สำเนาฉบับถูกต้อง ‘เกริกพล – อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช’ เพราะ‘สิ่งที่ผมอยากให้ลูกมากที่สุดคือเวลา’
ภาพจำของผู้ชายชื่อ ‘ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช’ คือคาสโนวาเจ้าเสน่ห์ บุคลิกคล่องแคล่ว มั่นใจในตัวเอง พูดจาฉะฉาน ตรงไปตรงมา แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รักการเดินทาง และโปรดปรานการรับประทานอาหาร นั่นคือสิ่งที่คุ้นตากันดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าผู้ชายคนเดียวกันนี้ เมื่อสวมบทเป็น ‘พ่อ’ เขาจะโหยหาความรักและปรารถนาอ้อมกอดจากลูกชายคนเดียวอย่าง ‘น้องอชิ-อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช’ ได้มากขนาดนี้ ยิ่งน้องอชิเติบโตขึ้นเท่าไหร่ คุณพ่ออย่างคุณฟลุคก็ยิ่งใจหาย เพราะรู้สึกเหมือนเวลาที่จะได้หอมได้นอนกอดลูกนั้นจะลดน้อยตามไปด้วย

คุณพ่อยังหนุ่ม
เผลอแป๊บเดียว น้องอชิเด็กชายตากลมโตก็กลายเป็นหนุ่มน้อยตัวสูงยาวไปแล้ว ในขณะที่คุณพ่อฟลุคยังคงเป็นหนุ่มหล่อเนี้ยบไม่เปลี่ยนแปลง ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพ่อลูกคู่นี้คล้ายกันยังกับฝาแฝด!
“ผมตั้งใจไว้ว่าถ้ามีโอกาสแต่งงานจะรีบมีลูกเลย เพราะคุณพ่อผม (คุณมานิต มัสยวาณิช) มีผมตอนท่านอายุ 21 ปี ผมเลยคิดว่าดีจังที่เราได้โตไปกับพ่อ แล้วก็ไม่เคยกังวลว่าพ่อจะแก่หรือจะอยู่กับเราไม่นานเลย จริงไหมลูก” คุณฟลุคหันไปถามลูกชายเมื่อตอบคำถามถึงความรู้สึกของการเป็นพ่อที่มีลูกโตเป็นหนุ่มทันกัน
น้องอชิอมยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบสนับสนุนคำคุณพ่อว่า “ก็ดีครับ เราไปด้วยกันได้ทุกเรื่อง แต่ตอนนี้อชิโตขึ้นก็กลายเป็นพ่อที่เริ่มมาตามอชิบ้าง เห็นชัดๆ ก็เรื่องเสื้อผ้าครับ ปกติพ่อชอบใส่เสื้อเชิ้ตหรือไม่ก็ทีเชิ้ต แต่เดี๋ยวนี้พ่อหันมาซื้อเสื้อผ้าแบบที่อชิใส่บ้างแล้ว เพราะพ่ออยากเด็กครับ” (ยิ้ม)

ไม่เพียงหน้าตาพิมพ์เดียวกันชนิดที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นคุณพ่อคุณลูกกันแน่ๆ คู่นี้ยังสนิทสนมกันมากอีกด้วย “ผมเลี้ยงลูกใกล้ชิดเหมือนเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้วางตัวเป็นพ่อที่ลูกต้องเข้ามากราบเท้าเช้าเย็น แต่เจอหน้ากันลูกต้องสวัสดีแล้วเข้ามา กอดกันนะ จะยกมือไหว้อย่างเดียวพ่อไม่โอเค (ยิ้ม) ผมเล่นกับลูกเหมือนเขาเป็นเด็ก คอยให้คำปรึกษาเหมือนเป็นเพื่อนสนิทของเขา และก็พร้อมปกป้องดูแลเขาตลอดไป เพราะเขาคือลูกผม อชิเองถึงจะโตแล้วแต่ก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ บางทีเขาก็อ้อน ‘พ่อทำนี่ให้หน่อย ทำนั่นให้หน่อย’”
