เผยเรื่องราวของ ‘เฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช’ กว่าจะมีเบบี๋น่ารักแบบนี้…บอกเลยว่าไม่ง่าย!!!
การมีลูกในวัยขึ้นหลักสี่บอกได้เลยว่าไม่ง่าย แต่การมีลูกแฝดในวัยนี้นั้นแน่นอนว่าย่อมต้องยากลำบากเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว และผู้ที่ต้องรับบทหนักก็หนีไม่พ้นผู้ที่เป็นคุณแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณเฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช นักธุรกิจสาวสวยที่ตัดสินใจมีลูกในวัยต้นสี่สิบ แม้ว่าทีแรกเธอจะไม่เห็นด้วยกับ คุณติ-ปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ ผู้เป็นสามีก็ตาม
“เมื่อก่อนเฟย์ไม่ได้ relate กับเด็ก แล้วคุณพ่อเฟย์เป็นคนทำงาน ก็จะสอนให้ทำงานเป็น working woman มากกว่าค่ะ” คุณเฟย์ออกตัวก่อน

“ผมคุยกับเขาตั้งแต่แรกคบกันว่า ผมอยากมีลูก เฟย์ถามว่าทำไมพี่ติอยากมีลูก ผมก็ถามว่าแล้วคุณพ่อเฟย์ไม่อยากมีหลานหรือ คุณพ่อผมอยากมีหลานมาก โดยเฉพาะหลานชาย เฟย์ก็บอกป๊าไม่เคยพูดนะ แล้วแต่ลูก ผมก็บอกว่าที่อยากมีลูก เพราะพอเราถึงจุดหนึ่งในชีวิตที่เราสั่งสมประสบการณ์มา ผมก็อยากถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับลูกของเราเพื่อให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและทำประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
“พอได้ฤกษ์แต่งงานมา ผมจึงพาเขาไปปรึกษาคุณหมอเรื่องทำ IVF เลย ก็ได้ลูกสาวกับลูกชายมาอย่างละหนึ่ง แล้วพอแต่งงานปุ๊บเราก็ฝังเด็กชาย แต่ไม่ติด ก็เสียใจกันไปยกหนึ่ง เลยเว้นวรรคไปปีหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเก็บไข่ใหม่ ก็ได้ตัวอ่อนแค่ตัวเดียวและเป็นผู้ชาย แล้วผมก็เกลี้ยกล่อมให้เขายอมมีลูกสาวอีกคน เพื่อจะได้เป็นเพื่อนแม่ แรกๆ เขาก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเกรงว่าท้องแฝดสองจะหนักและดูแลลำบาก แต่ตอนหลังเขายอม ก็ฝังตัวอ่อนในวันชาติอเมริกาพอดี

“คนส่วนใหญ่คิดว่าทำ IVF ไม่ยาก แค่อย่าเครียด คำว่าสบายไม่ใช่ว่าฝังเสร็จแล้วเดินช็อปปิ้งได้ ไม่ใช่ครับ ต้องนอนเยอะๆ ดูแลตัวเองอย่างดี หลังจากฝังปุ๊บเราเลยจองห้องข้างบนคลินิกเลย ตอนแรกตั้งใจจะนอนแค่ 4 วัน สุดท้ายนอน 10 วันเลย แล้วเขาก็กินแกนสับปะรดทุกวัน”
Episode แรกของการตั้งท้อง
ต้องบอกว่ากระบวนการในการเป็นแม่ของคุณเฟย์ เธอต้องรับบทหนักหลายอย่าง เพื่อให้ได้ลูกแฝดมาเชยชม เธอต้องเสียสละความสุขในชีวิตไปหลายอย่าง “กระบวนการเริ่มตั้งแต่เก็บไข่ก็เหนื่อย ฝังตัวอ่อนก็เหนื่อย ตอนท้องยิ่งเหนื่อย (หัวเราะเฝื่อน) น้ำหนักขึ้นมา 11 กก. เพราะเฟย์คุมน้ำหนัก เนื่องจากเฟย์เข้าข่ายคุณแม่ที่มีโอกาสเป็นเบาหวานหมดเลย ไม่ว่าจะครรภ์แฝด อายุขึ้นเลขสี่ หรือภาวะรกเกาะต่ำ เฟย์จึงต้องออกกำลังกายเบาๆ เพื่อให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดี ให้ข้อต่อมีการเคลื่อนไหว ปกติเฟย์กินอาหารคลีนอยู่แล้ว ก็ต้องกินคลีนมากกว่าปกติ โดยเฉพาะไข่ต้มต้องกินเยอะมาก (เน้นเสียง) เพื่อให้เด็กน้ำหนักถึงเกณฑ์”

