4 เรื่องราวเบื้องหลังมงกุฎ ‘เฟลม ออฟ แพสชัน’ ประจำตำแหน่ง ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021’
สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงในแวดวงอัญมณีมากว่า 138 ปีจนได้รับความไว้วางใจให้รังสรรค์ ‘มงกุฎ’ สุดเลอค่าที่คู่ควรแก่สาวงาม ‘มิสยูนิเวิร์ส’ และ ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์’ ต่อเนื่องมาหลายปี รวมถึงมงกุฎ ‘เฟลม ออฟ แพสชัน’ (Flame of Passion) ของ ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021’ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 รอบพรีลิมมินารี ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี
ระหว่างรอคอยว่าใครจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่จะได้ครอบครองมงกุฎแห่งเกียรติยศ HELLO! พาแฟน ๆ ไปพบกับ 4 เบื้องหลังของการรังสรรค์มงกุฎสุดเลอค่าของสาวงามกับ ‘คุณเฟร็ด โมอาว็าด’ (Fred Mouawad) หัวเรือใหญ่รุ่นที่ 4 ของแบรนด์จิวเวลรี่ระดับตำนาน ‘โมอาว็าด’

รังสรรค์โดยแบรนด์จิวเวลรี่ระดับตำนานที่มีความเป็นมากว่า 138 ปี
หลายคนทราบอาจทราบแล้วว่ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2021 ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยแบรนด์ ‘โมอาว็าด’ ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์มงกุฎให้กับมิสยูนิเวิร์ส และมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โอกาสนี้ คุณเฟร็ด โมอาว็าด หัวเรือใหญ่รุ่นที่ 4 เล่าถึงตำนานกว่า 138 ปีของแบรนด์ให้ทุกคนรู้จักมากขึ้นว่า “ธุรกิจครอบครัวก่อตั้งขึ้นโดย ‘เดวิด โมอาว็าด’ ซึ่งตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ในปี ค.ศ. 1883 เพื่อแสวงหางานฝีมือของเหล่าช่างประดิษฐ์นาฬิกา ช่างทอง และช่างอัญมณี ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเดวิดได้นำผลงานพร้อมด้วยประสบการณ์ที่สะสมไว้กว่า 25 ปี กลับบ้านแล้วเปิดเวิร์กช็อปของตัวเองขึ้นที่กรุงเบรุต สร้างสรรค์นาฬิกาประดับอัญมณีที่มีความสวยงามตระการตา มีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำแบบใคร จนเป็นที่ตื่นตาและต้องใจของลูกค้าที่เป็นบุคคลระดับสูง
ต่อมาในรุ่นที่สอง ‘ฟาเยซ โมอาว็าด’ ขยายธุรกิจไปยังซาอุดิอาระเบีย ทำให้ผลงานอันเกิดจากความตั้งใจและพิถีพิถัน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับการอุปถัมภ์จากชนชั้นสูง จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นช่างอัญมณีประจำพระองค์ของกษัตริย์และเหล่าขุนนาง ช่วงเวลานี้เอง ท่านได้รังสรรค์ผลงานชิ้นเอกอันเลอค่าและหาที่เปรียบไม่ได้ออกมามากมาย ส่วนใหญ่เป็นงานออกแบบเพื่อเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญของประเทศ
ส่วนรุ่นที่สาม ‘โรเบิร์ต โมอาว็าด’ สืบทอดความหลงใหลในความไม่ธรรมดาซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ของอัญมณีและนาฬิกามาจากพ่อและปู่ ควบคู่ไปกับจิตวิญญาณความเป็นนักบุกเบิกและนักลงทุนจากซาอุดิอาระเบีย โดยขยายธุรกิจออกไปในช่วงต้นยุค 1970 ซึ่งมีกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นศูนย์กลาง เป็นซีอีโอคนสำคัญที่มีบทบาททำให้ธุรกิจของโมอาว็าด สร้างหลักปักฐานและสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักในยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ นำพาธุรกิจสู่ความเป็นสากล
มาถึงตอนนี้ธุรกิจดำเนินมายาวนานกว่าร้อยปี ผู้ร่วมสืบทอดกิจการรุ่นที่สี่ ที่มีด้วยกันสามพี่น้องคือ ตัวผมเอง, เออแลน (Alain) และ พาสคาล (Pascal) รับหน้าที่ในการบริหารต่อ โดยมีผู้ร่วมสืบทอดรุ่นที่ห้าคือ ‘จิมมี่’ และ ‘อนาสตาเซีย โมอาว็าด’ เข้ามาร่วมงานด้วย โดยทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นและปรารถนาในการรักษาชื่อเสียงและความเป็นเลิศของโมอาว็าด ให้ดำรงอยู่สืบไป”

จุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์มงกุฎสาวงาม
รังสรรค์มงกุฎสุดเลอค่าให้แก่มิสยูนิเวิร์ส และมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาหลายปี คุณเฟร็ด ย้อนเล่าจุดเริ่มต้นว่า “เพราะสายเลือดที่เข้มข้นของการเป็นผู้ออกแบบอัญมณีให้กับราชนิกูลและชื่อเสียงในด้าน ‘การรังสรรค์สิ่งที่ไม่ธรรมดา’ ของตระกูลเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เราเข้ามาในเวทีนี้ สำหรับผมแล้วการได้นำเสนอผลงานชิ้นเอกที่รังสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ คู่ควรกับการสะท้อนให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์แห่งความงดงามในยุคสมัยใหม่ให้กับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นงานระดับโลกนั้นเป็นความภาคภูมิใจของโมอาว็าด
ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างโมอาว็าดกับองค์กรมิสยูนิเวิร์ส เริ่มต้นในปี 2019 กับการรังสรรค์มงกุฎ ‘เพาเวอร์ ออฟ ยูนิตี้’ (Power of Unity) ประจำตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 2019 ซึ่งผู้ที่ได้รับตำแหน่งในปีนั้นคือ ‘โซซีบีนี ทุนซี’ ตามด้วยมงกุฎ ‘โมอาว็าด แอนด์ มิสยูเอสเอ เพาเวอร์ ออฟ โพสิทิวิตี’ (Mouawad and Miss USA Power of Positivity) และ ‘โมอาว็าด แอนด์ มิส ทีน ยูเอสเอ เพาเวอร์ ออฟ โฮป’ (Mouawad and Miss Teen USA Power of Hope) โดยได้รับการออกแบบให้สะท้อน ‘ธีม’ การประกวดในแต่ละปี คุณค่าของมงกุฎจึงเป็นความงามที่แฝงไปด้วยถ้อยคำที่อยากจะสื่อสารไปยังทุกคนในโลก ด้วยภาษาของอัญมณี
ในปี 2020 เป็นปีที่สะท้อนให้เห็นถึงสัมพันธภาพที่ดีของโมอาว็าดกับประเทศไทย เราได้รังสรรค์มงกุฎ ‘เพาเวอร์ ออฟ ออเธนติซิตี’ (Power of Authenticity) ให้กับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ถ้อยคำที่เรานำเสนอออกไป คือ ความมั่นใจในคุณค่าของตัวเอง เราเชื่อว่าเมื่อคนเราได้มองเห็นคุณค่าที่แท้จริงในตัวของเราเองแล้ว ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้เต็มที่โดยไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันใด ๆ เมื่อนั้นออร่าแห่งความสุขก็จะฉายชัดและเปล่งประกายออกมา สำหรับปี 2021 นี้ได้รับการไว้วางใจให้รังสรรค์มงกุฎในชื่อ ‘เฟลม ออฟ แพสชั่น’ ซึ่งสื่อความหมายถึงแรงปรารถนาอันแรงกล้าในการส่งมอบความรักให้กับทุกคนในโลก”
“มงกุฎจำเป็นต้องสะท้อนให้เห็นถึงความสูงส่ง และสง่างามของผู้สวมใส่ในแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ในขณะเดียวกันเราก็นำภาษาของอัญมณีเลอค่ามาแสดงออกถึงความงามที่แฝงไปด้วยความหมายอันล้ำลึก ตรึงใจ”
คุณเฟร็ดกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการรังสรรค์มงกุฎที่คู่ควรกับสาวงามแต่ละปี

พลังแห่งแรงปรารถนาที่มา ‘เฟลม ออฟ แพชชั่น’
สำหรับแรงบันดาลของมงกุฎ ‘เฟลม ออฟ แพสชั่น’ ที่ออกแบบสำหรับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 คุณเฟร็ด เผยว่า เป็นการสอดแทรกข้อความที่อยากสื่อสารถึงชาวโลกว่า ‘แรงปรารถนา คือ พลังอันยิ่งใหญ่’ สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนพลังงานด้านบวกให้แก่โลกใบนี้ได้ทั้งใบ จึงออกแบบรูปหัวใจที่เป็นสัญลักษณ์สากลสื่อถึงความรัก วางไว้ที่ใจกลางของมงกุฎ แสดงถึงความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจที่เราทุกคนต่างก็มีเหมือนกันในฐานะของมนุษย์ เมื่อนำมารวมกับแรงปรารถนา ผสานด้วยความคิด และเหตุผล จะกลายเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับผู้คนในโลกใบนี้
บนยอดมงกุฎเลือกใช้เพชรและโทปาสสีขาวมาประดับบนมงกุฎ เป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงคุณค่าของความคิดและเหตุผลสื่อออกมาด้วยประกายอันสุขุมและเยือกเย็น นอกจากนี้มงกุฎยังได้รับแรงบันดาลใจคนไทยและประเทศไทย ที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงอยากสะท้อนภาพความมุ่งมั่นนี้สื่อผ่านประกายแสงอันเจิดจรัสของอัญมณี โดยมุ่งหวังให้ทุกคนในโลกได้ตระหนักถึงความรัก ความทุ่มเทของคนไทย เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับประเทศไทย”

ซิทรินสีเพลิงเปรียบดังเปลวไฟแห่งแรงปรารถนาที่ลุกโชน
สำหรับอัญมณีที่นำมาใช้สื่อความหมายของมงกุฎ ‘เฟลม ออฟ แพชั่น’ ประกอบไปด้วย ‘ซิทรินสีเพลิง’ รูปหัวใจ 8 เม็ด น้ำหนัก 65.74 กะรัต เป็นทั้งตัวแทนของแรงปรารถนาที่ลุกโชนราวกับเปลวไฟ และสัญลักษณ์สากลของความรัก จัดวางในตำแหน่งใจกลางของมงกุฎ โอบล้อมไปด้วยประกายอันเยือกเย็นของ ‘โทปาสสีขาว’ (น้ำหนัก 168.49 กะรัต) รายล้อมด้วย ‘เพชรสีขาว’ ทรงลูกแพร์ น้ำหนัก 3.83 กะรัต แทนความหมายของความคิดและเหตุผล เป็นการย้ำเตือนว่าการกระทำตามแรงปรารถนานั้นควรอยู่บนพื้นฐานความคิดอย่างมีเหตุผล