หนุ่มขี้อ้อนในสายตาพ่อก็ยกให้คุณฟลุคเป็นเพื่อนที่สนิทสุดของเขาเช่นกัน “พ่อให้อชิเป็นเหมือนความคิดที่สองของพ่อ เวลาพ่อจะทำอะไรก็จะถามความเห็นอชิตลอด อย่างจะกินร้านไหน สั่งอาหารอะไร ใส่ตัวนี้ดีไหม ซื้ออันนี้ดีหรือเปล่า มีอะไรพ่อก็เล่าให้ฟังตลอด อย่างเรื่องหุ้น พ่อก็เล่าเหมือนอชิเป็นผู้ใหญ่คนนึง พ่อเป็นคนชิลล์ อยู่กับพ่อแล้วสนุก ได้กินของอร่อยๆ และก็ได้เที่ยวเยอะดีครับ”
กิจกรรมสุดโปรด
คุณฟลุคถ่ายทอดความเป็นคนช่างกินให้ลูกชายคนนี้มาตั้งแต่น้องอชิยังเด็ก “ผมกินข้าวกับลูกเยอะมาก ยิ่งทำรายการของตัวเองก็มีโอกาสได้กินมากขึ้น ทั้งอาหารมิชลิน อาหารขึ้นชื่อ แต่อชิชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะซูชิ บางครั้งชวนเขาไปกิน ลูกก็ไม่ยอมไป บอกเสียดายตังค์แทนพ่อ แต่ผมอยากให้ลูกมีประสบการณ์ ก็สอนเขาว่าเรากินเพื่อรู้ ไม่ใช่ว่าต้องกินของแพงทุกมื้อ”
“เรื่องกินพ่อค่อนข้างตามใจ อชิเลยได้กินอาหารดีๆ มาตั้งแต่เด็ก อยากกินอะไร พ่อก็พาไปกินตลอด ที่ชอบอาหารญี่ปุ่นเพราะมีวัฒนธรรม มีเรื่องราว เขาใส่ใจและพิถีพิถันทุกขั้นตอน อย่างซูชิแต่ละคำที่เชฟเสิร์ฟ ปลาที่ใช้ก็ต้องไปตลาดปลาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อประมูลแข่งกับร้านอื่นมา แล้วไม่ใช่แค่ความสดของปลา เขายังใส่ใจกระทั่งความแน่นของข้าวที่นำมาปั้น สำหรับเราอาหารจึงไม่ได้แค่ให้ความอิ่มครับ แต่ให้ทั้งความรู้และสนุกเหมือนการเดินทางเลยครับ” เมื่อเป็นสิ่งที่เจ้าตัวชื่นชอบ น้องอชิหนุ่มพูดน้อยจึงพูดได้ยาวเป็นพิเศษ
“ถ้ามีโอกาสพาลูกไปต่างประเทศโดยไม่กระทบการเรียน ผมอยากพาอชิไปด้วยทุกครั้ง ทริปหลักๆ ทุกปีเราจะไปสกีด้วยกัน 2 ครั้ง ตอนซัมเมอร์ที่ออสเตรเลียหรือไม่ก็นิวซีแลนด์ ส่วนช่วงคริสต์มาสจะไปญี่ปุ่น ทุกทริปผมไม่ได้มองว่าเป็นการพาลูกไปเที่ยวเท่านั้น แต่การเดินทางจะสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่เราพ่อลูกจะมีร่วมกันซึ่งสำคัญ ผมต้องตักตวงวันเวลาเหล่านี้ไว้เยอะๆ เพราะคงอีก
ไม่นานที่ผมยังนอนกอดลูกได้อย่างนี้ พอเขาโตขึ้น ถ้าเขาไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็อาจขอพาแฟนไปเที่ยวด้วย แล้วถ้าไปด้วยกัน ลูกก็อาจขอแยกไปนอนคนเดียว ไม่นอนเตียงเดียวกับพ่อเหมือนทุกวันนี้แล้ว”