อาการแพ้ท้องก็เป็นอีกอย่างที่เธอต้องเผชิญ “ช่วงแรกเฟย์แพ้ท้องหนักมาก กินอะไรไม่ได้เลย อาเจียนหมด เหม็นทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมหรืออาหาร เที่ยงคืนมานั่งเกาะโถส้วม อาเจียนเป็นน้ำใสๆ ทรมานมาก เพราะท้องแฝดทำให้ฮอร์โมนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่สามารถกินอะไรลง นอกจากซูกัสกับป๊อปคอร์น”
คุณเฟย์ยังบอกเราอีกว่า ภาวะที่เธอรู้สึกแย่ที่สุดคือช่วงไตรมาสที่สองกับสาม เนื่องจากลูกแฝดเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ครรภ์ใหญ่มาก เบียดปอดจนทำให้เธอหายใจไม่ออก และการจะนอนสบายเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งก็ได้ยอดสามีอย่างคุณติคอยหาทางช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปทีละเปลาะๆ
“มีอยู่วันเฟย์จำได้ว่านั่งๆ อยู่แล้วจะเป็นลม เหมือนคนปีนเขาแล้วขาดออกซิเจน สามีก็น่ารักช่วยเอาโน่นเอานี่มาให้ แต่ก็ไม่ช่วยเลย จนเขาไปคว้าออกซิเจนกระป๋องมาให้ เฟย์สูดเข้าไปหายเลย แล้วปกติท้องเดี่ยวเด็กจะมีพื้นที่เยอะ ถ้าแม่นอนตะแคงด้านหนึ่งเด็กจะย้ายไปอีกด้าน แต่ท้องแฝดถ้าแม่ตะแคงด้านไหนเจ้านี่ก็เตะ คะแคงอีกด้านเจ้านั่นก็เตะ แล้วนอนหงายไม่ได้เพราะน้ำหนักเขาจะกดทับเฟย์
“คุณติเขาเลยออกแบบทำเตียงหลุมชั่วคราวให้ โดยเอาหมอนยาวมาทำเป็นตัวยูสองชั้นซ้อนกัน แล้วเอาเก้าอี้มารองไว้เป็นช่องสำหรับหายใจ ให้เฟย์นอนคว่ำ แล้วเอาหมอนมารองช่วงอกกับต้นขา น้ำหนักจะได้ไม่ลงที่ท้องมาก เป็นเวลานอนสองชั่วโมงที่สบายที่สุด แต่นอนไม่ได้นานกว่านั้น เพราะจะปวดไหล่และคอ เป็นแบบนี้ทุกคืน ตื่นมากลางดึกเพราะรู้สึกหิวโซ ก็ต้องกินโยเกิร์ต กินนม กินผลไม้
“ช่วงแรกรกเกาะต่ำด้วย ทำให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด แล้วแม่เสียเลือดมาก ต้องระวังหลายสิ่งอย่าง เลยต้องไปฝากท้อง 2 แห่งที่จุฬาฯ กับบำรุงราษฎร์” คุณเฟย์เล่า
คุณติเสริม “หมอที่จุฬาฯ ให้ยาตัวหนึ่งซึ่งช่วยได้มากเลย เป็นยาช่วยผ่อนคลายไม่ให้ท้องแข็ง ซึ่งเป็นอาการที่น่ากลัวที่สุดสำหรับท้องแฝด เพราะว่าเด็กขยายผนังหน้าท้องแม่เต็มที่แล้วไปต่อไม่ได้ ก็จะดันออก ทำให้คลอดก่อนกำหนด เฟย์กินยานี้แรกๆก็ใจสั่น (สั่นตุ้บๆ คุณเฟย์บอก) จนหลังๆ เริ่มชิน”
คุณเฟย์บอก “ทีแรกตอนไตรมาสสุดท้ายเรากะจะไปเบบี้มูนที่ญี่ปุ่น ก็มีผู้ใหญ่เตือนว่าไม่ควรขึ้นเครื่องนะ เพราะออกซิเจนน้อย แล้วเราท้องแฝดด้วย คุณติก็เลยพาเฟย์ไปเที่ยวหัวหินแล้วก็เขาใหญ่”
“เราขนของไปเยอะมาก เพราะต้องขนหมอนทั้งหมดไปด้วย เต็มรถเลย สุดท้ายก็สามารถอุ้มท้องได้เกินกำหนดขั้นต่ำ จาก 36 วีค ก็สามารถอุ้มท้องต่อได้ถึงฤกษ์คลอดที่ 37 วีคกับอีก 5 วัน” คุณสามีพูด
