึ้น ตื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างน้อยลง รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ตรงไหนอยู่แล้วมีความสุข และอะไรคือความสุขของเรา เข้าใจพลังงานบวกลบ เพื่อจะได้ถนอมหัวใจของตัวเราเองด้วย สิ่งไหนที่บั่นทอน เราก็พยายามหลีกเลี่ยงให้ได้”
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงชีวิตไหน ๆ ‘ครอบครัว’ ก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุด “ดาวโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อ (พล.ต.อ. พจน์ บุณยะจินดา) คุณแม่ (คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา) มีพี่น้อง (ดวงพร – พันกร บุณยะจินดา) ที่เป็นที่รัก ความทรงจำในวัยเด็กจึงมีแต่ความสุข เราไม่เคยคิดถึงการมีมากหรือมีน้อยเลย เราทานอิ่ม นอนอุ่นในแบบของเรา แม้ว่าตอนนี้คุณพ่อจะไม่อยู่แล้ว แต่ท่านก็อยู่ในความทรงจำของเราตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเรามีครอบครัวเป็นของตัวเอง สามี (ณพ ณรงค์เดช) และลูก ๆ (น้องณดณ – น้องภพ ณรงค์เดช) คือกำลังใจที่ดีที่สุดของดาวค่ะ”
เมื่อถามถึงชีวิตในวัย 50 ปี คุณดาวมองว่า ชีวิตง่ายขึ้น และตั้งใจอยากจะทำสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ตอนนี้ดาวทำหน้าที่เป็นกรรมการของมูลนิธิบุณยะจินดาตามเจตนารมย์ของคุณพ่อ ในการช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมไปถึงอีกหนึ่งบทบาทในการซัพพอร์ตงานของสามีในด้านต่าง ๆ เช่น งานด้านการตลาด ที่โรงพยาบาลนวเวช” และถึงจะยุ่งแค่ไหน คุณดาวยังแบ่งเวลามาทำ Vlog ของตัวเอง ชื่อว่า ‘เรื่องของดาว’ แชร์เรื่องราวชีวิตในแต่ละวัน

ทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวจะรู้ว่าแหม่ม หยุดอายุตัวเองเอาไว้ที่ 28 ถึงในวันนี้ที่เราอายุ 50 เราก็ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้นะคะ
คัทลียา กระจ่างเนตร์
ใจอ่อนวัย…หยุดไว้ที่ 28
ห่างหายไปจากการถ่ายแบบหลายปี สำหรับ คุณแหม่ม – คัทลียา กระจ่างเนตร์ เพราะเทคิวสลับโหมดไปโลดแล่นสนุกกับงานอาชีพนักแสดงที่รัก มีผลงานอยู่บนหน้าจอทีวีทั้งละครและซีรี่ส์ การันตีผลงานความเป็นมืออาชีพด้วยการคว้ารางวัลจากเวทีต่าง ๆ มากมาย ล่าสุดกำลังจะมีละคร ‘สืบลับหมอ ระบาด’ มีเวลาคุณแหม่มจะอัพเดตภาพครอบครัวให้เห็นอยู่บ้างผ่าน อินสตาแกรมส่วนตัว ทำให้หลายคนได้เห็นภาพลูก ๆ ทั้งสาม ‘แมค-สิริ คิน-สยาม เนซซี่-สิรินทร์’ ที่เริ่มโตเป็นหนุ่มหล่อและสาวสวย รวมถึงธุรกิจที่เธอบุกเบิกและดูแลร่วมกับสามี คุณบีบี๋-สงกรานต์ กระจ่างเนตร์ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม The Sevenseas Resort เกาะกระดาน จังหวัดตรัง และสิรินทร์ ฟาร์ม ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกปลอดสาร
คุณแหม่มกล่าวว่าวัย 28 ปี สำหรับเธอคือช่วงอายุที่สนุกกับการทำงาน มีความมั่นคงด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งคุณพ่อคุณแม่ ในขณะเดียวกันสามารถจัดสรรเวลาไปทำกิจกรรมที่ชอบอย่างดำน้ำ ดังนั้นแม้อายุจะมากขึ้น แต่ใจก็ยังตั้งไว้ที่ 28 เหมือนเดิม “เราปฏิเสธสังขารที่ร่วงโรยไปตามวัยไม่ได้ เช่นเดียวกับสุขภาพที่แตกต่างไปเยอะ แต่จิตวิญญาณ ความรู้สึก หรือการใช้ชีวิตใด ๆ แหม่มไม่ได้ให้ค่ากับเลข 5 มากขนาดนั้น”