ช่วงเวลาของสองเรา
แววตาและน้ำเสียงคุณฟลุคบอกให้รู้ว่าเขาเป็น ‘พ่อที่ติดลูก’ มากกว่าที่หลายคนคิด “อาจเพราะตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยได้กอดพ่อมั้ง ไม่เข้าใจว่าการกอดพ่อคืออะไร เพราะคุณย่าเลี้ยงผมมา ได้กอดแต่คุณย่า เจอพ่อแค่เสาร์-อาทิตย์ ก็เลยคิดเสมอว่าถ้าผมมีลูก สิ่งที่อยากให้ลูกมากที่สุดก็คือเวลา เมื่อก่อนผมอาจยังมีแว่บไปทำกิจกรรมส่วนตัวอย่างอื่นบ้าง เพราะเราอยู่กับลูกทุกวัน แต่พอสถานการณ์เปลี่ยนไป วันที่ได้อยู่กับลูกคือช่วงเวลาที่มีค่ามากสำหรับผม และผมให้เวลาลูกเต็มร้อยด้วยการอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน
“เรากอดหอมกันมาตลอด แทบจะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เรานอนเตียงเดียวกัน ทำจนเคยชินมาตั้งแต่อชิยังเด็ก ผมเลยไม่รู้สึกแปลกหรือเขินที่มีลูกชายแล้วยังอยากกอดอยากหอมเขาอยู่อย่างนี้ นั่งดูทีวีด้วยกันก็ยังกอดกันกลม นั่งเครื่องบินลูกก็ยังมาเบียดนั่งตักพ่อได้อยู่ กระทั่งผมเอนเบาะนอนตอนนั่งเครื่องบิน อยู่ดีๆ อชิก็บุกมานอนกอดพ่อด้วยเฉยเลย ผมไม่รู้สึกว่าเด๋อ และอชิก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรากำลังทำสิ่งที่แปลกประหลาด” เสียงคุณฟลุคเงียบหายไปชั่วขณะคล้ายจะสะกดความรู้สึกบางอย่างที่แว่บขึ้นมา
“ปกติตั้งแต่เด็กจนโต วันไหนที่อยู่ด้วยกัน เราพ่อลูกอาบน้ำในอ่างเดียวกัน เป็นอย่างนี้มาตลอด เพิ่งจะมาต้นปีที่ผ่านมานี้ที่จู่ๆ อชิก็ล็อกประตูห้องน้ำ ไม่ยอมอาบน้ำกับพ่ออีก” อีกครั้งที่ปลายเสียงสั่นเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเล่าต่อ “ผมน้ำตาซึมเลยครับ สำหรับผมนี่คือช่วงเวลาพิเศษของเราพ่อลูกจริงๆ ทั้งที่ผมเองเผื่อใจไว้แล้วว่าวันนึงลูกเราก็ต้องโตขึ้น แต่ผมก็ไม่เคยคุยกับลูกเรื่องนี้ ทั้งการแยกห้องนอน แยกกันอาบน้ำ เพราะส่วนตัวแล้วก็ยังไม่อยากให้ลูกห่างกายเลย ทุกวันนี้ผมเลยทำเนียนนอนกอดลูกทุกคืนบนเตียงเดียวกัน ส่วนห้องที่ว่างอยู่ ผมก็ตั้งใจเอาของไปใส่ให้เต็ม ลูกจะได้ไม่มีสิทธิ์ขอมีห้องส่วนตัว” พูดจบคุณฟลุคก็อดหัวเราะขำวีรกรรมตัวเองไม่ได้