“ช่วงใกล้คลอดโคลเอ้น้ำหนักไม่ถึง 2 กก. เฟย์เลยต้องอัดไข่ขาวทุกวัน จนเขาน้ำหนักขึ้นมาครึ่ง กก.เลย ซึ่งเป็นผลดีต่อเด็กค่ะ” คุณเฟย์พูดอย่างภาคภูมิใจ
คอลิน โคลเอ้ สองชีวิตใหม่
หลังคลอดตลอดสามวันแรก ทารกน้อยทั้งสองยังคงใช้ชื่อเด็กชายเด็กหญิงปรีดานนท์ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ยังสรุปชื่อเรียกไม่ได้ คุณเฟย์เล่าก่อนว่า
“ตอนแรกเราสองคนคิดว่าลูกชายจะให้ชื่อว่าเจเดน ลูกสาวชื่อจาเดีย แต่อาจารย์ที่เราสองคนนับถือบอกว่า เด็กเกิดวันพฤหัสห้ามมีจ.จานกับด.เด็ก เฟย์ชอบชื่อแคลร์กับโคลเอ้ เฟย์ก็เลยถามคุณพ่อเฟย์ว่า ชอบชื่อไหน ท่านบอกว่าชื่อโคลเอ้เรียกง่าย ก็เลยได้ชื่อลูกสาวก่อน ทีนี้ชื่อผู้ชายที่ขึ้นต้นด้วย c ค่อนข้างหายาก”
ความผูกพันแบบฝาแฝดของคอลินและโคลเอ้ ฉายแววตั้งแต่อายุยังน้อย “เขาผูกพันกันนะคะ ทุกครั้งที่คอลินอยู่กับน้อง ไม่ว่าจะถ่ายรูปหรือเจอคน เขาจะจับมือน้อง”
“มีงานวิจัยบอกว่า ถ้าเราปล่อยให้เด็กทารกโตแบบตามมีตามเกิด เขาจะเรียนรู้คำศัพท์แค่วันละ 500 คำ แต่ถ้าเราคุยกับเขาจะเรียนรู้วันละ 2,000 คำ เพราะฉะนั้นถ้าทำตลอด 365 วัน เด็กจะบันทึกคำศัพท์ไม่ว่าภาษาใดก็ตามลงในสมองกี่คำ สมองเด็กตั้งแต่ 1 – 6 ขวบจะเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับได้หลายอย่าง มหัศจรรย์มาก เฟย์ก็เลยจะสอนลูกในช่วงเช้า ส่วนตอนบ่ายพาไปหัดว่ายน้ำ เพราะเขาบอกว่าเด็กอายุไม่ถึงสี่เดือนจะยังคุ้นชินกับน้ำตั้งแต่ตอนอยู่ในท้อง คอลินเก่งมากดำน้ำได้ครึ่งหัว แต่ช่วงไหนไปไม่ได้ก็ไม่ฝืน
“มีหลายคนบอกว่าคอลินไฮเปอร์เหมือนแม่ เฟย์พลังเยอะ แต่ตอนนี้ถูกลูกดูดไปหมดแล้วค่ะ (หัวเราะ) เฟย์อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องหาอะไรทำ จนคุณติถามว่าอยู่บ้านเฉยๆ เป็นหรือเปล่า พอแต่งงานกับคุณติทำให้เฟย์เรียนรู้ว่าการอยู่บ้านเฉยๆ ก็มีความสุขได้ ก็ได้เรียนรู้มา”
“การมีลูกของเราไม่ง่าย เพราะเริ่มช้า แต่ที่ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ ก็เพราะเฟย์ทุ่มเททุกอย่างให้กับลูก ทำให้ผมรักเขามากขึ้นอีก เฟย์เขาก็ไม่เชื่อบอกว่าเฟย์โทรมจะตาย พี่ติจะรักเฟย์เหรอ ก็บอกไม่ใช่เลยเฟย์ ช่วงสามเดือนแรกเขาจะกลับไปฟิตหุ่นก็ได้ เพราะน้ำหนักเขาขึ้นแค่ 3 กก.เอง แต่เขายอมกินเยอะทุกมื้อ ก็เพื่อให้เพียงพอที่จะผลิตน้ำนมให้ลูก ซึ่งผมว่าน้อยคนมากที่จะทุ่มเทขนาดนี้ เพราะเฟย์คิดว่านี่เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เขาจะทำให้ลูกได้ ผมว่าผมโชคดีที่สุดที่ได้เป็นสามีและเป็นพ่อของลูกเขา”
สามารถติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 11
ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2563
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com