คุณแหม่มเล่าว่าช่วงที่ก้าวสู่อายุ 50 ถือเป็นปีที่ค่อนข้างโหดร้ายกับเธอ ทั้งปัญหาเรื่องสุขภาพและการสูญเสียคนที่รักในครอบครัว ทุกอย่างประดังประเดมาพร้อมกัน “เริ่มตั้งแต่ติดโควิดที่อังกฤษ เหตุเกิดจากเราฉีดวัคซีนไปแค่ 3 เข็ม ช่วงนั้นจัดแจงให้ทุกคนได้ฉีด แต่ลืมของตัวเองทำให้เว้นจากวัคซีนไปประมาณ 7 – 8 เดือน พอไปติดที่อังกฤษไม่รู้ตัว ไม่ได้กินยา จนเป็น Long Covid อยู่หลายเดือน ทรมารมาก ทั้งเหนื่อย หายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้รส ไม่ได้กลิ่น คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลงไป 2 – 3 กิโลกรัม คุณหมอวิเคราะห์ว่าวัยทองก็อาจจะมีผลทำให้เกิดอาการแบบนี้ด้วย เวลาผ่านไปเหมือนกำลังจะดีขึ้น ก็มาสูญเสียคุณแม่อีก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตแหม่ม กลับมาอาเจียนอีก น้ำหนักลดลงไปอีก 5 กิโลกรัม แต่สุดท้ายเราก็รู้ว่าจริง ๆ เกิดจากความโศกเศร้าของการสูญเสีย ปีนั้นจึงถือเป็นช่วงชีวิตที่คงจำได้ไม่ลืม” คุณแหม่มกล่าว
เมื่อถามว่าในวัยนี้ อะไรคือสิ่งที่คุณแหม่มให้ความสำคัญที่สุด คำตอบเดียวสำหรับเธอคือ ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็ตาม “ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิต เรียกว่าเป็นแบตเตอรีที่ดีที่สุดของแหม่มเวลาเราเหนื่อย ท้อใจ ไม่ไหว ครอบครัวจะเป็นสิ่งที่พยุงให้เรามีแรงอยู่ มีแรงแก้ปัญหา และมีแรงเดินไปข้างหน้า เรียกว่าเป็นทุกอย่างให้เราจริงๆ” คุณแหม่มกล่าว

ทุกอย่างที่เราทำ เราตั้งใจทำให้ดีที่สุด ในแง่ของการทำงาน ถ้าเป็นลูกจ้าง เราก็ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดี ถ้าอยู่ในทีม เราก็อยากเป็น Team Player ที่ดี
ยูมิ เคียงศิริ
สนุกและท้าทายกับทุกบทบาทในชีวิต
ไม่ว่าจะเจอครั้งใด เซเลบริตี้ สาวสวย คุณยูมิ เคียงศิริ ก็ยังคงสวยสดใส ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูดีเสมอ ซึ่งเพื่อน ๆ เพิ่งมาจัดเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้ฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 50 ให้เธอเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างในวัยที่ก้าวสู่เลข 5 คุณยูมิกล่าวว่าหากเป็นเรื่องของความรู้สึก แม้เลข 50 จะเป็นตัวเลขที่ใหญ่ขึ้น เธอกลับไม่ได้คิดว่ามีความแตกต่างมากนักหากเทียบกับช่วงวัย 40 แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงคือบทบาทหน้าที่การทำงานใหม่ของตนเอง จากเดิมที่เคยรับตำแหน่งผู้บริหารแบรนด์นาฬิกาเพนดูลัม มานานนับสิบปีเธอเพิ่งก้าวมารับตำแหนง่ Chief Marketing Officer ให้กับร้านอาหารในเครือนารากรุ๊ป ได้ไม่กี่วันดูแลทั้งร้านอาหารไทยนารา, อภินารา, เลดี้นารา, โค ลิมิเต็ด, โค โก ราวด์, มาดามแม่, อั้งม้อ และ อิงคฺ (อิงคะ) เรียกว่าเข้าสู่ธุรกิจอาหารแบบเต็มตัว
“ตลอดชีวิตเราทำงานในสายลักซ์ชัวรีมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นหรือนาฬิกา ดังนั้นพอเปลี่ยนมาทำงานสาย Food Industry ทำให้มีอะไรที่ต้องเรียนรู้เยอะขึ้นมาก สิ่งหนึ่งที่อุตสาหกรรมนี้แตกต่างจากแฟชั่นคือตลาดหมุนเร็วกว่ามาก มีรายละเอียดและองค์ประกอบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะต้องดีลกับลูกค้าอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้แต่พนักงานเอง ทั้งหมดนี้เราจำเป็นต้องเรียนรู้ใหม่ในวัย 50 แต่นั่นก็ทำให้เรารู้ว่า การเรียนรู้เป็นอะไรที่ไม่มีวัย อายุเท่าไหร่ก็สามารถจะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ได้ไม่ต่างกัน ตอนนี้ก็อาจจะเครียดนิดหน่อยเพราะเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับเรา แต่บอกตัวเองว่าต้องเรียนรู้ให้เร็ว จะได้เข้าใจว่าเขาทำอะไรกัน” คุณยูมิกล่าว