นั่งฟังคุณพ่อเผยความในใจอยู่พักใหญ่ น้องอชิในวัย 15 ปีก็บอกความรู้สึกตัวเองบ้างว่า “เอาจริงๆ อชิก็ไม่เขินหรอกครับที่จะกอดหอมพ่อ เพราะเราทำกันแบบนี้มาตั้งแต่อชิยังเด็กอย่างที่พ่อเล่า แต่ถ้าอยู่นอกบ้าน เวลาพ่อกอดอชิทีนานเป็น 10 วินาทีเลยครับ อชิก็รู้สึกว่าแอบนานไปนิดนึง (หันไปยิ้มกับคุณพ่อ) ส่วนที่อชิไม่อาบน้ำกับพ่อแล้ว ไม่ได้มีอะไรเลยครับ อชิแค่รู้สึกว่ามันเบียดกันไปหน่อยเพราะอ่างอาบน้ำ อันเดิม แต่อชิโตขึ้น ตัวสูงขึ้น แข้งขาก็ยาวขึ้นเยอะ แล้วที่ล็อกประตูห้องน้ำเพราะบางทีอชิเข้าห้องน้ำอยู่ ถ้าไม่ล็อกเดี๋ยวพ่อก็เดินมาแปรงฟันบ้าง ล้างหน้าบ้าง แค่นั้นเองครับ อชิอาจจะเขินบ้างกับการแสดงออกซึ่งความรักของพ่อ แต่อชิรู้ว่าพ่อรักอชิมากและอยากกอดอยากหอมเหมือนอชิยังเป็นเด็ก อชิเองก็รักพ่อมากเหมือนกัน เราเลยยังกอดหอมกันได้เหมือนเดิมครับ ยกเว้นเรื่องอาบน้ำที่มันอาบไม่สะดวกจริงๆ ครับ” (หันไปหัวเราะกับคุณฟลุค อย่างอารมณ์ดี)
พ่อรวยสอนลูก

ในฐานะกูรูด้านการเงิน เราจึงขอให้คุณฟลุคแบ่งปันการสอนลูกใช้เงินในสไตล์เขา ทำให้ได้ทราบว่าน้องอชิได้ค่าขนมเป็นเงินเดือนและยังมีบัตรเครดิตใช้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งคุณฟลุคให้เหตุผลว่า ต้องการให้น้องอชิเรียนรู้วิธีการบริหารเงินตั้งแต่เด็กเพื่อจะได้เคยชินและมีความพร้อมในวันหนึ่งข้างหน้าที่เขาจะมีบัตรเครดิตหลักเป็นของตัวเอง ที่สำคัญบัตรเครดิตเสริมใบนี้ คุณฟลุคก็กำหนดวงเงินให้ขึ้นลงตามจำนวนเงินที่น้องอชินำมาฝากคุณพ่อไว้
น้องอชิพยักหน้าสนับสนุนเต็มที่ “แต่บางทีถ้าอยากได้ของราคาสูงเกินวงเงินที่มี อชิก็ต้องเอาเงินมาผ่อนพ่อทุกเดือน แต่พ่อก็ใจดีนะครับ ให้อชิได้สิทธิประโยชน์เหมือน อย่างที่บัตรเครดิตมีโปรโมชั่นกับสินค้าด้วย”
น้องอชิยกตัวอย่างตอนที่เจ้าตัวอยากได้แม็คบุ๊กรุ่นล่าสุดตามประสาหนุ่มน้อยที่ชอบอัพเดตเทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่คุณฟลุคไม่เห็นด้วย เพราะเขาเพิ่งซื้อแม็คบุ๊กให้ลูกไปก่อนหน้านี้ไม่นาน แล้วยังมีคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนอีกเครื่องหนึ่งอยู่แล้วด้วย การอยากได้อะไรที่คุณพ่อไม่เห็นด้วย แปลว่าน้องอชิต้องควักกระเป๋าซื้อเอง ที่สุดน้องอชิตัดสินใจ ซื้อด้วยการรูดบัตรเครดิตซื้อมาโดยมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน ซึ่งคุณฟลุคก็ให้สิทธิ์ลูกตามนั้น วิธีนี้ทำให้น้องอชิรู้จักการใช้เงินไปในตัว
เหนือพ่อยังมีลูก