ส่วนสิ่งที่คุณยูมิให้ความสำคัญมากที่สุดในชีวิตขณะนี้ อันดับแรกยกให้ครอบครัว รองลงมาคือสุขภาพของตนเอง “สิ่งที่มิให้ความสำคัญมากที่สุดคือครอบครัว ความสุขของครอบครัวเป็นความสุขที่เรียบง่ายมาก แต่กลับเป็นหลักของทุกอย่าง ในขณะเดียวกันเราก็ต้องมีสุขภาพที่ดี ที่จะได้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน ถ้าเรามีสุขภาพที่ไม่ดี เราจะไปทำอะไรไม่ได้เลย มิอยากเป็นอย่างคุณแม่ ที่อายุ 88 ปีแล้ว แต่ยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้ทุกอย่าง วันหนึ่งเมื่อเราแก่กว่านี้ เราก็ยังอยากเดินได้ ทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้”

ยีนก็มักจะพูดกับเพื่อน ๆ ตลอดว่า อยากทำอะไรอย่าคิดว่าจะทำตอนแก่ เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้อยู่จนแก่หรือเปล่า
สิริโสภา จุลเสวก
สุขกับการได้ดูแลตนเองและคนรอบข้าง
ใครที่รู้จัก คุณยีน – สิริโสภา จุลเสวก จะรู้ว่าเธอใส่ใจกับการดูแลตนเองเสมอ เจอกันครั้งใดก็สวยเนี้ยบและแต่งตัวดูดีมีสไตล์ไม่เปลี่ยน ในวันที่ก้าวสู่วัยเลข 5 กลับมีจุดเปลี่ยนหลาย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ เริ่มจากหน้าที่การงานที่เธอตัดสินใจลาออกจากงานประจำในแวดวงแฟชั่นลักซ์ชัวรีที่ทำมานานเกือบ 16 ปี เพื่อมาทำธุรกิจของตนเองอย่างเต็มตัว ปัจจุบันเธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารในเครือนารา กรุ๊ป แต่ในด้านครอบครัว 3 – 4 ปีที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาแห่งการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ที่จากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน แม้จะเป็นเรื่องอันแสนเศร้าแต่เธอเลือกมองอย่างเข้าใจ และมีความสุขไปกับแต่ละช่วงเวลาของชีวิต
ใครจะคิดว่าทุกการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องงานครอบครัว รวมไปถึงการดูแลตัวเอง จะเริ่มต้นขึ้นในวัยนี้ แต่คุณยีนปรับตัวได้ และปรับได้อย่างดีอีกด้วย “เป็นความตั้งใจของยีนอยู่แล้วว่าอยากลาออกจากงานก่อนอายุ 50 เพราะอิ่มตัวกับงานธุรกิจลักซ์ชัวรีรู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่ให้เรียนรู้เพิ่มแล้ว จึงอยากออกมาอยู่บ้านมากขึ้น ให้เวลากับครอบครัว กับลูกมากขึ้น ยิ่งตอนนี้ลูกสาว (น้องบีม-ธารารักษ์ รักตะบุตร) ไปเรียนต่อที่อังกฤษ ยีนก็พยายามจะไปอยู่กับเขาให้มากขึ้น” คุณยีนกล่าว แต่จุดหักเหของเธอจริง ๆ คือช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากการจากไปของคุณพ่อที่เสียในก่อนช่วงโควิด และต่อมาอีกไม่นานก็เป็นคุณแม่
“การจากไปของคุณพ่อและคุณแม่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตสั้นค่ะ สอนให้เรามองความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่มาเตือนให้เราคิด เป็นมรณานุสติค่ะ ให้เราคิดและผ่อนปรนกับชีวิตมากขึ้น คิดอยากทำอะไร ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ให้ทำเลย”