ลูกชายคนนี้สะท้อนความเป็นคุณพ่ออย่างไรบ้าง คุณฟลุคตอบทันทีพร้อมตัวอย่างเสร็จสรรพ “เห็นหลายอย่างเลยครับ แต่ผมว่าอชิเจ้าเล่ห์และเก่งกว่าผมในทุกเรื่อง (หัวเราะชอบใจ) ล่าสุดเขาซื้อไอแพดเป็นของขวัญวันคริสต์มาสล่วงหน้าให้ผม เขายื่นให้แล้วบอกว่า ‘เดี๋ยววันคริสต์มาสอชิก็ต้องได้ของชิ้นใหญ่กว่านี้ใช่ไหมฮะพ่อ’ คือตอนผมเป็นเด็กไม่เคยคิดซื้ออะไรไฮโซให้พ่อขนาดนี้เลย เลยงงว่าลูกคิดได้ไง (ยิ้ม) แล้วเขาก็ยังมีวิธีพูดที่ฟังแล้วขำที่อชิรู้จักเอากุ้งฝอยมาตกปลากะพง แต่ก็เอ็นดูในการรู้จักพูดของลูก หรืออย่างตอนเขาเด็กๆ ไปเดินห้างกัน จู่ๆ ก็บอกผมว่า ‘วันนี้พ่อจะซื้อของเล่นให้อชิ 2 ชิ้นใช่ไหมครับ’ โดยอัตโนมัติผมก็ต้องตอบว่า ‘เปล่าลูก พ่อจะซื้อให้ชิ้นเดียว’ ทั้งที่ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะซื้อให้เลย แต่เมื่อลูกดักคอว่า 2 ชิ้น เราเลยต้องเหลือชิ้นเดียว วิธีคิดและการพูดแบบนี้ผมตามไม่ทัน และก็งงว่าลูกเราคิดได้ยังไงเนี่ย (หัวเราะ) นี่เลยทำให้ผมรู้สึกว่าอชิเก่งกว่าผม”

เจอคุณพ่อเผยวีรกรรมเด็ดเข้าไป เจ้าตัวเองยังอดขำไปด้วยไม่ได้ แต่ก็ออกตัวว่า “ตอนนั้นอชิเด็กจำไม่ค่อยได้ครับ แต่ถ้าอยากได้อะไรจะบอกพ่อตรงๆ ว่า ‘พ่อครับ ชิอยากได้อันนี้ ถ้าพ่อไม่อยากรำคาญชิ ช่วยซื้อให้หน่อยนะครับ’ ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมต้องพูดอย่างนี้ รู้แค่ว่าถ้าอยากได้ก็ต้องพูดให้พ่อใจอ่อน แต่ส่วนใหญ่อชิจะไม่ขออะไรที่พ่อไม่ให้อยู่แล้ว เพราะถ้าพ่อไม่ให้นั่นคือสิ่งที่ไม่ควรซื้อ ยกเว้นพวกของอิเล็กทรอนิกส์ที่อชิสนใจและอยากได้ใช้ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่ออกมา แต่ตั้งแต่อชิให้ไอแพดพ่อไป พ่อก็ติดดูหนังในไอแพดแล้วนะครับ (ยิ้ม) แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เราเห็นตรงกันเพราะมีลอจิกคล้ายกัน ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ อย่างการรู้จักแพลน จะไปไหน ทำอะไรบ้าง จะคิดจัดลำดับไว้ล่วงหน้า ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สไตล์การเดินทางของเราก็คล้ายกัน คือไม่ชอบอะไรที่ลำบากหรือต้องผจญภัยมากนัก ไม่เหมือนเพื่อนๆ อชิที่ชอบเที่ยวลุยๆ”
ความรัก ความผูกพันของสองพ่อลูกจะมีมาก เหนียวแน่นขนาดไหนนั้นติดตามได้ใน
นิตยสาร HELLO! ปีที่ 13 ฉบับที่ 25 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2561
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com