อีกหนึ่งกิจกรรมในชีวิตของคุณยีนขณะนี้คือการทำบุญ “จริงๆ ยีนถูกสอนมาให้ทำบุญทำทานเป็นประจำอยู่แล้ว เป็นบ้านที่ชอบทำบุญค่ะ โดยเฉพาะพี่สาวก็จะเป็นสายบุญมากหน่อย พอยีนเลิกทำงานประจำ เวลาก็จะ flexible มากขึ้น เลยได้ไปวัดกับพี่สาวมากขึ้น ผิดกับสมัยก่อนตอนทำงานที่เราหาเวลาไม่ค่อยได้ ยีนและที่บ้านมีความคิดเสมอว่า ค่อย ๆ ทำสะสมบุญไปเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ต้องทำด้วยใจ มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย ยีนจะยึดคติว่าถ้าเรามีเงินเหลือพอ ไม่ลำบาก จะทำบุญทันที ไม่ต้องรอให้มีเงินเยอะ ๆ ค่อยทำ”

เราควรอยู่กับปัจจุบัน ใช้หลักคำสอนของพระพุทธศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจ ที่สำคัญคือใช้ชีวิตอย่างมีสติเป็นตัวเองในแบบที่เรามีความสุขดีที่สุด และพอใจในสิ่งที่เราเป็นก็เพียงพอแล้วค่ะ
ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี
ใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือดีที่สุด
ได้รับยกย่องให้เป็น role model ของผู้หญิงหลาย ๆ คนในยุคนี้ สำหรับ คุณหญิงต้น – ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ทั้งชีวิต ครอบครัว และไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน เธอยังสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ และยังแอ็กทีฟในโลกออนไลน์ คอยอัพเดตชีวิตผ่านโซเซียลมีเดีย ให้เหล่าฟอลโลเวอร์ที่มีกว่าหลักแสนได้ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
แม้บางคนจะกังวลกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เมื่ออายุเกินเลข 5 ไปแล้ว แต่คุณหญิงต้นกลับบอกว่า “ช่วงนั้นแทบไม่มีความกังวลใจเลย แต่กลับกลัวมาก ตอนอายุเลข 3 ซึ่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนะคะ ด้วยคิดเสมอว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่สามารถจำกัดเราได้ ตอนอายุ 40 ต้นตัดสินใจไปเจาะหูเพิ่ม และตัดผมสั้นตั้งแต่นั้นมา จนกลายเป็นซิกเนเจอร์เวลาไปไหนก็ต้องใส่ต่างหูตลอด ถ้าลืมใส่ ถึงขั้นต้องวนรถกลับบ้าน เพื่อใส่ต่างหู เพิ่มความเป็นผู้หญิงหน่อย”
จะว่าไปก็เกินกว่าครึ่งชีวิตแล้ว จึงไม่แปลกที่จะมีเรื่องราวทั้งทุกข์และสุข “ต้นต้องขอบคุณทุก ๆ คนรอบข้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ทั้งคุณพ่อ ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร คุณแม่ (ท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤดากร ณ อยุธยา) คุณย่า (ม.ล.แส กฤดากร) น้องชาย (ม.ล.ชโยทิต กฤดากร) ที่โตมาด้วยกัน รวมไปถึงญาติ ๆ ทุกคน ที่ให้โอกาสต้นได้ทำอะไรหลายอย่าง หรือแม้กระทั่งคุณครูที่โรงเรียนทุกท่าน ที่ให้ต้นได้เล่นได้เรียนในสิ่งที่สนใจ ชีวิตในวัยเด็กจึงได้รับครบและมีความสุขมาก ๆ พอแต่งงาน ก็ต้องขอบคุณพี่นิดหน่อย ที่ทำหน้าที่สามีและดูแลต้นอย่างดี จนมีลูก ๆ เป็นครอบครัวของเราที่อบอุ่น อยู่ด้วยกัน 5 คน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด กับเพื่อน ๆ ก็เช่นเดียวกัน ต้นมีเพื่อนหลายกลุ่ม ก็ได้ใช้เวลาสังสรรค์กันค่ะ”
หากถามว่าในวัยที่ล่วงเลยมาจนถึงเลข 6 แล้วยังมีอะไรที่อยากจะทำอีกไหม คุณหญิงต้นตอบทันทีว่า “ไม่ได้มีอะไรอยากทำพิเศษ เพราะได้ลองทำมาหมดแล้ว และใช้ชีวิตวัยเกษียณมาสักพัก ไปเที่ยวพักผ่อนตามใจตลอด แต่สิ่งที่อยากเป็นมานานมาก คือการเป็น ‘คุณย่า หรือ คุณยาย’ อยากมีหลาน ต้นเป็นคนชอบเด็กค่ะ แต่ก็ไม่มีลูกคนไหนแต่งงานเลยสักคน”
PHOTOGRAPHER วสันต์ ผึ่งประเสริฐ
LOCATION HOUSE OF TANGO
JEWELRY PRIMA GEMS
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสาร HELLO! VOL.18 NO.8 (AUG 2023)